นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนกรณีที่ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโฟนอินถี่ขึ้นนั้น คงตอบยากว่าจะมาบ่อย หรือไม่บ่อย แต่ขอยืนยันว่าตอนนี้บ้านเมืองควรจะเดินหน้า และจะเห็นได้ว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ การมาแก้ปัญหาเรื่องของปากท้อง เรื่องของเศรษฐกิจ ตนไม่อยากให้คนจำนวนหนึ่งจะเป็นนักการเมือง อดีตนักการเมือง หรือ นักเคลื่อนไหว มาทำให้ ประเด็นของประเทศถูกเบี่ยงเบนไปจากความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนที่แท้จริง ตนถึงบอกว่าวันนี้ เมื่อเรากำหนดชัดเจนขึ้นแล้วว่าการยุบสภาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ทุกคนควรกลับมาช่วยกันเข้าสู่ระบบตรงนี้จะดีกว่า และให้พี่น้องประชาชนเป็นคนชี้ขาดว่า จะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร
แต่หากเราจะให้ความสำคัญกับนักการเมือง นักเคลื่อนไหวอย่างเดียวบ้านเมืองก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ และกลายเป็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มีโอกาสสะท้อนออกมาเท่ากับประเด็นที่เป็นเสียงดังๆของนักเคลื่อนไหวกับนักการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี กำหนดวันยุบสภาอย่างชัดเจน ได้ประเมินหรือไม่ว่า สถานการณ์ทางเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร และเตรียมที่จะรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะต้องดูเพราะยังมีอีกหลายเรื่องระหว่างนี้จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม อย่างสัปดาห์หน้า มีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งต้องดูว่าตรงนั้นจะเป็นอย่างไร
**อัด"แม้ว"กลับกลอกเชื่อไม่ได้
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะกลับมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนภายใน 6 เดือน ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจเป็นการหาเสียง เมื่อถามว่าแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีคดีอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟัง แต่อ่านจากข่าว เพียงแต่บอกว่าจะมีคนมาทำอะไรอย่างนี้ ไม่เป็นไร เอาว่าขอให้เป็นอย่างนั้นจริงเถอะว่า ทุกคนมุ่งจะมาแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่าที่จะวนเวียนอยู่กับเรื่องเก่าๆ เดิมๆ ของตัวคุณทักษิณ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ห่วงอะไรมากกว่ากันระหว่างการเคลื่อนไหวนอกสภากับในสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องดูทุกส่วนซึ่งจริงๆ แล้วต้องยอมรับว่าเรามีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีพรรคการเมืองซึ่งเดินคู่ขนานเป็นขบวนการพร้อมๆ กันไป กับการเคลื่อนไหวนอกสภาแถมปีที่แล้วยังมีเรื่องกองกำลังเข้าไปอีก ซึ่งสภาพอย่างนั้น ที่ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงขึ้น
"วันนี้อยากให้มันกลับมาสู่ระบบสภาฯ การเมืองภาคประชาชน ที่มีการเรียกร้องประเด็นต่างๆ หรือมีส่วนร่วมประเด็นต่างๆ ก็ว่ากันไป แต่ไม่ควรมีลักษณะของการเอาพรรคการเมืองก็เอา และมีมวลชนไว้เคลื่อนไหวนอกสภาฯ เพื่อสอดคล้องกับพรรคการเมืองด้วย และที่ต้องไม่ให้ทำอีกเด็ดขาด คือเรื่องกองกำลัง" นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ขณะนี้ดูเหมือนว่าถ้าหลังเลือกตั้งกลับมา หากพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้กลับมามีอำนาจ การสร้างความวุ่นวายก็จะยังไม่จบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ยิ่งฟ้องประชาชน และชาวโลกว่า ข้อเรียกร้องต่างๆที่เคยพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นจริง
"ผมก็แปลกใจว่าวันนี้พอบอกว่าจะยุบสภาฯ คุณทักษิณ กลับมาบอกว่าให้อยู่ให้ครบไปก็ได้ แล้วทำไมปีที่แล้วพอเราเสนอให้มีการเลือกตั้งมีวันชัดเจน กลับไม่ยอมที่จะหยุดเคลื่อนไหว จนนำมาสู่ความสูญเสียจำนวนมาก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าในทางกลับกัน พ.ต.ท.บอกไม่เชื่อคำพูดนายกฯ เรื่องยุบสภาฯ ต้องหารสามหารสี่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลับไปดูดีกว่า ว่าคำพูดใครบ้าง เชื่อได้ เชื่อไม่ได้
