“มาร์ค” พร้อมนำข้อมูลซักฟอกใต้แก้ช่องว่างปัญหา ปัดหาเสียงนโยบายลดแลกแจกแถมเป็นหลัก ชี้ดี “มิ่งขวัญ” ชัดเจนเสนอตัวชิงเก้าอี้นายกฯ แนะแสดงภาวะผู้นำยุติปลุกแดงป่วน ยันไม่ประมาท - ไล่ถาม ส.ส.กดโหวตหนุน รมต.ค้านสายตาเอาเอง
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการมองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมากกลายเป็นเวทีหาเสียงมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ผู้อภิปรายก็อภิปรายไปรัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจง พี่น้องประชาชนติดตามคงได้ข้อสรุปของตัวเองไป เมื่อถามว่านโยบายที่ถูกประกาศผ่านเวทีอภิปรายเหมือนเป็นการเกทับกันระหว่าง 2 พรรคการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตอนสรุปจะเป็นลักษณะการสรุปอย่างนั้น แต่ก็เป็นธรรมดาเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งต้องมีการแข่งขัน ก็ต้องมาพูดกัน ตนคิดว่าความแตกต่างเป็นเรื่องดีจะได้เป็นทางเลือก เช่น โครงการประกันรายได้ กับโครงการจำนำพืชผลจะเอาแบบไหนกัน หรือว่าประเด็นเรื่องค่าจ้าง ให้ดูว่าอะไรสมเหตุสมผล
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำข้อมูลบางส่วนไปปรับปรุงนโยบายของพรรคที่เคยประกาศมาก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นโยบายพรรคคงเป็นคนละส่วน และพรรคคงดำเนินการไปตามความเหมาะสม แต่เสียงอภิปรายอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ หรือสะท้อนปัญหาได้เราก็นำมา เช่น การอภิปรายเรื่องภาคใต้ ก็เป็นการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ และอาจจะมีช่องว่างตรงไหนเราก็จะมาดู
เมื่อถามว่า กลายเป็นว่านโยบายที่ประกาศมาเป็นการลดแลกแจกแถม คำนึงถึงการหาเสียงกับประชาชนมากกว่าการรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ในเรื่องงบประมาณที่มันจะเกิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงจะไปสรุปอย่างนั้นกับทุกพรรคไม่ได้ อย่างสิ่งที่ตนประกาศออกไป เรื่องค่าจ้างแรงงานไม่ได้เป็นเรื่องงบประมาณ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่จะมีการปรับปรุงก็ว่ากันไป แต่จะเห็นว่านโยบายของรัฐบาลที่ทำมาไม่ได้เป็นเรื่องลดแลกแจกแถมเป็นหลัก เรามีเบี้ยชีพก็จริง แต่เรากำลังจะผ่านกฎหมายกองทุนเงินออม และสิ่งที่ตนได้ชี้แจงไปว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราพอใจกับตัวเลขเงินออม ธ.ก.ส.ในธนาคารที่พี่น้องคนจนใช้มีเงินฝากเพิ่มขึ้น อันนี้น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีและเราอยากจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และให้มีหลักประกันความมั่นคง
ส่วนกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะเอาตัวเลข 15,000-20,000 บาท ในส่วนของข้าว ความเป็นไปได้ในข้อเท็จจริงมีมากน้อยแค่ไหนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากจะย้ำว่าราคาของสินค้าเกษตร เราหลีกหนีตลาดโลกไม่ได้ และวิกฤตอาหารปี 2551 ก็ทำให้ราคาสูง ปีนี้ก็ทำให้ราคาเกือบทุกอย่างสูงยกเว้นข้าว และตนตั้งข้อสังเกตว่าข้าวที่มีปัญหาตลอดเพราะว่าเราเคยไปใช้นโยบายจำนำใน ราคาที่สูงกว่าตลาด