“ประพันธ์” ชี้เป็นเรื่องน่าเศร้า “มาร์ค” บอกจะปกป้องสถาบันแต่ถึงวันนี้ไม่ทำอะไรเลย เป็นยุคที่ขบวนการล้มเจ้าคึกโครมมากสุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา จนถึงขั้น “ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” ประทานสัมภาษณ์ขอเวลาทางทีวีฉายพระราชกรณียกิจ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระราชินี” พร้อมจี้ “ประยุทธ์” จัดการขบวนการล้มเจ้าให้ดู อย่าดีแต่พูดเหมือนนายกฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (4 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.05 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า วาระการเห็นชอบเจบีซีไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมรัฐสภาพรุ่งนี้แล้ว นี่ก็เพราะพันธมิตรฯ เอาข้อเท็จจริงไปสู่สภาชิกรัฐสภา ในที่สุดก็ไม่สามารทำการประชุมได้ นี่ต้องนับว่าเป็นผลสำเร็จของการยืนหยัดต่อสู้ของพันธมิตรฯ
เรื่องที่สอง ต้องชื่นชมคือ ฝ่ายกองทัพ ที่ขอไม่ไปร่วมประชุมจีบีซีที่อินโดนีเซีย และไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย 15 ท่าน มาปฏิบัติการในไทย ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการยืนหยัดต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ เลยทำให้ขณะนี้กระทรวงว่าการต่างประเทศก็ละล้าละลังว่าจะไปประชุมที่อินโดฯ หรือไม่
“การต่อสู้ครั้งนี้ของเราไม่ได้สูญเปล่า แต่อีกเรื่องที่ยังไม่สำเร็จก็คือการช่วยเหลือคุณวีระ และคุณราตรี อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้สึกเศร้าใจที่ 2 คนไทยต้องถูกจองจำในเรือนจำเขมร โทษใครไม่ได้เลย เป็นความผิดนายอภิสิทธิ์คนเดียว เพราะรัฐบาลไม่ใส่ใจ วันนี้ญาติพี่น้องคุณวีระ ได้ไปขอความช่วยเหลือกับทักษิณและเพื่อไทย แม้เราจะเจ็บปวด ไม่เห็นด้วย และระอาใจ แต่ก็ทัดทานไม่ได้เพราะเป็นสิทธิของญาติพี่น้อง” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ตนมีโอกาสให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ทางคลื่นวิทยุ FM 100.5 เป็นตัวแทนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง และมี อ.สมบัติ ธํารงธัญวงศ์ และดร.ปณิธาน วัฒนายากร เป็นฝ่ายที่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง แต่เวลาน้อย ตนจึงขอมาขยายความที่นี่ต่อ ตนให้เหตุผลไปว่าทำไมไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง คือ 1.ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตย มาตั้งแต่ 2475 แต่ระบอบประชาธิปไตยไทยก็ไปไม่ถึงไหนเลย แสดงว่าระบอบที่เราเอามาใช้ไม่สอดคล้องกับไทย 2.พัฒนาระบอบประชาธิปไตยมา 79 ปีแล้ว จาก 2475 เราได้นักการเมืองที่เลวลง พัฒนาจากคนไปเป็นนักการเมืองสัตว์นรกไปแล้ว
3.กลไกระบอบการเลือกตั้งที่มีอยู่ จนพัฒนาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้นไม่สามารถเป็นหลักประกันที่เชื่อได้เลยว่าการจัดเลือกตั้งด้วยกกต. จะไม่มีการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ไม่ใช่เพราะกกต.ขาดความรู้ความสามารถ แต่เพราะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อ.สมบัติก็บอกว่า ไม่มีระบอบอะไรดีกว่านี้แล้ว แล้วถ้าเว้นวรรค 3-5 ปี จะหาเหตุผลอธิบายต่อสังคมได้อย่างไร แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรคนที่เข้ามาจะเป็นคนดี ควรให้มีการเลือกตั้งไปก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ส่วน อ.ปณิธานบอกว่า ถ้าไม่มีการเลือกตั้งจะอธิบายต่างชาติอย่างไร ซึ่งการเลือกตั้งนั้นยิ่งบ่อย จะยิ่งได้คนดีขึ้นเรื่อยๆ
นายประพันธ์กล่าวว่า ด้วยความเคารพต่อ อ.สมบัติ และอ.ปณิธาน การเลือกตั้งแบบที่มีอยู่ตอนนี้ไม่หมาะกับไทยเพราะเต็มไปด้วยการทุจริต ยิ่งเลือกตั้งบ่อยก็ยิ่งเสียเงินมากขึ้น เหมือนต้นไม่พิษออกลูกก็เป็นพิษ ที่ อ.สมบัติ บอกเลือกตั้งไปก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนโครงสร้าง จริงๆแล้วไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะนักการเมืองไม่เคยอยากเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะเกิดไม่ได้ถ้าไม่ใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงโดยพี่น้องประชาชน โดยทุกองค์กรต้องออกมาร่วมกัน
ที่ถามว่าแล้วจะเอาใครมาปฏิวัติ คำว่าต้องหยุดการเมืองน้ำเน่านี้ ไม่ใช่หมายถึงต้องการระบอบเผด็จการไม่ฟังประชาชน แต่ต้องเป็นตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่า หากถามว่าแล้วจะได้มาอย่างไร ตนก็ตอบว่าก็ยึดอำนาจสิ แต่การยึดอำนาจต้องเกิดขึ้นจากพลังประชาชน บวกทหาร บวกนักวิชาการ รวมถึงข้าราชการ แล้วก็มาร่วมกันคิดหาทางออกให้เปลี่ยนการปกครอง
ส่วนคำถามว่า แล้วจะใช้อะไรเป็นหลักประกันว่าคนที่นำการปฏิวัติจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ ก็ประชาชนนี่คือหลักประกัน เพราะถ้ามาแล้ว มาโกงกินเหมือนเดิม ก็จะถูกประชาชนประชาทัณฑ์เอง อ.สมบัติบอกว่า แล้วจะรู้ได้ไงใครดีใครชั่ว อยู่มาจนอายุขนาดนี้ ใครดีใครเลวก็รู้กันหมด ถ้าไม่รู้ว่าในประเทศใครดีใครชั่วก็อย่าอยู่ในไทยเลย
“มันต้องมีผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ทหารที่รักชาติบ้านเมือง ลุกขึ้นช่วยเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองสิ ที่หมายถึงไม่ต้องการเลือกตั้ง คือเราไม่ต้องการเลือกตั้งภายใต้ระบอบการเมืองเดิมนี้ หยุดไปสัก 3-5 ปี จัดการให้บ้านเมืองสะอาดก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง” นายประพันธ์กล่าว
โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรยังกล่าวอีกว่า พี่น้องคงได้ดูการประทานสัมภาษณ์ของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ซึ่งน่าเศร้าใจยิ่งนัก และทั้งหมด บ้านเมืองจะไม่เป็นเช่นนี้เลย ถ้าไม่มีนายกฯที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์เคยบอกในวันรับพระบรมราชโองการณ์แต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ว่า
1.จะพาบ้านเมืองพ้นความล้มเหลว ซึ่งตอนนี้นายอภิสิทธิ์ก็ล้มเหลวไปพร้อมกับการเมือง แถมพาบ้านเมืองล้มเหลวไปด้วย
2.นายอภิสิทธิ์บอกว่าจะใช้ประสบการณ์ความรู้ทำงานรับใช้ประชาชนทุกสี สุดท้ายแล้วก็ไปรับใช้นักการเมือง และพรรคการเมือง อย่างทั้งชีวิตจิตใจ ไมได้รับใช้ประชาชนเลย
