นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวถึงผลการอภิปรายฯ ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะรัฐบาลกุมเสียงข้างมาก แต่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยรอบนี้ ก็คือการสร้างกระแส และชุดความเชื่อที่ว่า รัฐบาลและทหารฆ่าคนเสื้อแดง ถือว่าได้ผล และสามารถขยายผลจนโน้มนำให้คนจำนวนไม่น้อยเชื่อแบบฝังใจ ทั้งที่ข้อเท็จจริงบางกรณีเป็นคนละอย่าง
ชุดความเชื่อทางการเมืองที่ออกแบบโดยพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. เช่นนี้จะยังทำให้การเมืองแบบเลือกตั้งเป็นแค่เครื่องมืออันหนึ่งสู่ปลายทางอำนาจใหม่ที่ออกแบบไว้แล้ว ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะแพ้ หรือชนะหลังเลือกตั้ง จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ พรรคเพื่อไทยก็ไม่สนใจ เช่นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอิน แล้วบอกว่า นปช. มองไกลกว่าผลเลือกตั้ง ซึ่งพอจะคาดการณ์สัญญาณทางการเมืองในอนาคตได้ว่า ความขัดแย้งแตกแยก จะยังไม่คลี่คลาย ซ้ำรายยังไม่เห็นแม้แต่หนทางด้วยซ้ำ
ที่น่าเป็นห่วงคือหลังการอภิปรายครั้งนี้ ปรากฏการณ์ที่ประชาชนไม่ไว้วางใจต่อระบบรัฐสภา หรือการเมืองแบบตัวแทนเริ่มก่อตัวสูงขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลจากระบบ และโครงสร้างทางสังคมการเมืองที่เราปล่อยให้ประชาธิปไตยในเชิงรูปแบบครอบงำมานานเกินไป แต่ประชาธิปไตยในเชิงเนื้อหา กลับถูกปล่อยปะละเลยและกลายเป็นเรื่องของเสียงส่วนน้อยไป
สัญญาณแบบนี้ หากนักการเมืองไม่ปรับตัว ประเมินตัวเองใหม่ และเร่งรัดปฏิรูประบบการเมืองอย่างเข้มข้น ก็น่าเป็นห่วง เพราะไม่ว่าจะเลือกตั้งช้า หรือเร็ว รัฐบาลหลังเลือกตั้งก็ยังไม่เป็นคำตอบที่แท้จริง วิกฤติของชาติที่เรื้อรังก็จะยังไม่คลี่คลาย และมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นจุดนับหนึ่งของความรุนแรงรอบใหม่ ที่หนักหน่วงกว่าเดิม เพราะระดับของความขัดแย้งในขณะนี้มีการจัดขบวน ซ่องสุมกำลัง สร้างฐานมวลชน เพื่อเกมช่วงชิงอำนาจที่ใหญ่กว่าผลแพ้ชนะในการเลือกตั้ง
ฉะนั้นถ้าหลายฝ่ายยังคิดว่าการเลือกตั้งเป็นคำตอบเดียวและคำตอบสุดท้ายนั้น ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง และจะวิ่งตามหลังความขัดแย้งหลายก้าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายที่เสร็จสิ้นไป ทางพรรคฝ่ายค้าน จะรวบรวมคำภามในกรณีการทุจริตต่างๆ ประมาณ 20 คำถาม ที่ทางรัฐบาลไม่สามารถชี้แจง หรือพยายามหลีกเลี่ยง บ่ายเบียงประเด็น โดยจะทำเอกสารเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีการบริหารประเทศอย่างไร
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภาในอีก 45 วันข้างหน้านั้น ทางพรรคเพื่อไทย จะพยายามติดตามเพื่อไม่ให้เกิดการเซ็นสัญญาเพื่อทำโครงการใหม่ๆ ขึ้นมาอีก เนื่องจากว่าการที่รัฐบาลจะหมดอายุการทำงานก็ไม่น่าจะมีการดำเนินโครงการใดๆ เพื่อตักตวงผลประโยชน์ก่อนที่จะออกจากตำแหน่งไป เหมือนมีการทิ้งทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง 3 ฉบับ จะผ่าน 3 วาระรวดหรือไม่ว่า ให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาลเป็นผู้ประสานงาน เพราะจะได้ประเมินตารางเวลา ซึ่งมี 2 ฉบับจะสั้นมาก มีโดยฉบับหนึ่งจะมี 1 มาตรา อีกฉบับจะมี 7 มาตรา ที่ยาวก็คือกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าเนื้อหาสามารถตกลงกันได้ในสภาผู้แทนราษฎรในระดับหนึ่ง ตนเชื่อว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง สามารถออกระเบียบให้ตรงกับเจตนาของสภาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากเวลาที่เหลืออยู่ จะทันสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.ที่ประกาศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะพยายามให้ทัน เพราะมันประเด็นที่ว่า ถ้าผ่านแล้วต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดูด้วย เมื่อถามว่าเกรงว่าฝ่ายค้านจะตีรวนในสภาหรือไม่ อาจทำให้ล่าช้าออกไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า ช้าไม่ช้าจะไม่มีผลต่อสิ่งที่ประกาศไปแล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อให้ผ่านกฎหมายออกมา
