พผ.ประชุมสามัญประจำปี ไร้เงากลุ่ม “ไพโรจน์-พ่อมดดำ-ไชยยศ” ด้าน “ชาญชัย” ยันยังไม่มีใครลาออก โวสร้างกำแพงป้องกันแรงดึงดูดไว้แล้ว แต่เชื่อมีโสเภณีการเมืองเพียบ ยันพรรคเดินสายกลาง เผยไม่เห็นใครจ่าย 8 หลักแลกโหวตซักฟอก หวั่นวิกฤตการเมืองทำไม่มีเลือกตั้ง “สิทธิชัย” สำทับเสี่ยงสุญญากาศการเมือง ส่อฟื้นมาตรา 7 แก้
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่โรงแรมบางกอกรีสอร์ท การประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2554 โดยมีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็น ประธานการประชุม โดยมี ส.ส.และผู้บริหารพรรคเข้าร่วม เช่น นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าและเลขาธิการพรรค นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายอุดร ทองประเสริฐ ส.ส.อุบลราชธานี และนายถิรชัย วุฒิธรรม ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามี ส.ส.เข้าร่วมประชุมเฉพาะกลุ่มพญานาคของนายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาห์พงศ์ชนะ เท่านั้น โดยไม่ปรากฏ ส.ส.ในกลุ่มของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช และกลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ รวมไปถึงกลุ่มของนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ก็ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม มาเข้าร่วมการประชุมแต่อย่างใด
โดยนายชาญชัยได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนการประชุมว่า ขณะนี้ยังถือว่า ส.ส.ของพรรคยังอยู่ครบทั้ง 31 คน ยังไม่มีผู้ใดแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากพรรค ซึ่ง หากมีผู้ใดต้องการลาออก ทางพรรคก็จะอนุมัติและหาคนมาแทนทันที ส่วนการประเมินจำนวน ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น ยังไม่ขอพูดไม่ได้ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน แต่ยอมรับว่าขณะนี้มีบุคคลจากหลายภาคส่วนติดต่อเข้ามาร่วมงานกับพรรค เพราะเราเปิดกว้างทางการเมือง เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะรวมพรรคกับพรรครวมชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายชาญชัย กล่าวว่า ตนยังติดตามข่าวอยู่เช่นกัน ซึ่งเห็นว่าหากสิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ก็ยินดีที่จะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในอนาคตมี ส.ส.ของพรรคย้ายออก ทางพรรคได้เตรียมมาตรการไว้รองรับอย่างไร นายชาญชัยกล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีใครลาออก โดยหากคนไหนมีอุดมการณ์เดียวกันก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ถ้าอยากมีผัวใหม่ หรือผู้ใดไม่ประสงค์ที่จะอยู่ก็ต้องไป แต่ทางพรรคก็ได้สร้างกำแพงป้องกันพลังดูดที่รุนแรงไว้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีโสเภณีการเมืองเกิดขึ้นอีกมาก ในส่วนกรณีตั้งพรรคประชาสันติ ที่คาดว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย จะเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ตนขอแสดงความยินดีกับพรรคที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม และขอต้อนรับ ร.ต.อ.ปุระชัย ที่เข้ามาสู่เวทีประชาธิปไตย และไม่มีความกังวลใดๆ ที่ ร.ต.อ.ปุระชัยตั้งพรรค อย่างไรก็ตาม พรรคมั่นใจในพื้นที่เดิมทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อฐานเสียงของพรรคเพื่อแผ่นดิน
เมื่อถามว่า ภายในพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางการเมืองจะทำให้ พรรคเสียเปรียบในสนามเลือกตั้งหรือไม่ นายชาญชัยกล่าวว่า เป็นธรรมชาติทางการเมืองที่พรรคใหญ่จะได้เปรียบทุกด้าน ส่วนพรรคเราถือเป็นพรรคเล็ก แต่หากประชาชนให้ความไว้วางใจมากก็สามารถเข้ามีตำแหน่งบริหารประเทศได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ถึงการตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยเพื่อลดความขัดแย้งในประเทศ นายชาญชัยกล่าวว่า การตั้งรัฐบาลก็ต้องดูว่าน้ำดีหรือน้ำไม่ดี น้ำดีก็คือน้ำบริสุทธิ์ ส่วนน้ำไม่ดีก็คือน้ำเน่า โดยยืนยันว่าพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคสายกลาง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นน้ำดีหรือไม่ดี นายชาญชัยกล่าวว่า เราไม่ได้ระบุถึงพรรค แต่พูดถึงน้ำดีหรือน้ำไม่ดี ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมชูนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ในฐานะพรรคใหญ่ใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแสดงว่าได้มีกลั่นกรองแล้ว เพราะฉะนั้นใครก็ดีทั้งนั้น และขอแสดงความยินดีด้วย