3. เรื่องที่น่าเศร้าคือ นายอภิสิทธิ์บอกจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รับตำแหน่งจนวันนี้ไม่เคยทำอะไรเลย จนถึงกรณีที่ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ประทานสัมภาษณ์อยากขอเวลาทีวีในการฉายพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินีนาถ ขอประณามนายอภิสิทธิ์ เพราะไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับสถาบันเลย มิหนำซ้ำปล่อยให้ขบวนการล้มเจ้า เคลื่อนไหวคึกโครมยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ ตั้งแต่มีประเทศไทยมา
มิหนำซ้ำพวกหมิ่นก็ถูกปล่อยออกมาโดยรัฐบาล ทั้งๆ ที่รู้ว่าการเผาบ้าน เผาเมือง สร้างความทุกข์ยิ่งใหญ่ให้กับประมุขของประเทศ ยังใม่ใส่ใจเลยอำมหิตกับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่สถาบันเบื้องสูง ถึงบอกว่านายอภิสิทธิ์ควรจบชีวิตการเมืองไปได้แล้ว
“อยากฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ผู้บัญชาการทหารบกด้วย ท่านพูดหลายครั้งแล้ว อย่าเลียนแบบอภิสิทธิ์ที่ดีแต่พูด ที่บอกว่าจะจัดการขบวนการหมิ่นเบื้องสูง โชว์ให้ดูหน่อยทหารทำอะไรบ้าง เพราะเป็นหน้าที่หลักของทหาร ไม่ต้องรอมาร์คมาสั่ง ชายชาติทหารต้องทำมากกว่าพูด ประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมร่วมมือปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มานานแล้ว อยู่ที่ท่านเมื่อไหร่จะพร้อม” นายประพันธ์กล่าว
คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
วันนี้ กลับมาพบกับพ่อแม่พี่น้องเช่นเคยครับ และขอกราบสวัสดีทักทายพี่น้องที่อยู่ต่างประเทศ และกำลังรับชมอยูทางหน้าจอ ASTV หรือบางหมู่บ้านก็กำลังเปิดรับฟังทางคลื่นวิทยุ 97.75 อยู่นะครับ กราบสวัสดีทุกท่านครับ พี่น้องครับ การชุมนุมของพวกเรานั้นดำเนินการมาเรื่อยๆ มีพัฒนาการมาโดยลำดับ ที่สำคัญคือต้องขอชื่นชมยกย่องจิตใจของพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกท่านที่ยืนหยัดชุมนุมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึง 60 กว่าวันแล้ว เราคงไม่ปราถนาที่จะมาชุมนุมเพื่อทำลายสถิติ 193 วันหรอก แต่เราจะต้องชุมนุมอยู่จนกว่าเราจะได้รับคำตอบเป็นที่พอใจ และจนกว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปทางที่เป็นผลดีต่อชาติบ้านเมือง ใช่ไหมครับพี่น้องครับ
อย่างไรก็ตาม ในภารกิจทั้ง 3 ข้อ ที่พวกเราได้เรียกร้องและชูเป็นธงการต่อสู้ครั้งนี้ ก็อยู่ที่ประเด็นเรื่องการปกป้องดินแดนและอธิปไตยเป็นสำคัญ นั่นคือ เราประสงค์ที่จะให้รัฐบาลทำหน้าที่รักษาดินแดนและอธิปไตยของประเทศ กรณีที่มีข้อพิพาทตลอดแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดิน ผืนแผ่นดินไทยบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นข้อพิพาทที่ต่อเนื่องมาหลายเดือนหลายปีแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ยอมจัดการปัญหาให้เป็นที่พอใจและเป็นที่ไว้วางใจของพี่น้องประชาชนว่า เราจะไม่สูญเสียดินแดนแม้แต่ 1 ตารางนิ้วเดียวให้แก่กัมพูชาครับ พี่น้องครับ
ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ก็อย่างที่รู้กันว่า เราเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 2543 เราเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะไปสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก หรือถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลกนั่นแหละครับ อันที่ 3 คือ ดินแดนของพวกเราที่ถูกกัมพูชาและทหารกัมพูชายึดครองอยู่นั้น ทุกตารางนิ้วรัฐบาลจะต้องขับไล่คนกัมพูชาและทหารกัมพูชาออกไป ปกป้องดินแดนอธิปไตยของเรา ทวงเอาแผ่นดินเราคืนมาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดทั้งสิ้นครับพี่น้องครับ
การชุมนุมดังกล่าว แม้เราจะชูธง 3 ข้อนี้ แต่เราชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องผิดพลาดในการบริหารประเทศของรัฐบาล คือ รัฐบาลที่นำโดยนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือพรรคแกนนำที่เป็นรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงที่เราได้กราบเรียนพี่น้องประชาชนมาโดยลำดับนั้น ผมเชื่อแน่ว่า มาถึง ณ วันนี้ ต้องเป็นที่น่าพอใจสำหรับพี่น้องประชาชนที่เรามาชุมนุมอยู่ที่นี่ และเราตั้งธงของเรามาตั้งแต่แรกแล้วว่า เราไม่ได้ต้องการมาชุมนุมเพื่อแสดงพลังของประชาชนจำนวนมากมาย เพื่อขับไล่ โค่นล้มรัฐบาล นี่คือธงของเรา แต่เราต้องการนำความรู้และปัญญามาให้พี่น้องประชาชนได้เห็นธาตุแท้ และโฉมหน้าแท้จริงของนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ครับ พูดถึงประเด็นนี้ ผมต้องคิดว่าการชุมนุมครั้งนี้ เราประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งที่สามารถ เขาเรียกว่า ลอกคราบ ถอดหน้ากาก ของความเป็นนักการเมือง วิญญูชนจอมปลอมของนายอภิสิทธิ์ให้ประชาชนได้เห็นกันทั้งประเทศ และทั่วโลกครับพี่น้องครับ
ความสำเร็จอันนี้ครับ สะท้อนออกตรงไหนครับพี่น้อง สะท้อนออกว่า มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ไม่ว่าที่เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเคยเป็นผู้สนับสนุนหรือแม่ยกก็ตามแต่ และไม่ว่าเป็นพวกเราเองที่เคยเลือกตั้งและเคยให้โอกาสสนับสนุนเขา วันนี้ ผมคิดว่า ในส่วนนี้ ในความรู้สึกประชาชนนั้นกับนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ในสภาพที่เป็นอยู่วันนี้ ผมคิดว่า ประชาชนหมดสิ้นความศรัทธาและความเชื่อถือในตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ หมดสิ้นแล้ว แม้จะมีบางคนที่ยังวาดหวังหรือเชื่อมั่น แต่น้อยลงเต็มที จากโพลสำรวจความนิยมล่าสุดนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ความนิยม ของพรรคประชาธิปัตย์ และตัวนายกฯ อภิสิทธิ์นั้นตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครับ และ สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เองก็หวั่นไหวไม่น้อยในการไปประชุมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดสาขาพรรคที่สมุยก็ตาม นายสุเทพถึงกับต้องให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เขาเตรียมนายกฯ สำรองไว้แล้วคือ นายกรณ์ กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นี่ย่อมเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่ตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอง