“ประพันธ์” สุดเอือม! บรรทัดฐานสภาไทยคนชั่วสุด ตอบคำถามไม่ได้มากสุด กลับได้คะแนนโหวตไว้วางใจมากสุด ย้ำระบอบการเมืองล้มเหลวหมดแล้ว พรรคการเมืองก็เป็นแค่แก๊งผลประโยชน์ ส่วนตัวนักการเมืองก็แค่สัตว์นรกที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ลั่นต้องกำจัดนักการเมืองประเทศไทยจึงจะเจริญ
วันนี้ (19 มี.ค.) เวลาประมาณ 20.30 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ขึ้นปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแป่นดิน” ว่า เราเริ่มการต่อสู้ครั้งนี้มาด้วยความยากลำบาก ภายใต้คำประณามต่างๆ นานา แล้วในที่สุดความจริงก็คือความจริง เมื่อเรายืนหยัดบนความถูกต้องคนก็สนับสนุนมากขึ้น อย่าได้หวั่นไหวอะไร ทุกคืนนี้ตนมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ ถึงแม้การชุมนุมครั้งนี้จะไม่ได้อะไรเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยให้ชาติบ้านเมือง ตายไปแผ่นดินกลบหน้าก็มีความสุขที่ได้ชื่อว่าไม่เสียชาติเกิด แต่ตนเชื่อว่าหากเรายืนหยัดสู้ต่อไป ต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้สภาฯลงมิติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี รวม 10 ท่าน ผลของการลงคะแนนแทบไม่ต้องพูดถึง รัฐสภาไทยมีบรรทัดฐานคือใครชั่วมากสุด ตอบคำถามไม่ได้กลับได้คะแนนมากสุด การอภิปรายมันก็เป็นเพียงละครปาหี่ตบตาประชาชน ไม่ได้เอาความถูกต้องเป็นหลัก ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนเลย โกงกินจับได้คาหนังคาเขา เถียงไม่ออก แต่พอลงคะแนนได้คะแนนมากกว่าทุกคน (นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้รับคะแนนความไว้วางใจมากสุด ถึง 251 เสียง) ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้รองลงมา (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ได้ 250 เสียง) ตามด้วยนายกฯ (249 เสียง ) ทั้งๆ ที่มีเรื่องฉาวโฉ่ทั้งนั้น อย่างกรณีฟิลลิป มอร์ริส เห็นชัดๆ ว่าโกงภาษี ทำไทยเสียหายมหาศาล ดันโหวตไว้วางใจเฉยเลย มันไม่สนใจอะไรเลย จึงอยากสรุปให้พี่น้องฟังว่าประเทศไทย ระบอบการเมืองล้มเหลวแล้ว สภาก็เป็นสภาทาส ไม่ได้เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยแต่อย่างใดเลย
โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ยังกล่าวอีกว่า ลักษณะพรรคการเมืองทุกวันนี้ คือ 1.เป็นที่รวมของนักเลือกตั้ง ขอแค่ชนะเลือกตั้งไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม 2.อุดมการณ์ของพวกนี้ก็คือแค่แสวงหาอำนาจ พอได้อำนาจก็เข้าไปหารายได้สร้างฐานะให้ตัวเองพรรคพวกเท่านั้น 3.ประชาชนเป็นเพียงลิ่วล้อ เป็นเพียงนั่งร้าน เป็นเพียงเครื่องมือประกอบการแสดง เพื่อหาความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของนักเลือกตั้งเท่านั้น
4.พรรคการเมืองเป็นที่รวมของกลุ่มทุนการเมือง และเจ้าของพรรค ทุกพรรคไม่เว้นพรรคประชาธิปัตย์ สรุปแล้วทุกพรรคมันก็คือแก๊งผลประโยชน์ทางการเมืองดีๆเท่านั้นเอง อย่ามาอ้างว่าเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประชาชน นโยบายที่แถลงก็เป็นเพียงคำตอแหลที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้นเอง
นายประพันธ์กล่าวว่า ส่วนตัว ส.ส.ก็คือ 1.สัตว์นรกประเภทหนึ่งที่ทำตัวซื่อสัตย์ต่อนายทุนเจ้าของพรรคเท่านั้นเอง ที่รัฐธรรมนูญเขียนว่า ส.ส.เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยก็เขียนแค่ในรัฐธรรมนูญ ความจริงแล้วเป็นเพียงตัวแทนกลุ่มทุนการเมือง
2.นักการเมือง นักเลือกตั้ง มีหน้าที่แบมือขอทาน ขอเงินนายทุน เพื่อเอาไปซื้อเสียงให้ได้เป็นผู้แทนในสภาเท่านั้นเอง 3.มีหน้าที่ยกมือเพื่อแลกเงินหรือผลประโยชน์ อย่างวันนี้ฝ่ายค้านยกมือให้รัฐบาล ก็เพียงเพื่อจะได้รับผลประโยชน์ เตรียมไว้ใช้ในการเลือกตั้ง 4.การอภิปราย แสดงความเห็นทำเป็นขึงขัง แท้จริงแล้วก็แค่การต่อรองเอาผลประโยชน์ กับพรรครัฐบาล หรือพรรคตัวเองเท่านั้น
5.นักการเมืองคือ พวกที่มีอาชีพหาเศษหาเลยในหน่วยงานรัฐ มีประมูลงานที่ไหนจะวิ่งเข้าหาผลประโยชน์ทันที 6.หากได้งบประมาณลงจังหวัดตัวเอง ก็จะวิ่งไปหากินกับผู้รับเหมา กับหัวคะแนน นี่คืออาชีพของนักการเมืองประเทศไทย 7.ไม่เคยฟังเสียงประชาชน ไม่สนใจปัญหาประชาชนเลย สนใจแต่ว่าจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนเท่าไหร่
8.นักการเมืองคือสัตว์นรกที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ที่เลวและสำคัญที่สุด หลังจากที่ได้เลือกตั้งเข้ามา เปิดประชุมสมัยแรกที่พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนฯ จะมาเปิดประชุมครั้งแรก พวกนี้เข้าแถวสลอน ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่ก็ไม่เคยยึดถือตามคำปฏิญาณเลย ตอแหลแม้กระทั่งต่อหน้าพระพักตร์ พอได้เป็นรัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฎิญาณในพระบรมมหาราชวัง พอออกจากพระราชวังมันก็ทิ้งไว้ตรงนั้น ไม่เคยทำตามที่พูด นี่คือความเลวของนักการเมืองที่แก้ไม่ได้
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยไม่มีทางเจริญ ต้องไล่นักการเมือง ต้องฆ่านักการเมือง ต้องทำลายระบอบการเมืองชั่ว ประเทศไทยจึงจะรอด จึงจะเจริญ