นายกฯ จี้ “เจ๊สด” พูดให้ชัดใครกดดันล้มกฎหมายลูก 3 ฉบับ หวังให้ กกต.ออกระเบียบแทน จนต้องเตรียมไขก๊อก ยันรัฐบาลไม่เคยแทรกแซง เชื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญผ่านเร็ว หลัง กมธ.ยืนยันไม่เกิน 10 วัน พิจารณาเสร็จ เมิน “ไอ้ตู่” ปูดมือที่มองไม่เห็นจัดตั้งรัฐบาล บอกคำพูดเชื่อถือไม่ได้ เรียกร้อง กกต.กำหนดแนวทางการเลือกตั้ง ให้เกิดความสงบและเป็นธรรม รับตัวเองสวมหมวกสองใบหาเสียงลำบาก ย้ำ ไม่ใช้กองทัพหนุน ยังบอกไม่ได้ยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ขณะนี้บางฝ่ายมีความพยายามทำให้กฎหมายลูก 3 ฉบับไม่ผ่านสภา และอาจมากดดันให้ กกต.ออกระเบียบ ว่า ยังไม่มี เพราะเมื่อ กกต.เสนอร่างมา ประธานก็กรุณาบรรจุให้ ซึ่งเข้าใจว่า เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว และตนต้องขอขอบคุณเพื่อน ส.ส.และฝ่ายค้านด้วย ซึ่งในวันนั้นยกเว้นข้อบังคับให้เลย แทนที่จะพิจารณาในครั้งต่อไปตามข้อบังคับ และในวันนี้ตนยังได้สอบถามผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานของกรรมาธิการ ซึ่งก็ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด อาจจะภายใน 7 วัน 10 วันด้วยซ้ำ ถือว่าเร็วมาก
“ผมยังมองไม่เห็นว่ามีใครไปพยายามที่จะถ่วงไม่ให้กฎหมายผ่าน เท่าที่ฟังมาในขณะนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเพื่อน ส.ส.ทุกคน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยความราบรื่น ทำไมถึงยังมีสัญญาณที่ทำให้นางสดศรีไม่รู้สึกสบายใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถาม นางสดศรี ซึ่งเราไม่ทราบว่ามันมีอะไรหรือมีใครไปกดดันอะไร ซึ่ง นางสดศรี ต้องระบุมา แต่ยืนยันว่า ขณะนี้ทั้งรัฐบาลและสภา ร่วมมือกันอย่างดี เพื่อที่จะผลักดันให้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ออกมา เมื่อถามว่า ตอนนี้กลายเป็นว่าท่าทีของนางสดศรีสอดรับกับการเคลื่อนไหวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอีกกลุ่มที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่าไม่ทราบ เพราะนางสดศรีเองก็บอกว่าเป็นเหตุผลที่อยากไปทำงานองค์การปฏิรูปกฎหมาย
ส่วนที่ นายจตุพร อ้างว่า มีมือที่มองไม่เห็นเตรียมจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พอไม่มีอะไรก็อ้างว่ามองไม่เห็น เมื่อถามต่อว่า มีความพยายามที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีปัญหา หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ทางประธาน กกต.ก็ยืนยันพร้อมจะทำหน้าที่ ต่อข้อถามว่า การเคลื่อนไหวเหมือนการตีปลาหน้าไซ ก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้น จะทำให้เป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความพยายามแต่ตนจะดูเพิ่มเติม จริงๆ แล้ว ถ้า กกต.สามารถที่ให้ความมั่นใจกับทุกพรรคการเมืองได้ว่า การเลือกตั้งจะดูแลเป็นพิเศษ เพราะวันที่คนเองไปพบกับ กกต.ได้พูดไปชัดเจนว่าต้องการให้การเลือกตั้งราบรื่น และเป็นธรรม
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในตอนนี้จะส่งผลกระทบหลังการเลือกตั้ง ที่อาจทำให้บางฝ่ายไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและออกมาเคลื่อนไหววุ่นวาย หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันอยู่ที่ข้อเท็จจริง ฉะนั้นคิดว่าก่อนที่จะมีการยุบสภา แนวปฏิบัติทั้งหลาย กกต.อาจจะกรุณาแนะนำทางรัฐบาลมาเลยว่ามีอะไรบ้างที่เห็นว่าควรทำหรือไม่ควรทำในแง่ของรัฐบาล เพราะคนที่เป็นรัฐบาลยังมีหน้าที่ในการที่จะต้องทำงานจนกระทั่งมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่เราจะต้องมีการกำหนดขอบเขตให้เหมาะสมว่าพึงทำอะไรบ้าง และไม่พึงทำอะไร ถ้า กกต.จะช่วยเราอีกทางโดยการกำหนดแนวทางมา เราก็พร้อมจะปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปการกำหนดบทบาทของรัฐบาลจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีการหารือกันและถ้าได้แนวทางจาก กกต.