** ยันคุยพรรคร่วมเรื่องยุบสภาแล้ว
เมื่อถามว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาท้วงติงเรื่องวันยุบสภา จำเป็นที่จะต้องไปทำความเข้าใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคุยกันแล้วหลายท่านไม่เห็นด้วยแต่ตนก็ได้อธิบายไปแล้ว ทุกคนยอมรับได้ แต่จะให้ทุกคนพอใจนั้นบังคับกันไม่ได้
เมื่อถามว่า ในงานระดมทุนของพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีโอกาสคุยกับนายบรรหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ท่านก็แหย่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่เป็นไร ท่านระดมทุนแล้วนี่
เมื่อถามว่าหมายความว่าวันนี้ทุกฝ่ายเข้าใจดี ถึงการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว แต่นักการเมืองแต่ละคนอาจจะประเมินสถานการณ์การเมืองไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคอะไร แต่ละพรรคสามารถที่เดินหน้าได้ เมื่อถามว่า คิดว่าหลังเลือกตั้งพรรคร่วมรัฐบาลทุกวันนี้ยังจะสนับสนุนตัวนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าในขณะที่กำลังนับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้ง ยังมีอีกหลายฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บอกจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และอยากให้เลือกการลาออกทั้งคณะ แล้วใช้มาตรา 7 มากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ตนยังมองไม่เห็นว่ามันเข้าไปสู่เงื่อนไขลักษณะนั้นอย่างไร เพราะกระบวนการต่างๆต้องเดินไปตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีความพยายามเปรียบเทียบว่าสถานการณ์วันนี้กับสถานการณ์ปลายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่คิดว่าเหมือนกันเลย ขณะนี้เราอยู่ในระบบรัฐสภา พรรคการเมืองต่างๆก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการของรัฐธรรมนูญ มีการแข่งขัน มีทางเลือกให้กับประชาชน ทางพรรคการเมืองใหม่เอง ก็สามารถที่จะเสนอตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว
**วันเลือกตั้งขึ้นอยู่กับกกต.
เมื่อถามว่า ในความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี คิดว่าหลังเลือกตั้ง สถานการณ์บ้านเมืองจะดีกว่านี้ หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนตั้งใจอย่างนั้น และคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะช่วยให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ดีกว่า ไม่มีการเลือกตั้งและยุบสภาฯ
"แต่เรื่องการเมือง จะให้ใครมาพูดอะไร 100 % คงพูดไม่ได้หรอก แต่เราต้องเอาหลักประกันที่ดีที่สุด และเชื่อว่าหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองระยะยาวคือ ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และจังหวะเวลาแบบนี้ คือจังหวะเวลาที่เราอาศัยกระบวนการประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้ง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า การที่เลขาฯกกต. ออกมาระบุวันเลือกตั้งในวันที่ 26 มิ.ย. แต่อาจเลื่อนไปเป็นวันที่ 3 ก.ค. นั้นเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กกต. เป็นผู้มีหน้าที่ในการกำหนดวันอยู่แล้ว
** ไม่ขวางประกัน"ไอ้กี้ร์-แรมโบ้"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมาว่า กลุ่มนปช. และ พรรคเพื่อไทย มาจากที่เดียวกัน มีความเชื่อมโยงมีความสัมพันธ์ มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนนิยมมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนเสื้อแดง ถ้าคนเสื้อแดงออกมาเกะกะระราน สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง รังควานประชาชน คะแนนของพรรคเพื่อไทยก็จะตก ข้อสำคัญคือคนเสื้อแดงบางคน ก็ลงรับสมัครเลือกตั้งด้วย เพราะอย่างนั้น เขาต้องทำตัวให้ดี
เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ 2 แกนนำนปช. จะติดต่อขอเข้ามอบตัวที่ชายแดน มีโอกาสให้ประกันตัวได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ โดยหลักของเจ้าหน้าที่ เพราะการมอบตัวเป็นการแสดงเจตนาที่จะมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยปกติเจ้าหน้าที่จะให้โอกาสในการประกันตัวในชั้นของพนักงานสอบสวนหรือว่าไปถึงศาล ก็จะไม่คัดค้านการประกันตัวเพราะเขามีเจตนาที่จะมาสู้คดี
