xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” อ้อนเสื้อแดง “พาผมกลับบ้านด้วย” - “วีระกานต์” โผล่เวทีรอบเกือบ 1 ปี หลังศาลไฟเขียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แม้ว” วิดีโอลิงก์ครวญเพลงมายังโบนันซ่า อ้อนให้เสื้อแดงพากลับบ้านด้วย แนะให้จับตาเลือกตั้งครั้งหน้าหากไม่บริสุทธิ์บ้านเมืองจะเลวร้ายลงอีกมาก ด้าน “วีระกานต์” โผล่เวทีครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี หลังศาลลดเงื่อนไขการประกันตัวทำให้ปราศรัยได้ พร้อมสร้างภาพสวมกอด “ตู่-เต้น” กลางเวที


วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอลิงก์ มายังเวทีคนเสื้อแดงที่คอนเสิร์ต 'รุ่งอรุณแห่งความยุติธรรม' ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ และได้ร้องเพลงเชียงรายรำลึก และสั่งนาง

“พาผมกลับบ้านด้วยนะครับ พร้อมจะกลับไปรับใช้พี่น้องครับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าการกดดันประชาชนไม่ให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ถือเป็นการคิดสั้นและคิดผิด นอกจากนี้ ขอให้คนเสื้อแดงจับตาดูการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะถ้ามีการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม บ้านเมืองจะเลวร้ายลงอีกมากมาย” นายทักษิณกล่าว

นอกจากนี้ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ได้ขึ้นเวทีเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากศาลได้อนุมัติลดเงื่อนไขการประกันตัวทำให้สามารถปราศรัยทางการเมืองได้ ทั้งนี้ นายวีระกานต์ยังได้สวมกอดนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.บนเวที เพื่อแสดงให้เห็นว่าจะกลับมาร่วมงานกันได้อีกครั้ง

นายวีระกานต์ปราศรัยว่า เมื่อแกนนำ นปช.ทุกคนถูกคุมขังหลังเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม 2553 ทั้งหมดได้พยายามยื่นประกันตัวต่อศาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นจึงมีการยื่นประกันตัวแยกกันเป็นรายบุคคล ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จในศาลชั้นต้นอีก กระทั่งตนตัดสินใจยื่นขอไต่สวนกับศาลอุทธรณ์ และศาลก็ได้ให้โอกาสไต่สวนเพื่อให้ตนได้แสดงถึงเหตุผลความจำเป็นที่ควรจะถูกปล่อยตัวออกมา

นายวีระกานต์กล่าวต่อว่า ในการไต่สวนตนได้ร้องขอแก่ศาลให้ให้ประกันแก่ตนเอง และหากศาลมีเงื่อนไขอะไร ตนก็พร้อมจะยอมรับทั้งนั้น สุดท้ายศาลจึงให้ประกันตัว แต่มีเงื่อนไขหลายอย่าง อาทิ ห้ามออกนอก กทม. ห้ามออกนอกราชอาณาจักร ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ยกเว้นกับเครือญาติ ห้ามแสดงความเห็นใดๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมผ่านสื่อ และให้ไปรายงานตัวต่อศาลทุก 15 วัน เป็นต้น เงื่อนไขดังกล่าวจึงส่งผลให้ตนต้องเงียบตามเงื่อนไขของศาลเป็นเวลา 7 เดือน และตนก็ไม่ได้รับเงินจากใครหรือเลิกร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เมื่อต่อมาแกนนำ นปช.อีก 8 คนได้รับการประกันตัว แกนนำกลุ่มหลังก็ได้รับเงื่อนไขที่แตกต่างจากตน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่สามารถเข้าร่วมการชุมนุมได้ ดังนั้น ตนจึงยื่นเรื่องไปที่ศาล เพื่อขอลดเงื่อนไขการประกันตัวให้เท่ากับแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวรุ่นหลัง และตนก็ได้รับการลดเงื่อนไขดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ ต่อไป ตนจะสามารถขึ้นเวทีปราศรัย, ให้สัมภาษณ์สื่อ และจัดรายการให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดทได้แล้ว

นายวีระกานต์กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มคนเสื้อแดงถือเป็นขบวนการประชาธิปไตยแห่งประเทศไทยที่มีเพื่อนมิตรทั่วโลก และเติบใหญ่ขึ้นมามากในระยะเวลา 5 ปี

โดยคนเสื้อแดงถือกำเนิดขึ้นเพราะความต้องการต่อต้านเผด็จการที่ทำการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการยึดอำนาจ เช่นเดียวกับคนไทยอีก 60 ล้าน ที่ถูกปล้นประชาธิปไตยไป ดังนั้น ถ้าคนเสื้่อแดงสู้จนชนะเมื่อใด พ.ต.ท.ทักษิณก็จะได้รับอานิสงส์ไปพร้อมกับคนไทย 60 ล้านคน ด้วยเหตุนี้เป้าหมายของคนเสื้อแดง คือ การต่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น

อดีตประธาน นปช.ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันขบวนการคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นมากมายมหาศาล จนมีความคิดแปลกแยกกันไปบ้างตามสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะต่อสู้โดยสันติ และสามารถทำให้ผู้มีอำนาจสั่นสะเทือนได้ แต่ที่คนเสื้อแดงยังไม่ชนะ เพราะแม้จะมีกันจำนวนมากจริง แต่ก็ยังไม่มากพอ ดังนั้น ขบวนการคนเสื้อแดงจึงต้องขยายเครือข่ายต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ

นายวีระกานต์กล่าวว่า แกนนำ นปช.จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเสื้อแดง และยังต้องร่วมทางต่อสู้กันอีกยาวนาน แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็ตาม โดยถ้ามีผู้ล้มการเลือกตั้งด้วยกลวิธีพลิกแพลงต่างๆ คนเหล่านั้นจะต้องปะทะกับกองทัพคนเสื้อแดง นอกจากนี้ ตนขอสนับสนุนให้นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ เป็นผู้นำคนเสื้อแดงในฐานะการต่อสู้ทางการเมืองภาคประชาชนต่อไปในทางคู่ขนานที่แยกจากกันไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็รวมกันไม่ได้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นการเมืองในระบบรัฐสภา

ดังนั้น หลังการเลือกตั้งแล้ว คนเสื้อแดงก็ยังต้องคงอยู่ เพื่อคอยสอดส่องพฤติกรรมของการเมืองในระบบรัฐสภาว่าจะสามารถนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น