ยังไม่แน่ใจว่า จะขายอภิสิทธิ์ในการเลือกตั้งต่อไปได้หรือไม่ นี่นับว่าเป็นผลมาจากการต่อสู้ และการชุนนุมของพี่น้องประชาชนโดยแท้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอาใครขึ้นในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายกรณ์ นายอภิรักษ์ ใครต่อใครก็ตามแต่ ภายใต้การกดปุ่ม บงการ ปลุกปั่นของนายสุเทพ เทือกสุบรรณนั้น ผมเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าใครก็ตามขึ้นมา ประชาชนก็รู้แล้ว พันธุ์ของประชาธิปัตย์นั้น ดีแต่ภาพ ดีแต่พูด ทำงานไม่เป็น ไม่ว่าใคร แต่ที่สำคัญท้ายที่สุดต้องมาผสมพันธุ์กับนักการเมืองน้ำเน่า และเอามาเป็นข้ออ้างอยู่ดี คือ ทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันกินโกงเหมือนเดิมครับ พี่น้องครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ ความหวังทางการเมืองนั้นจึงไม่มีอนาคต เดี๋ยวสักครู่ ผมจะพูดให้ฟังว่า วันนี้ ผมได้ไปพูดและไปคุยในเวทีอะไร ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ กับพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้ เพราะประเด็นที่ถามกันมากขณะนี้คือว่า เราจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ หรือควรจะมีการเลือกตั้งระบอบเดิมต่อไป อะไรจะเป็นทางเลือกทางออกของประเทศชาติ นี่คือปัญหาใหญ่สังคมขณะนี้ และเป็นกระแสที่ถกเถียงทั้งบ้านทั้งเมืองว่า จะมีเลือกตั้งดี หรือไม่มีดี ครับ พี่น้องครับ ส่วนประเด็นโนโหวต ที่พวกเราพูดถึงนั้น เป็นประเด็นลำดับ 2 ต่อไป หากมีเลือกตั้ง เราจะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร แต่ขณะนี้ ด่านแรกว่า จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ยังเป็นปัญหาอยู่ว่า จะมีเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเดี๋ยวสักครู่ผมจะขอให้เหตุผลว่า ทำไมประเทศไทยจึงไม่ควรมีการเลือกตั้งในครั้งนี้ ครับพี่น้องครับ
ก่อนจะพูดถึงประเด็นนั้น ก็อยากจะแจ้งความคืบหน้า ซึ่ง ถือเป็นผลแห่งความชัยชนะของพี่น้องประชาชนเช่นกัน คือ วันนี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า การประชุมวันพรุ่งนี้ วันที่ 5 นั้น ทีเดิมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเอาร่างบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา หรือเจบีซี 3 ฉบับ มาเข้าที่ประชุมรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบนั้น บัดนี้ วาระนี้ ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมพรุ่งนี้แล้วครับ พี่น้อง ต้องถือว่าเป็นผลมาจากการกดดันจากการต่อสู้ จากการนำข้อมูลข้อเท็จจริงของพวกเราที่เสนอต่อสมาชิกรัฐสภาว่า การประชุมดังกล่าวนี้ จะสร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง และทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยของประเทศอย่างไร จนท้ายที่สุด การประชุมรัฐสภาในเรื่องนี้ ไม่สามารถที่จะเดินหน้าทำการประชุมให้มีผลการลงมติเพื่อการรับรองผลการประชุมดังกล่าวนี้ได้ นี่ต้องนับว่าเป็นผลสำเร็จจากการยืนหยัดต่อสู้ของพี่น้องประชาชน ปรบมือให้กับตนเอง และปรบมือให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนที่มีส่วนร่วมในการยืนหยัดครั้งนี้จะครับ
เมื่อเช้านี้ ผมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปแล้วนะครับว่า นอกจากเรื่องนี้ จะเป็นความสำเร็จของพวกเราแล้ว เรื่องที่สอง ซึ่งผมต้องชื่นชมต่อจุดยืนของกองทัพและทหาร โดยเฉพาะจุดยืนของกองทัพในประเด็นที่ ไม่ขอไปเข้าร่วมประชุมจีบีซีที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยฝ่ายทหารไม่ขอไปร่วมประชุมกับฝ่ายกัมพูชา ณ ประเทศที่สาม ครับพี่น้องครับ การที่กองทัพได้ให้โฆษกของกองทัพออกมาแถลงและยืนยัน ไม่ไปร่วมประชุมจีบีซี หรือคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป ที่การประชุมนี้จะถูกจัดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา รัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายไทยเป็นประธานฝ่ายไทยนั้น เดิมที กัมพูชาจะขอไปจัดการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่บัดนี้ ฝ่ายทหารไทยและกระทรวงกลาโหม ไม่ยินยอมเข้าร่วมการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย นี่ก็เป็นผลมาจากการยืนหยัดต่อสู้ และแรงกดดันของพี่น้องประชาชนอีกส่วนหนึ่งด้วยครับ แต่ชื่นชมในความมีจุดยืนของกองทัพที่ไม่ยอมประเทศที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยวในข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา แม้กระทั่งไม่ยอมให้ผู้แทนของฝ่ายอินโดนีเซีย 15 ท่าน เข้าสังเกตการณ์ในแผ่นดินไทยครับ ตรงนี้ก็ต้องปรบมือให้กองทัพในจุดยืนนี้
ผมคิดว่าเรื่องนี้ ถ้ากองทัพยึดมั่นหลักการที่ถูกต้องและกล้าแสดงจุดยืนที่ถูกต้อง เช่นนี้ ฝ่ายการเมืองคือรัฐบาลนายกรัฐมตรีและกระทรวงการต่างประเทศย่อมต้องฟังเสียงกองทัพ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติใช่ไหมครับพี่น้องครับ แม้ขณะนี้ กระทรวงต่างประเทศยังละล้าละลังว่า จะไปประชุมที่อินโดนีเซียหรือไม่ก็ตาม แต่ทำให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ขาดแรงหนุนที่สำคัญ และการประชุมต่างประเทศที่ขาดแรงหนุน จากภายในประเทศ ไม่ว่ากำลังประชาชน ไม่ว่าจากกองทัพก็ดี ผมคิดว่า กระทรวงต่างประเทศ และรัฐบาล ก็ไม่สมควรไปประชุม เพราะแม้ไปประชุมเช่นนั้น ก็ไม่ทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีบนเวทีเจรจาระหว่างประเทศ ครับพี่น้องครับ