ก็ยิ่งดี เพราะท่านเป็นผู้ที่เป็นกลางที่จะกำหนดแนวทาง เมื่อถามว่า หลังจากนี้ไปควรมีการให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่างๆ มาทำสัญญาจะไม่เคลื่อนไหวการเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่จำเป็น คิดว่าหลังการเลือกตั้งทุกอย่างจะเดิมตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ แต่การเลือกตั้งคงไม่ได้หมายความว่าทำให้ทุกคนสมหวังอยู่แล้ว ซึ่งเป็นธรรมดาแต่ทุกคนน่าจะยอมรับ และสิ่งที่ตนเรียกร้องไม่ใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และตนก็ไม่รู้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร แต่คิดว่า อยากจะเรียกร้องให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งเราไม่ควรที่จะเสียโอกาสในการเลือกตั้งครั้งนี้ และทำให้ปัญหาเก่าๆ ยังเวียนไปเวียนมาอยู่ และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งจะเป็นจุดอะไรสำหรับประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเราสามารถที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รัฐบาลมา และสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้จะเป็นผลดีอย่างมาก มันเป็นโอกาสที่จะทำให้เราก้าวพ้นหลายสิ่งหลายอย่าง ฉะนั้น อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันจริงๆ
เมื่อถามแย้งว่า แต่ความขัดแย้งคงยังไม่หมดไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างคงไม่หมดไป แต่คิดว่า เราได้ใช้กระบวนการประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาไปอีกระดับหนึ่ง ทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ที่ตนตัดสินใจให้มีการเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเราจะก้าวพ้นคือตนคิดว่าขณะนี้บอกตรงๆ หลายคนมีความรู้สึกว่าพึงพอแล้วกับความขัดแย้งในเรื่องเดิมๆ ดังนั้น หาโอกาส หาช่องทางในการที่จะก้าวพ้นไปไม่ดีกว่าหรือ
ส่วนในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะสามารถลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงได้ทุกพื้นที่ได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่มีปัญหาในเรื่องของการรณรงค์เลือกตั้งครั้งนี้ แต่การจะทำอะไร อย่างไร ก็ต้องดู คือ ก็ยากลำบากนิดหน่อยเที่ยวนี้ เพราะตนทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีด้วย ฉะนั้น อย่างน้อยๆ เวลาราชการเท่าที่ตนเข้าใจจะไปหาเสียงไม่ได้ ดังนั้น การจะไปลงพื้นที่อะไรคงไม่สะดวกเหมือนกับปี พ.ศ.2550 ที่ตอนนั้นสองพรรคใหญ่ไม่มีใครมีตำแหน่งในทางราชการเลย
ต่อข้อถามว่า ในพื้นที่ที่เคยมีปัญหา วันนี้จะยังสามารถเดินทางไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องพยายามกัน จะได้ดูว่าฝ่ายที่เขาเคยเรียกร้องว่าให้ไปเลือกตั้งแล้วไม่ให้ขัดขวางนั้น จริง หรือไม่ ถ้าไม่จริงประชาชนจะได้ทราบว่าคนกลุ่มนี้แสดงว่าเชื่อถือไม่ได้ เมื่อถามว่า นายจตุพร ออกมาพูดเสมอว่ากองทัพช่วยเหลือรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วยเรื่องไหน นายจตุพรก็พูดไปเรื่อย และก็เห็นว่าพูดมาตั้งกี่เรื่องแล้ว ก็ไม่จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะไม่ใช้กองทัพเกื้อหนุน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ทางกองทัพก็ยืนยัน ทุกคนก็ยืนยัน พวกเราก็เห็นวันที่ตนไปประชุมสัมมนากับตำรวจ มีแต่บอกว่าขอให้เป็นกลาง นายจตุพร อย่าไปดูพฤติกรรมของรัฐบาลเก่าๆ เลย
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังคงจะต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง อยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง ใช้ตามความจำเป็นของสถานการณ์ของพื้นที่ ซึ่งยังตอบไม่ได้วันเลือกตั้งจะยกเลิกการประกาศใช้ได้หรือไม่ เพราะอย่างตอนนี้ที่เราใช้ เพื่อดูแลให้การทำงานที่ทำเนียบกับสภา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฉะนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ที่ให้เหตุผลว่า เพื่อให้ทำเนียบกับสภาฯ ทำงานได้ แต่ทุกวันนี้ไม่เห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะรุกรานทำเนียบหรือสภา ทำไมถึงยังประกาศใช้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เพราะยังมีการประกาศใช้อยู่