** 7โจกแดง ขึ้นเวทีผิดเงื่อนไขศาล
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขึ้นเวทีเสื้อแดงของ 7 แกนนำกลุ่มนปช.หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว ว่า ดูจากพฤติกรรมในการแสดงออก และการปราศรัย ถือว่ามีความหมิ่นเหม่ต่อการปลุกระดมมวลชน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับการประกันตัวหรือไม่ และหากแกนนำมีพฤติกรรมเช่นนี้ ต่อไปจะสร้างความกังวลใจต่อประชาชนในสังคม จึงอยากเรียกร้องให้คนที่เป็นพยานต่อศาลในการรับประกันพฤติกรรมแกนนำนั้นว่า คนเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามที่ได้ให้ข้อเท็จจริงต่อศาลหรือไม่
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เป็นพฤติกรรมเดิมๆ ระดมคนมาชุมนุม แล้วเปิดเวทีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอิน ปราศรัยกดดันศาล ด่ากองทัพ และรัฐบาล โดยเฉพาะการที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. พูดพาดพิงผู้พิพากษาว่า คนไทยทนได้ แต่ทนต่อความอยุติธรรมไม่ได้ จึงอยากถามความหมายว่า กระบวนการการยุติธรรมไม่เพียงพอในต่อสายตาหรือไม่ การที่ศาลปราณีปล่อยตัวแกนนำยัง เป็นการให้ความยุติธรรมไม่พอหรือ
**เย้ยแม้วไม่พร้อมส่งลิ่วล้อเลือกตั้ง
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า สรุปสาระได้ 6 ข้อ ที่เป็นเรื่องที่บิดเบือน และพาดพิงรัฐบาลจนเกิดความเสียหาย คือ
1. สังคมแตกแยกไม่ใช่เพราะคนเสื้อแดง แต่เกิดจากความยัดเยียดด้วยมือทหาร ทั้งๆ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามปรองดอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมเลิกรา
2. สังคมไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะมีผู้มีบารมีเข้าแทรกแซง อยากถามว่าผู้มีบารมีทีกล่าวถึงเป็นใคร ใช่คนที่เคยกล่าวหาก่อนถูกยึดอำนาจใช่ หรือไม่ และยืนยันว่าไม่มีผู้มีบารมีเข้าแทรกแซง เพราะทุกองค์กรปฏิบัติตามหน้าที่ตัวเอง
3. การกล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชน เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อดใจรอในการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เฝ้าดูข้อมูลว่าฝ่ายไหนมีข้อมูลที่เด็ดกว่ากัน ไม่ควรปรักปรำรัฐบาล ทหาร หรือเจ้าหน้าที่
4. พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าประเทศต้องการประชาธิปไตย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ควรส่งไปยังคนเสื้อแดง ให้เตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง
5. ให้ความหวังกับประชาชนรูปแบบเดิม คือ ชนะจะได้กลับมาและฟื้นเศรษฐกิจภายใน 6 เดือน เป็นการขายฝันให้คนระบอบทักษิณ แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม
6. พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ไม่พร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง
**ตร.เร่งตรวจสอบคำปราศรัย "7โจกแดง"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก. และโฆษก บช.น. เปิดเผยหลังการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่มีแกนนำคนสำคัญขึ้นปราศรัยบนเวทีจำนวนมากรวมทั้งผู้ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งยังไม่พบการนำอาวุธร้ายแรงหรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปในบริเวณพื้นที่การชุมนุม
สำหรับจำนวนผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีจำนวน 40,000 คน ได้ยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 02.00 น. ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมจะมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบคำปราศรัยของแกนนำ นปช.ที่ได้ประกันตัวชั่วคราวทั้ง 7 คน อย่างละเอียดอีกครั้งโดยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการถอดเทปข้อความปราศรัย เพื่อตรวจสอบภาพว่าเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราว ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