เรื่องทั้ง 2 นี้ ต้องถือว่า เป็นเรื่องที่เป็นผลสำเร็จมาจากการชุมนุมของพี่น้องประชาชน และเป็นผลสำเร็จมาจากทีมงานฝ่ายวิชาการ และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยของเราที่ได้มีส่วนร่วมกันพยายามจะเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงออกไปสู่สังคม ออกไปสู่ทุกหน่วยงานทีมีหน้าที่เกี่ยวข้อง เสนอข้อเท็จจริงเรียกร้องไปยังทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจและทำหน้าที่เรื่องนี้ ผลสำเร็จนี้จึงเป็นผลสำเร็จร่วมกันที่เราไม่ได้เหนื่อยเปล่าครับพี่น้องครับ แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่อีกเรื่องหนึ่งที่เรายังไม่สามารถทำได้สำเร็จคือ การช่วยเหลือคุณวีระ และคุณราตรีครับพี่น้องครับ ซึ่งพวกเราต้องปรบมือดังๆ ให้กำลังใจทั้ง 2 ท่านนะครับ ว่ายังไงก็ตาม พี่น้องประชาชนที่นี่ และพวกเราทุกคน และผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ มีความรู้สึกเสียใจและสลดใจกับการที่สองคนไทยต้องถูกจองจำในเรือนจำประเทศกัมพูชา ชะตากรรมของทั้ง 2 คนที่เป็นเช่นนี้ โทษใครไม่ได้เลย เป็นความผิดรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ผู้เดียวครับพี่น้อง เป็นความอัปยศ เป็นความโง่เขลา เป็นความอ่อนด้อย เป็นความไร้ความสามารถ เป็นความไร้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทยที่มีนายกอ่อนหัดไร้เดียงสา เด็กวานซืนที่ไม่ประสีประสากับการบริหารประเทศครับ คนไทยทั้งสองจึงตกอยู่สถานการณ์เช่นนั้น แม้เราจะพยายามเสนอเหตุและผล ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ แต่รัฐบาลก็ไม่ทำหน้าที่ ถ้าเราจะไปชุมนุมกดดันสถานทูต เผาสถานทูตกัมพูชา เหมือนที่กัมพูชทำกับคนไทย เราก็ทำได้ แต่ว่าโดยเหตุผล โดยความสำนึก โดยความถูกควรแล้วเราไม่ควรผูกใจเจ็บ เอาความคลั่งแค้น หรือการกระทำที่คนกัมพูชาทำกับประเทศเรา สถานทูตเรา มากระทำ เพราะเขากระทำกับประเทศเราเราไม่พอใจ
ครั้นเราจะออกไปเรียกร้องให้ทหารออกไปปฏิบัติการ ทหารก็นิ่งเฉย และบอกรอฟังคำสั่งนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากครับ ที่ไม่มีใครคิดจะหาทางช่วยเหลือนายวีระ และคุณราตรีเลยครับพี่น้องครับ ทหารก็โยนความรับผิดชอบไปให้รัฐบาล ซึ่งมีเหตุผลอยู่ เพราะงานอย่างนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายการเมืองโดยตรง ถ้ารัฐบาลนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศ เอาจริงกับปัญหานี้ และกดดันฝ่ายกัมพูชาทุกวิถีทาง เราเชื่อแน่ว่า คุณวีระ คุณราตรี ต้องได้ออกมา ใช่ไหมครับพี่น้อง แต่นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลนี้ ไม่ใส่ใจและสนใจเรื่องนี้ต่างหาก และวันนี้ ญาติพี่น้องคุณวีระ ไปขอความช่วยเหลือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยนั้น แม้เราจะเจ็บปวด แม้เราจะไม่เห็นด้วย แม้เราจะรู้ระอาใจกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่เรามิอาจทัดทานขัดขวางใดๆ ได้ เพราะเป็นสิทธิ์โดยชอบของญาติพี่น้องเขาที่จะต้องหาทางช่วยเหลือ ผมจะรอดูอยู่ว่า กระบวนการทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะช่วยเหลือคุณวีระ ใครมันจะชิงตัดหน้าและเอาหน้ากับประชาชนไทย หรือหักหน้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ครับพี่น้องครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้นั้น พวกเราอยากจะไปช่วยวีระ ราตรี ด้วยพลังของพวกเราเอง และโดยรัฐบาลที่เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนใช่ไหมครับพี่น้องครับ ผมจึงได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง มีรัฐบาลที่ดี เข้าใจปัญหาประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะมาโดยวิถีทางใดหน้าที่สำคัญของ รัฐบาลชุดที่เข้ามาใหม่ ถ้าเป็นรัฐบาลของประชาชนและมีความเข้าใจต่อปัญหาชาติบ้านเมือง ต้องปกป้องดินแดนอธิปไตยของประเทศ และต้องช่วยเหลือ 2 คนไทยนั้น กลับมาให้ได้โดยเร็วครับพี่น้องครับ
พี่น้องครับ มาพูดถึงประเด็นที่ผมคิดว่า อยากพูดคุยกับพี่น้องในวันนี้ เราได้รณรงค์เรื่อง โนโหวตมาหลายวันหลายสัปดาห์แล้ว พี่น้องครับ กระแสนี้ได้จุดติดในสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ และเป็นกระแสที่มีการพูดและมีการเคลื่อนไหว มีการถกเถียง และมีการแสดงความคิดเห็น และโดยส่วนใหญ่ คนก็เห็นคล้อยตามกับเวทีนี้ และที่พี่น้องประชาชนเรียกร้องให้ ถ้ามีการเลือกตั้ง ก็อย่าเลือกใคร อย่าไปกาลงคะแนนให้พรรคใดคนใดในการเลือกตั้ง ถ้าหากจะมีขึ้นครับพี่น้องครับ
ทั้งหมดนี้ มันสืบเนื่องมาจากปัญหาอะไร ครับ พี่น้อง จึงเกิดกระแสนี้ขึ้นมา ทั้งหมดนี้เกิดจากความสิ้นศรัทธาของพี่น้องประชาชน ต่อการเมือง ต่อระบอบการเมือง ต่อพรรคการเมือง และต่อนักการเมืองในปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิงครับพี่น้องครับ ประชาชนสิ้นหวังกับการเมืองระบอบนี้ เพราะทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมครับ ว่า บ้านเมืองขณะนี้ เราเคยทดลองหมดแล้ว พรรคทุกพรรคที่ผ่านการจัดตั้งมาในประเทศไทยที่เป็นพรรคสำคัญๆ เคยผ่านการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วแทบทุกพรรคครับพี่น้องครับ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทย พล.อ.ชาติชาย พรรคชาติไทยยุคนายบรรหาร พรรคความหวังใหม่ พล.อ.ชวลิต มาพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นมาแล้วทั้ง 2 คน ทั้งนายชวน ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การเมืองระบอบนี้มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิงใช่ไหมครับพี่น้องครับ ประชาชนพึ่งหวังอะไรไม่ได้เลย ใช่ไหมครับพี่น้อง นี่คือความจริงที่เห็นอยู่ขณะนี้
ทีนี้ กระแสที่มาหนักกว่าโหวตโน วันนี้ ถ้าพี่น้องได้อ่านบทสัมภาษณ์ของกรรมการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ท่านหนึ่ง คือ คุณสดศรี สัตยธรรม พี่น้องคงได้ฟังรายการชั่วโมงข่าว ของคุณเติมศักดิ์ หรือบนเวทีนี้พูดเยอะแล้ว ทุกท่านฟังแล้วใช่ไหมครับ ถ้าฟังแล้วปรบมือหน่อยครับ นั่นก็เป็นความเห็นหนึ่ง ที่มีความเห็นไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งไปก็เปลืองเงินงบประมาณแผ่นดิน ถ้าจะปฏิวัติเปลี่ยนเปลงประเทศ ก็รีบๆ ปฏิวัติซะ เพราะนักการเมืองคงต้องโกงซื้อเสียงเข้ามาสู่อำนาจเหมือนเดิม นี่คือเสียงคณะกรรมการ กกต.หนึ่งท่าน แต่ก่อนหน้านี้ นักวิชาการที่ไปประชุมสัมมนาไม่ว่าที่สถาบันพระปกเกล้า ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ราชบัณฑิตด้านรัฐศาสตร์ ก็ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเหมือนกัน เพราะเลือกตั้งแล้วก็มองไม่เห็นอนาคตบ้านเมืองว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลง และทำให้การเมือง ของประเทศดีขึ้นหรือไม่ครับพี่น้องครับ ความเห็นของ อ.ปราโมช ความเห็นของนักวิชาการ ความเห็นของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพี่น้องผู้รักชาติ ทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตรที่เบื่อ และไม่เห็นด้วยกับระบอบการเมืองขณะนี้ ต่างเห็นว่า ไม่ควรมีการเลือกตั้ง ควรเว้นวรรค หยุดการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3-5 ปี เพื่อเปลี่ยนแปลงปฏิรูป จัดระเบียบประเทศใหม่ใช่ไหมครับพี่น้อง ถ้าเห็นด้วย ปรบมือดังๆ หน่อยครับ