ชุดความเชื่อทางการเมืองที่ออกแบบโดยพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. เช่นนี้จะยังทำให้การเมืองแบบเลือกตั้งเป็นแค่เครื่องมืออันหนึ่งสู่ปลายทางอำนาจใหม่ที่ออกแบบไว้แล้ว ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะแพ้ หรือชนะหลังเลือกตั้ง จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ พรรคเพื่อไทยก็ไม่สนใจ เช่นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอิน แล้วบอกว่า นปช. มองไกลกว่าผลเลือกตั้ง ซึ่งพอจะคาดการณ์สัญญาณทางการเมืองในอนาคตได้ว่า ความขัดแย้งแตกแยก จะยังไม่คลี่คลาย ซ้ำรายยังไม่เห็นแม้แต่หนทางด้วยซ้ำ
ที่น่าเป็นห่วงคือหลังการอภิปรายครั้งนี้ ปรากฏการณ์ที่ประชาชนไม่ไว้วางใจต่อระบบรัฐสภา หรือการเมืองแบบตัวแทนเริ่มก่อตัวสูงขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลจากระบบ และโครงสร้างทางสังคมการเมืองที่เราปล่อยให้ประชาธิปไตยในเชิงรูปแบบครอบงำมานานเกินไป แต่ประชาธิปไตยในเชิงเนื้อหา กลับถูกปล่อยปะละเลยและกลายเป็นเรื่องของเสียงส่วนน้อยไป
สัญญาณแบบนี้ หากนักการเมืองไม่ปรับตัว ประเมินตัวเองใหม่ และเร่งรัดปฏิรูประบบการเมืองอย่างเข้มข้น ก็น่าเป็นห่วง เพราะไม่ว่าจะเลือกตั้งช้า หรือเร็ว รัฐบาลหลังเลือกตั้งก็ยังไม่เป็นคำตอบที่แท้จริง วิกฤติของชาติที่เรื้อรังก็จะยังไม่คลี่คลาย และมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นจุดนับหนึ่งของความรุนแรงรอบใหม่ ที่หนักหน่วงกว่าเดิม เพราะระดับของความขัดแย้งในขณะนี้มีการจัดขบวน ซ่องสุมกำลัง สร้างฐานมวลชน เพื่อเกมช่วงชิงอำนาจที่ใหญ่กว่าผลแพ้ชนะในการเลือกตั้ง
ฉะนั้นถ้าหลายฝ่ายยังคิดว่าการเลือกตั้งเป็นคำตอบเดียวและคำตอบสุดท้ายนั้น ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง และจะวิ่งตามหลังความขัดแย้งหลายก้าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายที่เสร็จสิ้นไป ทางพรรคฝ่ายค้าน จะรวบรวมคำภามในกรณีการทุจริตต่างๆ ประมาณ 20 คำถาม ที่ทางรัฐบาลไม่สามารถชี้แจง หรือพยายามหลีกเลี่ยง บ่ายเบียงประเด็น โดยจะทำเอกสารเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีการบริหารประเทศอย่างไร
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภาในอีก 45 วันข้างหน้านั้น ทางพรรคเพื่อไทย จะพยายามติดตามเพื่อไม่ให้เกิดการเซ็นสัญญาเพื่อทำโครงการใหม่ๆ ขึ้นมาอีก เนื่องจากว่าการที่รัฐบาลจะหมดอายุการทำงานก็ไม่น่าจะมีการดำเนินโครงการใดๆ เพื่อตักตวงผลประโยชน์ก่อนที่จะออกจากตำแหน่งไป เหมือนมีการทิ้งทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง 3 ฉบับ จะผ่าน 3 วาระรวดหรือไม่ว่า ให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาลเป็นผู้ประสานงาน เพราะจะได้ประเมินตารางเวลา ซึ่งมี 2 ฉบับจะสั้นมาก มีโดยฉบับหนึ่งจะมี 1 มาตรา อีกฉบับจะมี 7 มาตรา ที่ยาวก็คือกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าเนื้อหาสามารถตกลงกันได้ในสภาผู้แทนราษฎรในระดับหนึ่ง ตนเชื่อว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง สามารถออกระเบียบให้ตรงกับเจตนาของสภาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากเวลาที่เหลืออยู่ จะทันสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.ที่ประกาศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะพยายามให้ทัน เพราะมันประเด็นที่ว่า ถ้าผ่านแล้วต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดูด้วย เมื่อถามว่าเกรงว่าฝ่ายค้านจะตีรวนในสภาหรือไม่ อาจทำให้ล่าช้าออกไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า ช้าไม่ช้าจะไม่มีผลต่อสิ่งที่ประกาศไปแล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อให้ผ่านกฎหมายออกมา