xs
xsm
sm
md
lg

“ประชาสันติ”โยงทักษิณ? “ปุ”หวังนายกฯส้มหล่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความพยายามที่จะตีโหมประโคมข่าวว่า “พรรคประชาสันติ” ที่ไปเซ็งลี้พรรคธรรมาธิปัตย์มาแต่งหน้าทาปากใหม่ว่า จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนเป็นทางออกให้กับชาติบ้านเมืองนั้น เป็นประเด็นที่น่าวิเคราะห์
 

ว่าแท้จริงแล้ว “พรรคประชาสันติ” ที่มี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ตอบรับเป็นหัวหน้าพรรคจะเป็นทางออกให้กับบ้านเมืองหรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่
 

การหาทางออกให้กับคนทะยาน อยากทางอำนาจได้มีสถานะทางสังคมเท่านั้น

หากเราพิจารณาถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศจะเห็นได้ว่า ทางตันเริ่มส่อเค้าให้เห็นตั้งแต่ช่วงปลายวาระที่ ทักษิณ ชินวัตร ครองอำนาจรอบแรก ซึ่งองค์ประกอบของโครงสร้างทางอำนาจในขณะนั้น ล้วนแต่มีบุคคลที่เข้ามาเป็นตัวตั้งตัวตีก่อตั้งพรรคประชาสันติเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร.ต.อ.ปุระชัย ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นรุ่นพี่โรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจไม่น้อยจาก ทักษิณ ชินวัตร แต่น่าเสียดายที่ ร.ต.อ.ปุระชัย ไม่เคยใช่สถานะที่มีให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง มีแต่เดินหน้ารักษาตำแหน่งทางการเมืองให้กับตัวเองเท่านั้น

ในวันที่ปัญหาที่ดินอัลไพน์มีความชัดเจนอย่างยิ่งว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวมีความเชื่อมโยงทางการเมืองที่ เสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นขายต่อให้ทักษิณ ทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รมว.มหาดไทย ที่จะต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาในการคืนที่ดินให้กับวัด โดยอ้างว่าไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฤษฎีกา

ถ้า ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นคนดีจริง เขาต้องพยายามที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องให้สมกับตำแหน่งหน้าที่ของตน แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใด ๆ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อประโยชน์ของ ทักษิณ

บทพิสูจน์จากพฤติกรรมเยี่ยงนี้จึงทำให้สื่อมวลชนเคยตั้งฉายา ร.ต.อ.ปุระชัย ว่า “ไม้บรรทัด” จึงพัฒนาขยายความเพิ่มในปี 2545 ว่า “ไม้บรรทัดงอ”

ยังไม่นับรวมกรณีให้เพื่อนซี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุววรณ อดีต ผบ.ตร. ล็อกสเป็กตำแหน่งให้ลูกชายบรรจุเป็นนายตำรวจซึ่งในคอลัมน์นี้เคยเปิดโปงไปแล้ว คงไม่ต้องรีวิวซ้ำอีก

ที่สำคัญเมื่อเรามองย้อน สี่ปีบนถนนแห่งอำนาจของ ร.ต.อ.ปุระชัย จะเห็นชัดเจนว่าไม่ได้มีผลงานอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากสร้างภาพเป็น “มือปราบสายเดี่ยว” ตระเวณตรวจจับเด็กตามผับในยามค่ำคืน ซึ่งไม่เคยมีการประเมินผลด้วยซ้ำว่านโยบายดังกล่าวได้ช่วยให้เยาวชนมีพฤติกรรมถูกทำนองคลองธรรมมากขึ้นหรือไม่ และการท่องราตรีในวัยไม่สมควรลดลงหรือเปล่า

แต่ที่แน่ ๆ คือ นโยบายแบ่งโซนสถานบันเทิงนั้น มีนายพลตำรวจที่ใกล้ชิด ร.ต.อ.ปุระชัย กินเงียบเข้ากระเป๋าซึ่งสังคมน่าจะได้ย้อนรอยตรวจสอบว่าจริงหรือไม่?

เห็นประวัติของคนถูกเชิดให้เป็นทางเลือกกับประชาชนอย่างนี้แล้ว คงพอมองออกว่าเหล่าบรรดาลิ่วล้อที่ตีปี๊บเชียร์นายจะอยู่ในสภาพแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น เสรี สุวรรณภานนท์ ที่เดินเข้าเดินออกมาหลายพรรครับทุกตำแหน่งที่ให้ตัวเองได้มีที่ยืนในสังคม หรือ พันธุ์เลิศ ใบหยก ก็เคยเป็นรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ล่าสุดในช่วงแดงเผาเมืองเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ถูก ศอฉ.อายัดการทำธุรกรรมทางการเงินเพราะต้องสงสัยว่าเป็น “ท่อน้ำเลี้ยงแดง”