พี่น้องครับ ความเห็นเช่นนี้ ไม่ได้มีเฉพาะพวกเรา ความจริง ถ้าฟังจากบทสัมภาษณ์ ของคุณสดศรี จะบอกเป็นนัย เป็นร่องรอยให้เห็นว่า มีนักวิชาการ มีผู้หลักผู้ใหญ่ มีทหาร มีข้าราชการ มีบุคคลหลายวงการต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเมืองการเลือกตั้งระบอบนี้ มันไม่รอดไปไม่ได้ พาชาติบ้านเมืองไปไม่ได้ เพราะมีแต่จะได้นักโกงบ้านกินเมือง กลับมาปกครองและทำลายประเทศชาติให้ถอยหลังเข้าคลองไม่มีอนาคตใดๆ เลย ไม่ใช่มีเฉพาะพวกเรา มีคนจำนวนมากคิดเช่นนี้
ทีนี้ วันนี้ ผมมีโอกาส ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ FM100.5 ของคุณพัชร สารพิมพา ซึ่งเขาเรียกว่า รายการมองคนละมุมอะไรทำนองนี้ นะครับ ช่วงเวลา 4 โมงถึง 5 โมงเย็น ได้มีโอกาสคุยสัมภาษณ์ทางสายกัน 3 คน มีผม มี ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และยังมี ดร.ปณิธาน วัฒนายากร โดยมีผู้สัมภาษณ์เป็นสื่อกลางคือ คุณพัชร สารพิมพา เขาให้ผมพุดแสดงความเห็นในฐานะเป็นฝ่ายไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยที่จะเดินไปในระบอบการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยมีเหตุผลอย่างไรบ้าง และค่อยฟังความเห็นของ อ.สมบัติ ฟังความเห็นของคุณปณิธาน ฝ่ายที่อยากให้มีการเลือกตั้ง มีความเห็นอย่างไร เพื่อจะเป็นความเห็นคนละมุม รายการนี้ดูดีครับ แต่เสียดายมันพูดทางโทรศัพท์ไม่เห็นหน้าเห็นตา นี่หนึ่ง สองคือ รายการนี้เวลามันน้อยไป ก็ขอติติงและให้ข้อสังเกตกับผู้ดำเนินรายการกับคุณพัชร สารพิมพา ว่า น่าปรับรายการ แน่จริงน่าให้ผม อ.สมบัติ คุณปณิธานไปออกช่อง 9 ดีกว่าครับพี่น้องครับ มาเถียงให้จบ ตกผลึกไปเลยว่า ระหว่างนักรัฐศาสตร์ระดับ ดร. ผมขอไม่ได้ท้านะครับ ผมพร้อมจะคุยกับทุกคน เอาเหตุผลมาคุยกันว่า ใครมีเหตุผลดีกว่ากัน และทางเลือกทางออกของประเทศนั้นควรเป็นอย่างไร เลือกตั้งต่อไป หรือไม่มีเลือกตั้ง แต่มีระบอบใหม่มาแทนที่ดีกว่า เอาอันไหนมาพูดด้วยเหตุผล แต่เนื่องจากเวลาน้อย ผมจึงมาพูดตรงนี้ ขยายความต่อละกัน เพื่อพี่น้องจะได้เข้าใจ และพี่น้องจะได้ตอบคำถามได้ว่า เราคิดอย่างไรในเรื่องนี้ครับ
พี่น้องครับ เขาถามว่า เอาละคุณประพันธ์ ให้เหตุผลมา 3 ข้อ ทำไมจึงไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง ผมเลยบอกว่า 3 ของผมนะ 1. ผมบอกประเทศไทยมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 มาแล้ว ภายใต้การนำของคณะราษฎร์ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นั่นเราต้องการเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากปี 2475 จนถึงปัจจุบันย่างเข้าปีที่ 79 แล้ว ประชาธิปไตยของประเทศไทย ไม่ได้เดินหน้าถึงไหนเลย กลับถอยหลังเข้าคลองครับพี่น้อง เราไม่สามารถพัฒนาระบอบประชาธิปไตยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ แสดงว่า ระบอบประชาธิปไตยที่เรานำมาใช้นั้น มันไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม พื้นฐานการศึกษา วัฒนธรรม และสถานะทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อม วัฒนธรรมคนไทย
2 .คือ เราพัฒนาระบอบประชาธิปไตยมา 79 ปี แล้ว ผมก็บอกว่า เราได้นักการเมืองที่มีคุณภาพดีขึ้น หรือได้นักการเมืองที่มีคุณภาพเลวลง ผมบอกได้เลย จาก 2475 ถึง ปัจจุบันนี้ เราได้นักการเมืองที่เลวลง พัฒนาจากคนมาเป็นนักการเมืองสัตว์นรกไปแล้วครับพี่น้อง นักการเมืองนั้นเปรียบเหมือนสัตว์นรกไม่ผิด มันละโมบโลภมาก เห็นแก่ได้เห็นแก่ประโยชน์ ทรัพย์สินเงินทองของแผ่นดิน งบประมาณของชาติ ทรัพยากรแผ่นดิน อะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนร่วมมันมาชิงแย่งปล้นเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คำนึงเสียงเรียกร้อง ไม่ฟังเสียงประชาชนเลย นี่คือความจริง ผมก็บอกว่า ท่านจะปฏิเสธหรือไม่ว่า มันไม่พัฒนาขึ้น และจะรออีกกี่ร้อยปีถึงจะมีนักการเมืองที่มีคุณภาพมีคุณธรรม มีความรู้ ความสามารถ นี่คือประการ 2 ที่ผมบอกว่า มันไม่ควรมีการเลือกตั้ง
3 . คือ กลไกระบอบการเลือกตั้ง ที่มีขณะนี้ หรือที่มีแต่อดีต จนพัฒนามาขณะนี้ จนเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.นั้น ไม่สามารถเป็นหลักประกันที่เชื่อได้ว่า การจัดการเลือกตั้งโดย กกต. จะไม่มีการโกงการทุจริต การซื้อเสียง มีแต่ยิ่งเลือกตั้ง ยิ่งโกง ยิ่งทุจริต หนักกว่าเดิมครับ ล้มเหลว คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง ไม่มีทางทำให้การเลือกตั้งสมบูรณ์ ไม่ใช่เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่มีความรู้ ความสามารถนะครับ แต่เพราะคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งมีความรู้ ความสามารถไม่เท่าทันเหลี่ยมสัตว์นรก และนักโกงเมือง ครับพี่น้องครับ กลไกราชการทั้งหมด ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโกง นี่ขอโทษนะครับ ตรงไปตรงมา นักการเมือง อย่ามาเถียงผม อย่าปฏิเสธ ตำรวจก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโกงเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมายว่า ตำรวจทุกคน ตำรวจที่ยอมตกเป็นเครื่องมืออิทธิพลของนักการเมือง ทหารก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือการโกงการเลือกตั้ง ระดับนายทหารคุมกำลัง คุมทัพภาค บางคนถูกใช้เป็นเครื่องมือถูกซื้อเป็นเครื่องมือการเมือง กลไกครู ข้าราชการ ถูกใช้เป็นเครื่องมือโกงเลือกตั้ง ทั้งนั้น กลไกนักปกครองท้องถิ่นบริหารท้องถิ่น ส.จ.เป็นกลไกของเครื่องมือนักการเมืองระดับชาติ และช่วยกันโกงเลือกตั้ง ช่วยนักการเมืองทั้งนั้น และนักการเมืองที่เลือกตั้งขึ้นมาเป็น กกต. อำเภอ กกต. จังหวัด เป็นคนของนักการเมืองที่แฝงเข้ามา เข้ามายึดอำนาจกลไกการเลือกตั้งทั้งนั้นครับพี่น้อง ต่อให้ 5 เสือ กกต.นี้เป็นเทวดา ก็จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส ให้สุจริต ปราศจากการโกง การซื้อเสียง การทุจริต ไม่ได้เลยครับพี่น้องครับ และถ้ามีเรื่องร้องเรียนไป กกต. นะครับ เพื่อร้องเรียนว่าพรรคนี้ ทำผิดกฎหมาย โกงซื้อเสียงอย่างนู้นอย่างนี้ สุดท้ายไปถึง กกต.