xs
xsm
sm
md
lg

“ปุระชัย” โผล่กรุงเทพฯ-ตัดแต้ม ปชป.สะเทือน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

หากนั่งนึกคิดตามคำพูดของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่บอกใบ้ว่าจะมีการยุบสภาในช่วงวันที่ 7-10 พฤษภาคม และเลือกตั้งในวันที่ 1-2 กรกฎาคม หลังจากที่กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับผ่านสภาไปเรียบร้อยแล้ว

คำพูดดังกล่าวของสุเทพ ถือว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เพราะนาทีนี้ถือว่าเขาคือทุกอย่างของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเขาพูดนั่นก็ย่อมหมายถึงนายกฯพูดนั่นแหละ

ดังนั้น ถ้านับนิ้วดูแล้วก็เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษเท่านั้นก็จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่ต่อไป ส่วนจะเป็น 45 วันหรือมากกว่านั้นแต่ไม่เกิน 60 วัน ก็แล้วแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะเป็นคนพิจารณา

ถ้าให้สรุปก็คือเวลานี้ถือว่าใกล้เริ่มนับถอยหลังกันเต็มทีแล้ว ขณะเดียวกัน ถ้ามองกันอีกด้านหนึ่งเมื่อปี่กลองการเมืองเริ่มเชิดมันก็เริ่มเห็นตัวตนของพวก “นักเลือกตั้ง” ในหลากหลายรูปแบบที่โผล่ออกมา หลังจาก “ซุ่มรอจังหวะ” กันอยู่นาน

นาทีนี้ต้องยอมรับว่า การโผล่ออกมาของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการและหนึ่งในคนที่ถูก ทักษิณ ชินวัตร ดึงมาเชิดเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เคยมีชื่อเสียงจากการ “จัดระเบียบสังคม” อันโด่งดังเมื่อหลายปีก่อนขณะเป็น “มท.1” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านหลายคน แม้ว่าในบั้นปลายเขาจะมีชะตากรรมที่เจ็บปวดจาก ทักษิณ เมื่อครั้งถูกโยกไปนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถูกลดบทบาทและแทนที่ด้วย “น้องเขย” คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น และไปเป็นนั่ง “ขาลอย” ในตำแหน่งรองนายกฯ แล้วหายตัวไปอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้น “ดร.ปุ” ร.ต.อ.ปุระชัย ก็ไร้ร่องรอยจากวงการเมืองในภาพรวมพักใหญ่ แม้ว่าจะมีบาทอยู่บ้างแต่เป็นเพียงในวงจำกัดในลักษณะที่เป็นกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ต.ร.) ผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ช่วงหนึ่ง และยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างขัดเจน

อย่างไรก็ดี บทบาทของ ร.ต.อ.ปุระชัย ในระยะหลังถือว่าไม่มีอะไรโดดเด่น มิหนำซ้ำยังมีภาพออกมาในทาง “ติดลบ” ด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะภาพลักษณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับ “คนใกล้ชิด” ที่ออกมาในลักษณะ “สีเทาๆ” ในหลายเรื่องตั้งแต่ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นต้นมา

แต่ถึงอย่างไรก็ดีภาพในเรื่อง “ความซื่อสัตย์” ตรงไปตรงมาของเขาก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งยังให้ความเชื่อถือ แม้ว่าในความเป็นจริงความหมายเหล่านั้นเริ่ม “คลอนแคลน” มากขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ดีการเปิดตัวออกมาในฐานะหัวหน้าพรรค “ประชาสันติ” ในช่วงเวลาแบบนี้ก็ถือว่า “เหมาะเจาะ” ถูกจังหวะพอดี เพราะถือว่า “โผล่ขึ้นมาสอดแทรก” ได้อย่างกลมกลืน

ในภาวะที่ชาวบ้านกำลังเอือมระอาทั้งฝ่ายรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายค้านคือพรรคเพื่อไทย แต่การที่พรรคประชาสันติที่นำโดย ร.ต.อ.ปุระชัย ต้องการเน้นพื้นที่ในกรุงเทพมหานครเป็นมันก็ย่อมส่งผลสะเทือนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมาทันที ซึ่งในที่นี้ย่อมส่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าจังเบอร์

เพราะต้องไม่ลืมว่า ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์นอกจากภาคใต้แล้ว ก็มีพื้นที่เลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครนี่แหละที่ยังหวังพึ่งพา แต่เมื่อเจอตัวสอดแทรกเข้ามาแบบนี้มันก็สะดุดเหมือนกัน แม้ว่าจะมีการเตรียมการมาล่วงหน้าเอาไว้แล้วทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบ่งเขตเลือกตั้งให้เล็กลง และเพิ่มจำนวน ส.ส.สัดส่วนให้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้เปรียบก็ตาม

ดังนั้นเมื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย ปรากฏตัวในกรุงเทพมหานคร ในช่วงจังหวะแบบนี้มันก็ย่อมส่งผลสะเทือน แม้ว่านาทีนี้ ภาพลักษณะของ “ดร.ปุ” คนนี้จะไม่ได้สดใสกาววาวเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อคนกรุงเทพฯจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน

ขณะที่หันมาทางพรรคเพื่อไทยบ้าง นาทีนี้เชื่อว่าคงไม่ได้รับผลกระทบมากมายนัก เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าฐานเสียงหลักส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือหรือแม้แต่ภาคกลาง ขณะที่ในกรุงเทพฯก็ยังพอ “กดปุ่ม” พึ่งพาได้ และจากการชุมนุมของ “คนเสื้อแดง” มาอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ “ฐานแน่นปึ้ก” ไม่หวั่นไหวได้ง่ายๆ

ดังนั้น ถ้าให้สรุปอีกทีก็จะเห็นว่า การเปิดตัวของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ในนามพรรคประชาสันติ ย่อมมีผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะฐานเสียงในเมืองหลวงที่กำลังเอือมระอากับ “ผู้ดีอังกฤษ” ที่ฉากหลังมีแต่โกหกหลอกลวง ขณะเดียวกันการปรากฏตัวของ ดร.ปุ เที่ยวนี้ก็คงทำได้แค่เป็นตัว “ตัดแต้ม” คงไม่อาจสร้างกระแส “ฟีเวอร์” เหมือนก่อนได้อย่างแน่นอน!!

กำลังโหลดความคิดเห็น