---------------------------
แต่หากเราจะให้ความสำคัญกับนักการเมือง นักเคลื่อนไหวอย่างเดียวบ้านเมืองก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ และกลายเป็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มีโอกาสสะท้อนออกมาเท่ากับประเด็นที่เป็นเสียงดังๆของนักเคลื่อนไหวกับนักการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี กำหนดวันยุบสภาอย่างชัดเจน ได้ประเมินหรือไม่ว่า สถานการณ์ทางเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร และเตรียมที่จะรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะต้องดูเพราะยังมีอีกหลายเรื่องระหว่างนี้จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม อย่างสัปดาห์หน้า มีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งต้องดูว่าตรงนั้นจะเป็นอย่างไร
**อัด"แม้ว"กลับกลอกเชื่อไม่ได้
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะกลับมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนภายใน 6 เดือน ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจเป็นการหาเสียง เมื่อถามว่าแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีคดีอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟัง แต่อ่านจากข่าว เพียงแต่บอกว่าจะมีคนมาทำอะไรอย่างนี้ ไม่เป็นไร เอาว่าขอให้เป็นอย่างนั้นจริงเถอะว่า ทุกคนมุ่งจะมาแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่าที่จะวนเวียนอยู่กับเรื่องเก่าๆ เดิมๆ ของตัวคุณทักษิณ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ห่วงอะไรมากกว่ากันระหว่างการเคลื่อนไหวนอกสภากับในสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องดูทุกส่วนซึ่งจริงๆ แล้วต้องยอมรับว่าเรามีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีพรรคการเมืองซึ่งเดินคู่ขนานเป็นขบวนการพร้อมๆ กันไป กับการเคลื่อนไหวนอกสภาแถมปีที่แล้วยังมีเรื่องกองกำลังเข้าไปอีก ซึ่งสภาพอย่างนั้น ที่ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงขึ้น
"วันนี้อยากให้มันกลับมาสู่ระบบสภาฯ การเมืองภาคประชาชน ที่มีการเรียกร้องประเด็นต่างๆ หรือมีส่วนร่วมประเด็นต่างๆ ก็ว่ากันไป แต่ไม่ควรมีลักษณะของการเอาพรรคการเมืองก็เอา และมีมวลชนไว้เคลื่อนไหวนอกสภาฯ เพื่อสอดคล้องกับพรรคการเมืองด้วย และที่ต้องไม่ให้ทำอีกเด็ดขาด คือเรื่องกองกำลัง" นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ขณะนี้ดูเหมือนว่าถ้าหลังเลือกตั้งกลับมา หากพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้กลับมามีอำนาจ การสร้างความวุ่นวายก็จะยังไม่จบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ยิ่งฟ้องประชาชน และชาวโลกว่า ข้อเรียกร้องต่างๆที่เคยพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นจริง
"ผมก็แปลกใจว่าวันนี้พอบอกว่าจะยุบสภาฯ คุณทักษิณ กลับมาบอกว่าให้อยู่ให้ครบไปก็ได้ แล้วทำไมปีที่แล้วพอเราเสนอให้มีการเลือกตั้งมีวันชัดเจน กลับไม่ยอมที่จะหยุดเคลื่อนไหว จนนำมาสู่ความสูญเสียจำนวนมาก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าในทางกลับกัน พ.ต.ท.บอกไม่เชื่อคำพูดนายกฯ เรื่องยุบสภาฯ ต้องหารสามหารสี่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลับไปดูดีกว่า ว่าคำพูดใครบ้าง เชื่อได้ เชื่อไม่ได้
** ยันคุยพรรคร่วมเรื่องยุบสภาแล้ว
เมื่อถามว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาท้วงติงเรื่องวันยุบสภา จำเป็นที่จะต้องไปทำความเข้าใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคุยกันแล้วหลายท่านไม่เห็นด้วยแต่ตนก็ได้อธิบายไปแล้ว ทุกคนยอมรับได้ แต่จะให้ทุกคนพอใจนั้นบังคับกันไม่ได้