ก็วินิจฉัยว่าไม่มีมูลความผิด แทบทั้งนั้นเลย เพราะมันผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการสอบสวนประมาณร้อยละ 99.99 คณะกรรมการสอบสวนของ กกต. มาจากตำรวจทั้งนั้นเลยครับพี่น้องครับ กลไกมันจึงล้มเหลว ผมเลย บอกว่า นี่ 3 ข้อนี้ มันไม่สมควรมีการเลือกตั้งแล้ว เพราะการเลือกตั้ง ไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ มันเป็นเพียงวิธีการเพื่อรับรองความชอบธรรมให้สัตว์นรกและนักการเมืองกลับคืนเข้าสู่อำนาจ โดยอ้างว่า มาจากเสียงของประชาชน ทั้งที่โกง ซื้อเสียง ทุจริต มาทั้งนั้น ร้อยละร้อย แล้วทำไมนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ถึงไม่มีปัญญาคิดอะไรที่มากกว่านี้ ทำไมก้มหัวก้มตาก้มหน้ายอมจำนนต่อระบอบโกงเลือกตั้ง แล้วมาอ้างว่า นี่เป็นกลไกของระบอบประชาธิปไตยครับพี่น้องครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นประชาธิปไตยจริง มันต้องไม่มีโกงทุจริตมโหฬารซื้อเสียงแบบนี้ และไม่ใช่พอนักการเมืองเข้ามามีอำนาจแล้ว ก็มาแบ่งโครงการ แบ่งโปรเจกต์กินกัน ทุจริต ปล้นสะดมงบประมาณของชาติบ้านเมือง ไม่สนใจใยดีอะไรเลย นอกจากก้มหน้าก้มตาแสวงหาประโยชน์ ด้วยเหตุผล 3 ประการนี้ ผมบอกว่า ผมจึงมองไม่เห็นว่า ถ้าเราเลือกตั้งแล้วประเทศเราจะดีขึ้นอย่างไร เราจะได้ใครกลับมาบริหารบ้านเมือง ในเมื่อไอ้ 500 คนที่เห็นอยู่ แม้แต่นายอภิสิทธิ์ที่พวกคุณบอกดีนักดีหนาจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่นั้น มันก็ด้อยประสิทธิภาพและเลวยิ่งกว่าคนอื่นอีกครับพี่น้องครับ
เพราะฉะนั้น ต่อให้เอาใครเข้ามาก็ตาม ภายใต้โครงสร้างระบอบนี้ บ้านเมืองก็ไปไม่รอด ผู้ดำเนินรายการก็ไปถามความเห็นของ อ.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ท่านก็บอกว่า เป็นความจริงที่บ้านเมืองเป็นอย่างที่ผมพูด แต่มันก็ไม่มีระบอบอะไรดีกว่านี้ ถ้าเราจะไปหยุดเว้นวรรคบ้านเมือง 3 ปี 5 ปี เราก็ไม่รู้จะหาเหตุผลมาอธิบายสังคมอย่างไร และคนที่มาเปลี่ยนแปลงปฏิรูปบ้านเมืองนั้น เราจะมีหลักประกันและเชื่อได้อย่างไรว่าจะเป็นคนดี สู้เราเลือกตั้งไป และค่อยหาทางเปลี่ยนแปลงปรับปรุงระบบโครงสร้างทางการเมือง ยังสามารถพอมีทางเป็นไปได้ ค่อยๆ ประคับประคองระบบให้มันคืบหน้าไป นี่คือความเห็น อ.สมบัติ ซึ่งผมเคารพแต่ผมไม่มีโอกาสโต้แย้ง หลังจากนั้น มาฟังความเห็น คุณปณิธาน วัฒนายากร คุณปณิธาน บอกว่า ถ้าเราไม่มีเลือกตั้ง เราไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปอธิบายกับต่างประเทศ และจริงๆ การเมืองต้องอาศัยการพัฒนา ต้องอาศัยเวลา แม้จะใช้เวลานาน เราก็ยังไม่มีกลไกระบอบอื่นที่จะมาทดแทน และโดยหลักทฤษฎีแล้ว ยิ่งเลือกตั้งมาก ยิ่งเลือกตั้งบ่อย มันยิ่งจะมีโอกาสทำให้การเมืองพัฒนา และมีโอกาสที่จะได้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง นี่ ดร.ปณิธาน ก็พูดทำนองนี้ ส่วนถ้าหากว่า จะมีคนอื่นมาเว้นวรรค มาหยุด และจะมีคนอื่นมาบริหารบ้านเมืองนั้น เราไม่รู้จะไปอธิบายสังคมยังไง จะอ้างอย่างไรว่าคนเหล่านั้นมาจากตัวแทนประชาชน และคนเหล่านั้นจะทำเพื่อประโยชน์สังคม และเป็นที่ยอมรับคนส่วนใหญ่ เห็นไหมครับ ผมฟัง ผมจับความมาอธิบายให้ท่านฟัง เขาก็พูดมา 2 มุมนี้ แต่ผมยังไม่ได้ตอบ ถือเอาเวทีนี้ตอบทั้ง 2 ท่าน ไปเลยแล้วกันครับพี่น้องครับ
ด้วยความเคารพต่อ อ.สมบัติ และคุณปณิธานนะครับ วิธีการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ขณะนี้ในประเทศไทยนั้น เป็นวิธีการเลือกตั้งที่ไม่สอดคล้องระบอบประชาธิปไตย เพราะมันเป็นวิธีการเลือกตั้งที่โกง ที่ทุจริตและเป็นไปโดยไม่โปร่งใส ถูกต้องไหมครับ พี่น้องครับ เมื่อเป็นโดยวิธีการโกงการทุจริต โดยไม่โปร่งใส โดยทุจริต โดยใช้กลโกงต่างๆ นานาแล้ว ยิ่งเลือกตั้งบ่อยมีแต่จะยิ่งเสียงงบประมาณแผ่นดินมากขึ้น และจะไม่มีหลักประกันอะไรเลย ว่า วิธีการเลือกตั้งที่สกปรกน้ำเน่า มันจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่จะได้คนดี เหมือนต้นไม้ที่เป็นไม้พิษ หรือเป็นไม้ที่มันไม่ได้ให้ผล ปลูกเท่าไรให้ตายมันก็ไม่ออกเป็นผลเหมือนกันครับ เหมือนเราเลี้ยงหมาจะให้ออกงาเป็นงาช้าง ไม่มีทาง ใช่ไหมครับพี่น้องครับ
เพราะฉะนั้น ตราบใดที่คุณไม่เปลี่ยนแปลงระบบและวิธีการโครงสร้างทางการเมือง และไม่ปฏิรูปการเมือง ก็ไม่มีทาง ตอบคำถามเช่นเดียวกับ อ.สมบัติว่า ท่านก็บอกว่า เลือกตั้งไปเรื่อยๆ แล้วค่อยเปลี่ยนระบบ เปลี่ยนโครงสร้าง จริงๆ แล้วการเลือกตั้งนั้นไม่สามารถทำให้ได้คนมาเปลี่ยนระบบครับ เพราะนักการเมืองไม่เคยคิดเปลี่ยนโครงสร้าง เปลี่ยนระบบการเมือง จะเอาใครมาเปลี่ยนโครงสร้าง เปลี่ยนระบบการเมืองที่มันล้มเหลว ถ้าไม่ใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังพี่น้องประชาชน และผู้รักชาติบ้านเมืองทุกคน ทุกองค์กร มาทำการปฏิวัติประเทศไทย ปฏิวัติประชาธิปไตยใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากคณะราษฎร์เคยปฏิวัติมาแล้วไม่สำเร็จ เพราะการเปลี่ยนแปลงแบบเลือกตั้ง และหวังเปลี่ยนแปลงจากนักการเมือง ดูหน้าซิครับ นักการเมืองแต่ละคน มีใครบ้างอาสามาบอกว่า ถ้าเลือกพรรคผมแล้ว ผมจะมาเปลี่ยนระบบโครงสร้างทางการเมืองเสียใหม่ ให้ประชาชนมีอำนาจ จะจัดการกับการโกงการทุจริตให้สิ้นซาก จะจัดการนักการเมืองที่ไม่มีความรับผิดชอบ จะลงโทษนักการเมืองไม่ให้มีอายุความเลย เรื่องทุจริต ไม่มีพรรคไหนกล้าเสนอนโยบาย แม้พูดก็ไม่เคยมีพรรคไหนทำอย่างเอาจริงเอาจัง ใช่ไหมครับพี่น้อง
เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งภายใต้โครงสร้างที่เป็นอยู่ขณะนี้ มันจึงไม่ใช่คำตอบให้กับประเทศ และไม่ใช่คำตอบให้กับประชาชน มันไม่สามารถนำไปสู่การปฏิรูปการเปลี่ยนแปลง ทีนี้ท่านถามผมว่า แล้วจะเอาใครมาปฏิวัติมาเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผมบอกว่า คำว่า ต้องหยุดการเมือง การเลือกตั้งในระบอบน้ำเน่านี้ ไม่ได้หมายความว่าประชาชนต้องการระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ไม่ได้หมายความว่า เราต้องการระบอบประชาธิปไตยแบบน้ำเน่าที่มีดีแต่นักการเมือง ไม่ว่าระบอบประชาธิปไตยที่นักการเมืองรวยเอาๆ โกงเอาๆ เราก็ไม่ต้องการ ระบอบเผด็จการที่เผด็จการครองเมือง และใช้อำนาจโดยไม่ฟังเสียงประชาชน โกงทุจริต เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการระบอบการเมือง ระบอบประชาธิปไตยที่เป็นตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้ามาแก้ไขปัญหา เขาบอกคำถาม แล้วมันจะได้มาอย่างไร ถ้าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผมก็บอก มันก็ได้มาด้วยการยึดอำนาจซิวะ ผมก็บอกอย่างนี้ครับพี่น้อง มันจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเหรอ แต่การยึดอำนาจจะเกิดอย่างไร มันต้องเกิดขึ้นจากพลังประชาชน บวกพลังทหารที่รักชาติ บวกพลังนักวิชาการที่รักบ้านรักเมือง บวกพลังของนักธุรกิจและพ่อค้าประชาชน ข้าราชการ ที่เห็นว่า บ้านเมืองจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง และมารวมกันคิดหาทางออกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนสมัยที่คณะราษฎร์คิดรวมกันเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไงครับ พี่น้องครับ
ถ้าเป็นอย่างนี้ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมันต้องเอาคนที่อยากเปลี่ยนแปลง มาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไม่ใช่ไปเลือกตั้งแล้ว เอาพวกเลือกตั้งที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง มาปฏิรูปบ้านเมืองมันก็ต้องได้แบบนายอภิสิทธิ์นะ นายอภิสิทธิ์คืออยากเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองเหมือนกัน แต่อยากเปลี่ยนแปลงในกระดาษ คือให้ตั้ง อานันท์ ปันยารชุน ช่วยเสนอพิมพ์เขียวมาหน่อย เสนอมามันก็ไปเก็บในลิ้นชัก ประเวศ ช่วยศึกษาหน่อย ประเทศไทยควรปฏิรูปยังไง ประเวศก็มีความสุขมากที่ถูกเด็กหลอกใช้ ก็ไปศึกษามา ได้เปเปอร์มาเล่มเท่านี้ บักมาร์คก็เอาไปเก็บใส่ลิ้นชักไว้ ถามว่า มันจะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างไร แนวคิดดีๆ ของ อ.ประเวศ แนวคิดดีๆ ของ อานันท์ ปันยารชุน มันต้องมีผู้นำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคม ประเทศ ไปนำการเปลี่ยนแปลง โดยร่วมประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง ลุกขึ้นมาร่วมกัน ทหารที่รักชาติ รักบ้านรักเมืองจะมัวนอนกอดปืนและหลับอยู่ทำไม ลุกขึ้นมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองซิ ทำไมต้องปล่อยอนาคตบ้านเมืองให้อยู่ในกำมือของนักการเมืองกำมะลอเหล่านี้ใช่ไหมครับพี่น้องครับ ทำไมต้องยอมให้คนพวกนี้มากุมชะตาของคน 60 กว่าล้านคน เพราะรู้อยู่แล้วว่า เขาเป็นคนโกง ขายชาติ ทุจริตและฉ้อราษฎร์บังหลวงมันไม่มีวันพาบ้านเมืองไปสู่ความเจริญแน่นอน ใช่ไหมครับพี่น้อง
ที่เราบอกว่า ไม่ควรมีการเลือกตั้ง หมายถึงการเลือกตั้งแบบเดิมนี้ แต่ถ้าต่อไปเราเปลี่ยนแปลงปฏิรูปโครงสร้างบ้านเมืองดีแล้ว เราค่อยมาสู่การเลือกตั้ง เขาถามว่า แล้วจะมีหลักประกันอะไรว่า คนที่มาทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าเขาไม่ทำเพื่อบ้านเมือง เขาก็ต้องถูกประชาชนกระทืบจมธรณีเหมือนกันใช่ไหมครับพี่น้องครับ ใครมันจะหน้าด้านเหมือนนักการเมือง ผมไม่เคยเห็นทหารหน้าด้านเหมือนนักการเมืองเลย ถ้าอาสามาบอกว่าจะปฏิรูปบ้านเมือง ผมไม่โกงไม่กิน พอยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงประเทศแล้วโกงกินซะเอง จะมีแผ่นดินอยู่ไหมครับพี่น้องครับ ประชาชนนี่ไง คือผู้ที่จะเป็นหลักประกันว่า ถ้าคุณมาแล้วคุณโกงบ้านกินเมืองเหมือนนักการเมือง เลวเหมือนเขา คุณก็ต้องถูกประชาชนประชาทัณฑ์อยู่ดี ใช่ไหมครับพี่น้องครับ และถามว่า จะมีหลักประกันอะไรได้ รู้ได้ว่า คนไหนๆ เป็นคนดี เป็นตัวแทนประชาชนจะมาทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง ผมอยากถามอาจารย์กลับไปครับ ว่า อาจารย์ครับ จะอายุ 60 แล้ว ผมก็วัยขนาดนี้ ถ้าพวกเรานี่นะ ยังไม่รู้ใครดีใครชั่ว ประเทศนี้ อย่าอยู่กันเลยครับ ถ้าไม่รู้ใครดีใครชั่ว แล้วเราจะไปครูบาอาจารย์สอนคนได้อย่างไรถ้าเราแยกไม่ถูกว่า คนนี้มันดีไหม คนนี้มันชั่วไหม อย่างบรรหารดีไหม อย่างอภิสิทธิ์ดีไหม อย่างสุเทพดีไหม นี่ไม่ต้องไปถามเลย ใครก็รู้ใครดีใครเลว
เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า อ้าว อย่าง พล.ต.อ.ประทิน ดีไหม คนก็ต้องบอกว่า ดี ใช่ไหม อย่างอานันท์ ปันยารชุน ดีไหม ประเวศดี ไหม ประสงค์ สุ่นศิริ ดีไหม ชัยอนันต์ สมุทรวานิช ดีไหม ถ้าเราไม่รู้จักว่าในประเทศนี้ มีใครดีใครชั่วเราอย่าอยู่เป็นคนไทยเลยใช่ไหมพี่น้อง ยิ่งถ้าท่านเป็นอาจารย์ นักรัฐศาสตร์สอนคน เป็นนักวิชาการศึกษาค้นคว้ามาตั้งนาน มันต้องรู้ซิว่า ใครดีใครชั่ว อย่างน้อยคือพวกไม่ได้สกปรกมาจากการเลือกตั้ง มันดีกว่านักเลือกตั้งโจรห้าร้อยแน่นอน ถามว่าจะเชื่อมั่นอย่างไร ว่าคนเหล่านี้จะเป็นตัวแทนประชาชน ผมเชื่อครับ เชื่อมากกว่านักเลือกตั้งก็แล้วกัน ใช่ไหมครับพี่น้องครับ มีคนดีๆ ในบ้านเมืองเยอะ ถ้าเอ่ยชื่อมา พี่น้องประชาชน เออ ไว้ใจได้ๆ ให้คนเหล่านี้มาปฏิรูปเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง วางหลักวางเกณฑ์ ป้องกันคนชั่วคนโกงสู่อำนาจบ้านเมืองมันก็เดินหน้า ใครชั่วใครเลวใครโกงก็จัดการตามกฎหมายเท่านั้นเอง ใช่ไหมพี่น้องนี่คือตอบคำถามที่ไม่ได้ตอบ เพราะว่าเวลามันน้อย ถือโอกาสตอบพัชรสาร พิมพา ผ่านรายการนี้ไป พรุ่งนี้เอาไปขยายต่อในรายการ FM105 แล้วกันนะน้องนะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ฟังข้อความครบถ้วน
พี่น้องครับ ก่อนจะจบในเรื่องที่จะพูดคุยกับพี่น้องวันนี้ ผมคิดว่า พี่น้องคงได้ดูคลิปคำให้สัมภาษณ์ของทูลกระหม่อมฟ้าหญิง องค์เล็ก จุฬาภรณฯ ไปแล้วนะครับ ซึ่งได้พระราชทานสัมภาษณ์กับรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ใช่ไหมครับ ผมคิดว่า เป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจผมที่สุดเช่นกัน และโดยเฉพาะส่วนที่พูดถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ พี่น้องครับ บ้านเมืองจะไม่เป็นเช่นนี้เลย ถ้าเราไม่มีนายกฯ ที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากแต่อยากให้พี่น้องดูคลิปที่นายอภิสิทธิ์พูดก่อน และผมจะสรุปตบท้ายนิดนึง ในวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับพระบรมราชโมงการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์พูดถึงเรื่องการเมืองที่ล้มเหลว และพูดเรื่องการจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อย่างไรครับ อยากให้ฟังอีกครั้งร่วมกันครับ .....