ทำให้เราเก็บข้าวมาในสต๊อกจำนวนมาก เมื่อเก็บเข้ามามากตลาดโลกก็เกร็งได้ว่ามีข้าวจำนวนนี้อยู่ และเราก็มีปัญหามาโดยตลอด ฝ่ายค้านก็หยิบเรื่องการระบายข้าวมาเป็นปัญหาการทุจริต ฉะนั้นเรายังไปฝืน พยายามที่จะให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวเสียเอง ทำลายตลาดข้าวภายในประเทศ เราก็จะซื้อเข้ามาในราคาที่แพง เราก็จะมีปัญหาการบริหาร ทุจริต คุณภาพข้าว และปัญหาการจำนำข้าวของประเทศเพื่อนบ้าน เราจะมีปัญหาข้าวไทยต้นทุนสูง แข่งขันไม่ได้ในตลาดโลก อาจจะได้สั้นๆ แต่ไม่ได้เป็นคำตอบ
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตัวเลขเอามามันแล้วแต่จะหยิบ อย่างที่นายมิ่งขวัญหยิบปี 2551 มา เขาก็รู้กันทั่วโลกว่าราคามันสูงเพราะอะไร แล้วท่านมาเทียบว่าตอนนั้นชาวนาจะซื้อทองได้เท่านั้นเท่านี้ ความจริงแล้วตนก็ไม่ทราบว่าชาวนากี่คนที่ซื้อทอง แต่ชาวนาซื้อปุ๋ย ถ้าเทียบราคาข้าวกับปุ๋ยปีนี้กับปี 2551 จะพบชัดเจนเลยว่าชาวนาถ้าขายข้าวมาแล้วซื้อปุ๋ยได้น้อยมากในปี 2551 ปีนี้ยังดีกว่าในเรื่องสถานการณ์
เมื่อถามว่า การเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจนของนายมิ่งขวัญ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ดีครับก็ขอให้เป็นความชัดเจนไปเลย ก็จะได้มีการแข่งขันกัน ตนก็ต้องการให้การแข่งขันเป็นไปในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนว่าจะแก้ไขกันอย่างไร
“หวังว่าเมื่อคุณมิ่งขวัญเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะกำหนดทิศทางของพรรคเพื่อไทยว่ามาแข่งขันกันเรื่องนี้จริงๆจะได้หลุดพ้นจากการลากเอาความขัดแย้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและก็วนเวียนอยู่ มีการเคลื่อนไหว เดี๋ยวก็มีมวลชน เดี๋ยวก็มีกองกำลัง ถ้าคุณมิ่งขวัญสามารถประกาศและหยุดตรงนี้ได้ก็จะเป็นการแสดงภาวะความเป็นผู้นำ จะได้มาแข่งขันกัน”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นว่าขาหนึ่งเดินนโยบายแต่อีกขาหนึ่งปลุกเร้ามวลชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้านายมิ่งขวัญเสนอตัวแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้ายังไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากความขัดแย้งตรงนี้ได้ แสดงให้เห็นว่านายมิ่งขวัญรู้เห็นเป็นใจ ก็ไม่อยู่ในสภาพที่เป็นผู้นำอย่างแท้จริง เมื่อถามว่านายมิ่งขวัญถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถือว่าการแข่งขันเราประมาทไม่ได้ทั้งนั้น ทุกคนต้องไปทำงานกันเต็มที่
สำหรับ ผลคะแนนการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจคนที่ได้คะแนนสูงสุดกลับค้านเสียง ประชาชนที่มีผลโพลออกมาว่าชี้แจงไม่ชัดเจนมากที่สุด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องถามคนลงคะแนน เมื่อถามว่า อย่างนี้จะทำให้เกิดคำถามต่อระบบรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิ์ต่อการตัดสินใจ และระบบของเรามีการเปิดเผยชื่อฉะนั้นใครสงสัยการตัดสินใจของ ส.ส.คนใดก็ต้องไปถาม ส.ส.คนนั้น เมื่อถามว่าการลงมติไม่ได้ขึ้นอยู่กับการชี้แจง แต่ขึ้นอยู่กับการล็อบบี้มากกว่าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้ลงคะแนนที่ต้องชี้แจง