เมื่อถามว่า ในงานระดมทุนของพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีโอกาสคุยกับนายบรรหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ท่านก็แหย่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่เป็นไร ท่านระดมทุนแล้วนี่
เมื่อถามว่าหมายความว่าวันนี้ทุกฝ่ายเข้าใจดี ถึงการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว แต่นักการเมืองแต่ละคนอาจจะประเมินสถานการณ์การเมืองไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคอะไร แต่ละพรรคสามารถที่เดินหน้าได้ เมื่อถามว่า คิดว่าหลังเลือกตั้งพรรคร่วมรัฐบาลทุกวันนี้ยังจะสนับสนุนตัวนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าในขณะที่กำลังนับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้ง ยังมีอีกหลายฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บอกจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และอยากให้เลือกการลาออกทั้งคณะ แล้วใช้มาตรา 7 มากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ตนยังมองไม่เห็นว่ามันเข้าไปสู่เงื่อนไขลักษณะนั้นอย่างไร เพราะกระบวนการต่างๆต้องเดินไปตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีความพยายามเปรียบเทียบว่าสถานการณ์วันนี้กับสถานการณ์ปลายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่คิดว่าเหมือนกันเลย ขณะนี้เราอยู่ในระบบรัฐสภา พรรคการเมืองต่างๆก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการของรัฐธรรมนูญ มีการแข่งขัน มีทางเลือกให้กับประชาชน ทางพรรคการเมืองใหม่เอง ก็สามารถที่จะเสนอตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว
**วันเลือกตั้งขึ้นอยู่กับกกต.
เมื่อถามว่า ในความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี คิดว่าหลังเลือกตั้ง สถานการณ์บ้านเมืองจะดีกว่านี้ หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนตั้งใจอย่างนั้น และคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะช่วยให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ดีกว่า ไม่มีการเลือกตั้งและยุบสภาฯ
"แต่เรื่องการเมือง จะให้ใครมาพูดอะไร 100 % คงพูดไม่ได้หรอก แต่เราต้องเอาหลักประกันที่ดีที่สุด และเชื่อว่าหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองระยะยาวคือ ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และจังหวะเวลาแบบนี้ คือจังหวะเวลาที่เราอาศัยกระบวนการประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้ง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า การที่เลขาฯกกต. ออกมาระบุวันเลือกตั้งในวันที่ 26 มิ.ย. แต่อาจเลื่อนไปเป็นวันที่ 3 ก.ค. นั้นเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กกต. เป็นผู้มีหน้าที่ในการกำหนดวันอยู่แล้ว
** ไม่ขวางประกัน"ไอ้กี้ร์-แรมโบ้"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมาว่า กลุ่มนปช. และ พรรคเพื่อไทย มาจากที่เดียวกัน มีความเชื่อมโยงมีความสัมพันธ์ มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนนิยมมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนเสื้อแดง ถ้าคนเสื้อแดงออกมาเกะกะระราน สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง รังควานประชาชน คะแนนของพรรคเพื่อไทยก็จะตก ข้อสำคัญคือคนเสื้อแดงบางคน ก็ลงรับสมัครเลือกตั้งด้วย เพราะอย่างนั้น เขาต้องทำตัวให้ดี
เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ 2 แกนนำนปช. จะติดต่อขอเข้ามอบตัวที่ชายแดน มีโอกาสให้ประกันตัวได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ โดยหลักของเจ้าหน้าที่ เพราะการมอบตัวเป็นการแสดงเจตนาที่จะมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยปกติเจ้าหน้าที่จะให้โอกาสในการประกันตัวในชั้นของพนักงานสอบสวนหรือว่าไปถึงศาล ก็จะไม่คัดค้านการประกันตัวเพราะเขามีเจตนาที่จะมาสู้คดี