นี่แหละครับพี่น้อง มันขาดข้อความไปอีกตอน สรุปแล้ว 2 ตอน คือ 1 ผมจะนำบ้านเมืองให้หนีพ้นจากการเมืองที่ล้มเหลว 2. จะใช้ความรู้ ประสบการณ์ของตัวเอง มาบริหารบ้านเมือง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 3. เขาบอกว่า ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนทุกท่านที่จะร่วมกันทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช่ไหมครับ ทุกคนจำได้ แต่นี่เราเปิดไม่ครบ แต่ว่าทั้ง 2 อย่าง การเมืองที่ล้มเหลว นายอภิสิทธิ์ก็ล้มเหลวไปพร้อมการเมืองนั่นเอง ใช่ไหมครับพี่น้อง นายอภิสิทธิ์ทำให้บ้านเมือง และการเมืองล้มเหลว ไม่ได้เพียงทำให้การเมืองล้มเหลว แต่ทำให้บ้านเมืองล้มเหลวไปด้วย ครับพี่น้องครับ แต่ว่าที่สำคัญ ที่ไม่ล้มเหลวเลย คือ อาชีพนักการเมือง ร่ำรวยอู้ฟู่อยู่ดีมีสุขทุกคนครับพี่น้องครับ เขาทำให้ระบอบการเมืองล้มเหลว ทำให้บ้านเมืองล้มเหลว แต่ทำให้อาชีพนักการเมืองสัตว์นรกร่ำรวยอยู่ดีมีสุขปล้นบ้านเมืองเมามัน
เรื่องที่สอง ที่นายอภิสิทธิ์ บอกว่า จะใช้ประสบการณ์ที่เป็นนักการเมืองมา 7 สมัย เป็น ส.ส. 7 สมัย เป็นรัฐมนตรี ไม่บอกว่าเป็นรัฐมนตรีอะไรมา จะใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถทั้งชีวิต มาทำงานรับใช้ท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร สีอะไร อย่างไร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สุดท้ายแล้ว นายอภสิทธิ์ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ไปรับใช้นักการเมือง และพรรคการเมือง อย่างทั้งชีวิตจิตใจครับพี่น้อง ไม่ได้รับใช้ประชาชนเลย ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกคน มีความสุข และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความสุข มีเงินมีทอง มีกระสุนเตรียมพร้อมการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมโหฬารครับ นี่คือนายอภิสิทธิ์
สองอย่างนี้ว่าเจ็บปวดต่อประชาชนพอแล้ว แต่ไอ้เรื่องที่สาม ที่บอกว่าจะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่วันขึ้นสู่อำนาจจนกระทั่งวันนี้ จนกระทั่งถึงวันที่ทูลกระหม่อมหญิง ฟ้าหญิงองค์เล็กประทานให้สัมภาษณ์ ถึงขนาดต้องขอเวลารัฐบาล 10 นาที เพื่อเผยแพร่พระกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ดี และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 พระองค์ พี่น้องรู้ไหม นายอภิสิทธิ์ไม่เคยทำอะไรเลยเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมขอตราหน้าและประณามคุณ ไม่เพียงเท่านั้น ยังปล่อยให้ขบวนการล้มเจ้า ขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขบวนการใส่ร้ายป้ายสี ปล่อยข่าวลือทำลายพระราชวงศ์ทั้งหลาย อย่างเสียๆ หายๆ เผยแพร่ทั่วประเทศ และขบวนการนักกฎหมายกำลังล่าชื่อจะขอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา 112 ยกเว้นบทคุ้มครองว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขบวนการล้มเจ้า ขบวนการที่จะล้มราชวงศ์เคลื่อนไหวอย่างคึกโครมมากกว่ายุคสมัยใดๆ ตั้งแต่มีประเทศไทยมาครับ มิหนำซ้ำ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นางดา ตอร์ปิโด ทุกคนที่ถูกกล่าวหาข้อหานี้ถูกปล่อยตัว ขบวนการก่อการร้าย โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะทั้งนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า การเผาบ้านเผาเมืองครั้งนั้น สร้างปัญหาอันยิ่งใหญ่ สร้างความทุกข์อันยิ่งใหญ่ให้กับประมุขประเทศขนาดไหน เขายังไม่เคยใส่ใจเลย เขาอำมหิตกับทุกคน กับประชาชนทุกหมู่เหล่า ไม่เว้นแม้แต่สถาบันเบื้องสูงครับพี่น้องครับ
ผมถึงบอกว่า วันนี้ นายอภิสิทธิ์ต้องจบชีวิตการเมืองตัวเองได้แล้ว ไม่ควรเดินลอยนวลบนถนนการเมืองต่อไปอีก และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ควรจะเสนอตัว เป็นคนที่จะเข้าสู่กระบวนการเมืองอีกเลย การเมืองการเลือกตั้งวันนี้ จึงไม่ใช่คำตอบของประชาชน และอยากฝากเรื่องนี้ ไปยังผู้บัญชาการทหารบกด้วยครับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านพูดหลายครั้งแล้ว ท่านให้สัมภาษณ์หลายครั้งแล้ว ท่านอย่าเอาแบบอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ดีแต่พูด ครับพี่น้องครับ ที่บอกว่า จะจัดการกับขบวนการหมิ่นนะ โชว์ฟอร์มให้ดูสักคนหน่อยซิ ทหารจัดการอย่างไรบ้าง เพราะนี่มันเป็นหน้าที่โดยตรงของกองทัพ มันเป็นหน้าที่โดยตรงของกองทหาร เพราะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ 3 เสาหลักสำคัญที่ค้ำจุนประเทศชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์คือจิตวิญญาณคนไทยทั้งประเทศ หากสถาบันนี้ล้มลง ประเทศก็ต้องสิ้นด้วย ความมั่นคงของชาติมันอยู่ตรงนี้ มันเป็นหน้าที่ทหาร ไม่ต้องรอให้มาร์คมาสั่ง เพราะฉะนั้น ฝากว่าอย่าดีแต่พูด ชายชาติทหารทำมากกว่าพูดครับ พี่น้องครับ ประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมร่วมมือทหาร และผู้จงรักภักดี เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ไม่มีใครไม่พร้อม พวกเราทุกคนพร้อมมานานแล้ว อยู่ที่พวกท่านเมื่อไรจะพร้อม
ทั้งหมดนี้ อยากจะฝากว่า วันนี้ มันมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว การเมืองในระบอบนี้ มันเป็นการเมืองทำลายบ้าน ทำลายเมือง ทำลายชาติ และทำลายแม้กระทั่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าปล่อยการเมืองเล่นไปอย่างนี้ ไม่มีสิ้นสุด ประเทศหายนะ เลือกตั้งไปอย่างนี้อีก 100 ปี ก็ไม่ได้คนดีมาปกครองบ้านเมืองครับพี่น้องครับ วันนี้ จึงไม่ควรมีการเลือกตั้ง เอาคนดีๆ มาปกครองบ้านเมือง ฟื้นฟูประเทศ ปฏิรูปบ้านเมืองซะก่อน แล้ววางระบบที่ดีเพื่อเอาคนดีเข้ามารับช่วงอำนาจพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ถึงวันนั้นค่อยมาแข่งขันกันว่าใครจะเลือกตั้งชนะใจประชาชนครับพี่น้อง นี่ไม่ใช่ปิดประเทศ และไม่จำเป็นต้องไปแคร์นานาประเทศ เพราะมันเป็นประเทศของเรา เราจะทำอย่างไรให้ประเทศเราเจริญ เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเรา ไม่จำเป็นต้องมีเลือกตั้ง ก็เจริญได้ สิงคโปร์ก็ไม่ต้องเลือกตั้ง จีนแผ่นดินใหญ่เขาก็ไม่เลือกตั้ง เป็นมหาอำนาจอันดับ 2 หลายประเทศ ไม่ต้องเลือกตั้ง แต่มีระบบคัดเลือกคนเข้าสู่อำนาจ ที่ประชาชนไว้วางใจ แค่นี้บ้านเมืองก็เดินหน้าไปได้แล้ว
พี่น้องครับ คงตอบคำถามบางส่วน แต่ทั้งหมดนี้เพื่อให้พี่น้องเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง จุดยืนของเราอันที่ 1 คือ เราไม่ต้องการเลือกตั้งระบอบสกปรก การเมืองน้ำเน่านี้ ใช่ไหมครับพี่น้อง และถ้าแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะโหวตโน ไม่กาเลือกใครในช่องลงคะแนนทุกใบใช่ไหมครับพี่น้อง นี่คือจุดยืนและแนวทางพวกเราครับ เอาละครับ พบกันแค่นี้ พรุ่งนี้พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