xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.สรรหาทยอยรายงานตัว รับน้องใหม่คึก “นิคม” นัดเลือก ปธ.22 เม.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาอีกครั้งมารายงานตัวเป็นคนแรก ที่อาคารวุฒิสภา
รองประธานวุฒิฯ ยินดี 73 ส.ว.สรรหา เชื่อครอบงำไม่ได้ นัดประชุม 18 เม.ย.ให้ปฏิญาณตน พร้อมพิจารณา กม.ลูกเลือกตั้ง เลือก กมธ.22 คณะ ก่อนประชุมเลือก ปธ.ใหม่ 22 เมษา ยันพวกเลือกตั้งต้องได้นั่งบ้าง หนุนแนวคิด “สมบัติ” ตั้ง ส.ส.ร.3 ชี้ ต่างชาติขอดูเลือกตั้งไทยก็เป็นสิทธิ์ ชี้ เรื่องรุนแรงแค่กลัวไปเอง ด้าน 20 ส.ว.ใหม่ทยอยรายงานตัวที่สภา ขณะ ส.ว.เลือกตั้ง รอรับคึก

วันนี้ (12 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา ในฐานะรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา กล่าวภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็น ส.ว.สรรหา จำนวน 73 คน ว่า หลังจากนี้ ผู้ที่ได้รับการประกาศชื่อก็จะเข้ารายงานตัวในวันที่ 12-13 เม.ย.นี้ โดยตนได้ออกหนังสือแจ้งนัดประชุมวุฒิสภาในวันที่ 18 เม.ย.เพื่อให้ ส.ว.ใหม่ทำการปฏิญาณตน ก่อนเข้าทำหน้าที่ ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้ง 3 ฉบับ รวมไปถึงกฎหมายสำคัญอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อคัดเลือกคณะกรรมมาธิการสามัญ ทั้ง 22 คณะ หลังจากนั้น ในการประชุมวันที่ 22 เม.ย.จะมีการเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่

“ขอแสดงความยินดีกับทั้ง 73 ท่าน เชื่อว่า ส.ว.ที่เข้ามามีวุฒิภาวะ และอิสระทางความคิด ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของผู้ใด อาจจะมีบางส่วนที่มีกลุ่มบ้าง แต่สุดท้ายเชื่อว่า ทุกคนจะมีความคิดเป็นเอกเทศ ทำให้สุดท้ายแล้วไม่มีใครมาครอบงำได้” นายนิคม กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า นายนิคม จะเข้ารับการคัดเลือก โดยไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม นายนิคม กล่าวว่า การที่ตนไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อนนั้นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติมาในอดีต ทั้งนี้ ตนอยากให้การดำรงตำแหน่งประธาน หรือรองประธานวุฒิสภา เป็นวัฒนธรรมองค์กร ซึ่ง 3 ปีก่อน นายประสพสุข บุญเดช เป็นประธาน ก็มาจากสายสรรหา 3 ปี จากนี้จึงควรเป็น ส.ว.เลือกตั้งที่ทำหน้าที่บ้าง ทั้งนี้ ในส่วนของตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ซึ่งมีเสียงเรียกร้องให้เปิดโอกาสให้ ส.ว.สรรหา มาทำหน้าที่นั้น ตนเห็นว่า หากตนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธาน ส.ว.เลือกตั้งก็จะเปิดโอกาสให้ ส.ว.สรรหา ได้มีโอกาสเข้ามาดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 แทนตน

“ผู้ที่จะมาเป็นประธานวุฒิสภานั้น ไม่ว่าจะเป็นจากสายสรรหา หรือสายเลือกตั้ง ต้องทำหน้าที่เพื่อประสานการทำงานของวุฒิสภาทั้ง 2 ส่วนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ ส่วนใครจะเสนอตัวมาเป็นนั้นก็เป็นสิทธิ์ ไม่ว่า ส.ว.ใหม่หรือ ส.ว.เก่า” นายนิคม กล่าว

เมื่อถามว่า หาก ส.ว.เลือกตั้ง ยังตกลงไม่ได้ว่าจะเสนอผู้ใดเป็นประธานวุฒิสภา อาจทำให้เสียงแตกในการลงมติได้ นายนิคม กล่าวว่า “ไม่ห่วง แตกเป็นแตก”

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน เสนอให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.3 ขึ้น เพื่อทำการปฏิรูปกฎหมายรัฐธรรมนูญ และโครงสร้างทางการเมืองอีกครั้ง นายนิคม กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตนได้เคยเสนอมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับถูกคัดค้าน ทั้งที่ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นมีปัญหา ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ดังนั้น ควรนำสิ่งที่มีปัญหามาปรับแก้เสียใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ใช่ยาวิเศษ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วนการที่มองว่า ส.ส.ร.ทำหน้าที่มา 2 ครั้งแล้ว แต่ปัญหาความขัดแย้งในสังคมยังไม่จบนั้น ตนมองว่าขณะนี้ปัญหาและระบบต่างๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางใกล้ถึงจุดที่เหมาะสมแล้ว เชื่อว่า ในที่สุดจะสามารถหาจุดที่ลงตัวได้ ไม่เพียงแต่มาแก้เฉพาะจุดเล็กๆ อย่างระบบการเลือกตั้ง หรือมาตรา 190 เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตนเสียดายมากเมื่อครั้งที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 กระบวนการตรงนี้ควรได้รับการจัดการให้แล้วเสร็จ แต่กลับมุ่งสนใจแต่ประเด็นเล็กน้อย ที่ไม่ได้มองถึงองค์รวมของผลประโยชน์ของประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มวิกฤตระหว่างประเทศ (International Crisis Group) หรือ ไอซีจี ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลก ขอเข้ามาสังเกตการณ์ในช่วงการเลือกตั้งของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น นายนิคม กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่องค์กรเหล่านี้จะเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ซึ่งเราก็ไม่มีสิทธิจะไปห้ามได้ เพราะเวลาชาติอื่นมีเลือกตั้งประเทศ เราก็ส่งผู้แทนไปดูเขาเช่นกัน เมื่อถามต่อว่า มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจนำไปสู่ความรุนแรง นายนิคม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไม่คิดกันไปเอง แต่ควรหากระบวนการที่ทำให้สังคมยอมไทยรับว่าวัฒนธรรมประชาธิปไตย ที่ยอมรับเคารพเสียงส่วนใหญ่ กฎกติกาทางสังคม และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าทำเช่นนี้ได้ก็จะทำให้สังคมไม่เกิดความวุ่นวาย ดังนั้น การที่จะคืนการตัดสินใจให้ประชาชน เราก็ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

อนึ่ง 73 รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น ส.ว.สรรหา ประกอบด้วย ส.ว.สรรหาชุดเก่า 31 คน และ ส.ว.หน้าใหม่ จำนวน 42 คน ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรายชื่อได้มี ส.ว.ทยอยเข้ามารายงานที่อาคารรัฐสภา 2 ในเบื้องต้นประมาณ 20 คน โดยมี นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาอีกครั้งมารายงานตัวเป็นคนแรก โดยมีนายนิคม และ ส.ว.สายเลือกตั้ง ร่วมแสดงความยินดีและให้การต้อนรับ



กำลังโหลดความคิดเห็น