** 7โจกแดง ขึ้นเวทีผิดเงื่อนไขศาล
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขึ้นเวทีเสื้อแดงของ 7 แกนนำกลุ่มนปช.หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว ว่า ดูจากพฤติกรรมในการแสดงออก และการปราศรัย ถือว่ามีความหมิ่นเหม่ต่อการปลุกระดมมวลชน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับการประกันตัวหรือไม่ และหากแกนนำมีพฤติกรรมเช่นนี้ ต่อไปจะสร้างความกังวลใจต่อประชาชนในสังคม จึงอยากเรียกร้องให้คนที่เป็นพยานต่อศาลในการรับประกันพฤติกรรมแกนนำนั้นว่า คนเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามที่ได้ให้ข้อเท็จจริงต่อศาลหรือไม่
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เป็นพฤติกรรมเดิมๆ ระดมคนมาชุมนุม แล้วเปิดเวทีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอิน ปราศรัยกดดันศาล ด่ากองทัพ และรัฐบาล โดยเฉพาะการที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. พูดพาดพิงผู้พิพากษาว่า คนไทยทนได้ แต่ทนต่อความอยุติธรรมไม่ได้ จึงอยากถามความหมายว่า กระบวนการการยุติธรรมไม่เพียงพอในต่อสายตาหรือไม่ การที่ศาลปราณีปล่อยตัวแกนนำยัง เป็นการให้ความยุติธรรมไม่พอหรือ
**เย้ยแม้วไม่พร้อมส่งลิ่วล้อเลือกตั้ง
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า สรุปสาระได้ 6 ข้อ ที่เป็นเรื่องที่บิดเบือน และพาดพิงรัฐบาลจนเกิดความเสียหาย คือ
1. สังคมแตกแยกไม่ใช่เพราะคนเสื้อแดง แต่เกิดจากความยัดเยียดด้วยมือทหาร ทั้งๆ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามปรองดอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมเลิกรา
2. สังคมไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะมีผู้มีบารมีเข้าแทรกแซง อยากถามว่าผู้มีบารมีทีกล่าวถึงเป็นใคร ใช่คนที่เคยกล่าวหาก่อนถูกยึดอำนาจใช่ หรือไม่ และยืนยันว่าไม่มีผู้มีบารมีเข้าแทรกแซง เพราะทุกองค์กรปฏิบัติตามหน้าที่ตัวเอง
3. การกล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชน เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อดใจรอในการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เฝ้าดูข้อมูลว่าฝ่ายไหนมีข้อมูลที่เด็ดกว่ากัน ไม่ควรปรักปรำรัฐบาล ทหาร หรือเจ้าหน้าที่
4. พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าประเทศต้องการประชาธิปไตย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ควรส่งไปยังคนเสื้อแดง ให้เตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง
5. ให้ความหวังกับประชาชนรูปแบบเดิม คือ ชนะจะได้กลับมาและฟื้นเศรษฐกิจภายใน 6 เดือน เป็นการขายฝันให้คนระบอบทักษิณ แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม
6. พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ไม่พร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง
**ตร.เร่งตรวจสอบคำปราศรัย "7โจกแดง"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก. และโฆษก บช.น. เปิดเผยหลังการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่มีแกนนำคนสำคัญขึ้นปราศรัยบนเวทีจำนวนมากรวมทั้งผู้ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งยังไม่พบการนำอาวุธร้ายแรงหรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปในบริเวณพื้นที่การชุมนุม
สำหรับจำนวนผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีจำนวน 40,000 คน ได้ยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 02.00 น. ส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมจะมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบคำปราศรัยของแกนนำ นปช.ที่ได้ประกันตัวชั่วคราวทั้ง 7 คน อย่างละเอียดอีกครั้งโดยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการถอดเทปข้อความปราศรัย เพื่อตรวจสอบภาพว่าเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราว ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
---------------------------