เกาะเกี่ยวเชื่อมโยงใกล้ชิดกับ ทักษิณ เช่นนี้ จะบอกว่าขอเป็นทางเลือกให้ประชาชน คนไทยก็ต้องประเมินว่าเชื่อได้หรือเปล่า เพราะคนวงในเขากระซิบมาว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ ทักษิณ จ่ายไม่อั้นและทุ่มข้ามพรรคเพื่อซื้อใจให้มาร่วมรัฐบาล โดยออกค่าใช้จ่ายให้พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นมัดจำก่อนร่วมหอลงโลงหลังเลือกตั้ง ซึ่งหลายคนก็เตือนทักษิณว่าอาจถูกกินฟรี

ส่วนพรรคประชาสันติจะอยู่ในขอบข่ายนี้หรือไม่ต้องจับตาใกล้ชิด เพราะเส้นทางของพรรคนี้ชัดเจนว่ามิได้ก่อเกิดจากอุดมการณ์ทางการเมือง แต่เป็นการรวมกลุ่มของคนที่ต้องการเข้ามามีอำนาจโดยอาศัยช่องว่างทางการเมืองที่พรรคใหญ่เป็นคู่ขัดแย้ง

จนกระแสพรรคเล็กเป็นนายกฯถูกตั้งเป็นประเด็นในสังคม และเมื่อกวาดตัวมองไปที่หัวของพรรคขนาดกลางหรือพรรคเล็กขณะนี้ก็ไม่เห็นตัวบุคคลที่สังคมให้การยอมรับ ไม่เว้นกระทั่ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ยังแอบฝันค้างอยู่จนถึงทุกวันนี้

ด้วยช่องว่างทางอำนาจดังกล่าวทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อสอดแทรกในสถานการณ์นายกฯส้มหล่น ที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่มิอาจให้คนของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งหากทฤษฎีนี้เป็นจริง

พรรคประชาสันติ ก็มีค่าเพียงแค่ พรรคสาขาของเพื่อไทยเท่านั้น โดยมีเป้าหมายชิงคะแนนเสียงคนเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเพื่อไทยที่ผูกตัวเองไว้กับแดงเผาเมืองกลายเป็นที่น่าขยะแขยงสำหรับคนกรุงไปเสียแล้ว

ที่น่าจับตาคือ บรรดา ส.ส.ที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคประชาสันติจะแตกตัวออกจากพรรคการเมืองใด ซึ่งมีการพูดกันมากว่า พรรคนี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับส.ส.แตกรังจากพรรคเพื่อไทยที่หนีตายจากข้อหาเผาเมือง

การทำพรรคการเมืองด้วยการสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่โดยไม่พึ่งพิงอดีตส.ส.นั้นไม่ใช่แนวทางของพรรคประชาสันติที่หวังเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่จะทำให้พรรคประชาสันติมีอำนาจต่อรองทางการเมืองจึงจำเป็นต้องได้ส.ส.ประมาณ 20-30 ที่นั่ง ซึ่งคงไม่ได้จากการเวทมนต์หรือคาถา แต่ต้องอาศัยคนเป็น ส.ส.อยู่แล้วมาเพิ่มความเป็นไปได้

ขณะที่ดุลอำนาจในทางการเมืองขณะนี้ มิได้มีแต่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่กองทัพก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อย ซึ่งหากจะใช้ชื่อพรรคเพื่อไทยไปประสานประโยชน์กับกองทัพในนาทีนี้ก็ติดกับดัก 91 ศพ ที่พรรคเผาไทยวางระเบิดใส่ทหารไว้แบบเต็มพิกัด

แนวทางเดียวที่จะเชื่อมต่อกองทัพเพื่อสร้างความมั่นคงทางอำนาจได้ จึงไม่มีหนทางใดดีไปกว่าการเชื่อมสัมพันธ์กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องสุดเลิฟของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งรอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านอย่างน่าอัศจรรย์ และถ้าจำกันได้ในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกอภิสิทธิ์ปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. พรรคเพื่อไทยเคยประโคมข่าวว่า นักฆ่า 7 ตุลาจะเดินเข้าพรรคทำงานการเมืองร่วมกับเพื่อไทยด้วยซ้ำ

วาระของพรรคประชาสันติที่มี พล.ต.อ.พัชรวาท ร่วมขับเคลื่อน จึงไม่เพียงเป็นคำตอบให้กับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ แต่ยังเป็นโอกาสในการสะสางความแค้นที่ พล.ต.อ.พัชรวาทมีต่อ อภิสิทธิ์ และหลายฝ่ายด้วย

คงพอมองออกแล้วว่า “พรรคประชาสันติ” ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ หรือเป็นอะหลั่ยการเมืองให้กับ ทักษิณ ชินวัตร กันแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น