ในส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาจับมือเป็นพันธมิตรกันทางการ เมือง นายชาญชัยกล่าวว่า เรามองในฐานะพรรคข้างบ้านว่าหากทั้งสองพรรคมีอุดมการณ์ร่วมกันหรือเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนก็ยินดีด้วย แต่ถ้าแสวงหาอำนาจ เราก็ต้องติดตามดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินจะจับมือกับใครจะต้องดูนโยบายตรงกันว่าเพื่อผลประโยชน์ ของประเทศชาติและประชาชน เพราะเราเป็นพรรคสายกลาง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่ามีการจ่ายเงิน 8 หลักแลกกับการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชาญชัยกล่าวว่า เป็นเพียงข่าว ไม่เห็นมีใครเอามาให้ แต่ถ้าหลักการแล้วก็เป็นการทำหน้าที่ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ซึ่งฝ่ายยื่นญัตติก็ทำได้ดี ฝ่ายตอบก็ตอบได้ดี ไม่รู้ใครถูกใครผิด แต่ที่รู้ตอนนี้สินค้าราคาแพงเกือบทั้งหมด
หลังจากนั้น นายชาญชัยได้กล่าวในการประชุมตอนหนึ่งว่า ตามความเห็นส่วนตัวเห็นว่า อาจจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เนื่องจากยังมีวิกฤตการณ์ทางการเมืองและในทางบริหารอยู่ เพราะมีการใช้อำนาจในการบริหารราชการเกินขอบเขต ทำลายหลักธรรมาภิบาล และยังส่งผลให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้น จึงกลายเป็นว่าวิกฤตยังจะไม่สิ้นสุดแม้จะมีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม เพราะต่างฝ่ายต่างความคิด แบ่งขั้วความคิดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นเรื่องอันตรายของชาติ ดังนั้นพรรคเพื่อแผ่นดินต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนสู่การเป็นทางเลือกที่ 3 ทางการเมือง เพื่อนำไปสู่วิถีทางใดก็ตามที่จะก่อให้เกิดการมีรัฐบาลให้ได้
“หากสองขั้วยังปะทะกันอย่างรุนแรง และพรรคเพื่อแผ่นดินสามารถเป็นทางเลือกโดยไม่ยึดกับขั้วใด เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมผสานกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดอง ไม่มีการทำลายล้างกัน ประเทศจึงสามารถเดินไปได้” นายชาญชัยกล่าว
ด้าน นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หากรัฐสภาไม่สามารถแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ใช้ในการเลือกตั้ง 3 ฉบับ ได้ทันภายในเดือน พ.ค.นี้ และก็มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะลาออก หากบังคับให้ กกต.ออกระเบียบเพื่อใช้ในการเลือกตั้งแทนการใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันที่จะยุบสภา ก็จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง โดยไม่มีสภาผู้แทนราษฎร และไม่มี ส.ส. ส่งผลให้รัฐบาลรักษาการณ์ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการตั้งรัฐบาลขึ้นมาเพื่อดำเนินการแทน หรือใช้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อแก้ไขสุญญากาศที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ยังมีอดีต ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองที่จะมาเป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งหน้าเข้าร่วมหลายคน เช่น นายวิทยา ภูมิเหล่าแจ้ง อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ นายสุรศักดิ์ นาคดี อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ อดีต ส.ส.อุดรธานี นายสิทธิรักษ์ รัตนอารีย์ อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคไทยรักไทย และนายไพศาล จันทรวารา อดีต ส.ส.อำนาจเจริญ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น