“สนธิ” เอือมการเมืองในสภา หน้าหล่อหรือเหลี่ยมก็ชั่วเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเชื่อใคร เป็นสภาของพวกสัตว์นรก ชี้อภิปรายแค่เล่นโวหารโต้คารมยามว่าง ส่วนเวลาจริงคือโกงบ้านโกงเมือง เย้ย “มาร์ค” ตัวสั่นงันงกอยากตอบโต้ฝ่ายค้าน แต่ยังห่างชั้นนักวิชาการพันธมิตรฯ จวกแม่ยกไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 18 มี.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ ในระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดยได้บอกว่า ตนนั่งฟังการอภิปรายของ ส.ส.ในสภา ขณะที่นั่งกินข้าวต้มกับปลาเค็มเมื่อตอนเย็น รู้สึกว่าปลาเค็มที่กินนั้นหอมกว่าน้ำลายนักการเมืองเสียอีก ตนดีใจที่พี่น้องเข้าใจตรงกันว่านักการเมืองไม่ว่าจะหน้าหล่อหรือหน้าเหลี่ยม หน้าทู่ ก็ชั่วเหมือนกันหมด ในสภาวันนี้ นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.เพื่อไทย บอกว่า ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดอะไรออกมานั้นเขาไม่เชื่อ แล้วก็คิดว่าคำพูดของเขานายสุเทพก็ไม่เชื่อเช่นกัน ทำให้ได้ข้อสรุปว่าการเมืองไทยคือการเมืองบนความไม่เชื่อกันของพวกสัตว์นรกนี่เอง ในขณะที่พวกเราเอาแต่ความจริงมาพูด ส่วนในสภา พอพรรคเพื่อไทยพูด พวกที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เชื่อ หรือถ้าพรรคประชาธิปัตย์พูด พวกที่เชียร์เพื่อไทยก็ไม่เชื่อ การเมืองไทยจึงเหมือนรก พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อกัน แล้วจะมีสภาไว้ทำไม
นายสนธิกล่าวต่อว่า ยิ่งได้เห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลุกขึ้นพูด เมื่อไมค์ถึงปากก็เหมือนผีเข้า ชี้แจงได้ไม่ได้ ไม่สนใจ ขอให้มีโอกาสได้พูด การเมืองไทยจึงเป็นการเล่นโวหารโต้คารมกัน ฝ่ายหนึ่งด่า อีกฝ่ายหนึ่งก็ด่ากลับ ฝ่ายหนึ่งกระแนะกระแหน อีกฝ่ายหนึ่งก็กระแนะกระแหนกลับ นี่คือเวลาว่างของพวกเขา เพราะเวลาจริงคือการทำมาหากินกับการโกงบ้านโกงเมือง
วันนี้ สวนดุสิตโพลมีผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปรากฏว่าคน 58 เปอร์เซ็นต์บอกว่าไม่มีสาระ ส่วนอีก 36 เปอร์เซ็นต์บอกว่ามีสาระ เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งจะเลือกพรรคไหน พบว่าคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์จะยังเลือกเหมือนเดิม ส่วนคนที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยลดลงเล็กน้อย ถ้าเราจะดูว่าคนที่ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์มีเท่าไหร่ ก็เอา 36 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าการอภิปรายมีสาระ มาหารด้วย 2 ก็จะเท่ากับประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเท่ากับเอแบคโพล์ที่สำรวจเมื่อวันก่อน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะนักการเมืองไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตั้งแต่เราเริ่มต้นมีนักการเมืองเป็นต้นมา มีแต่การโกงและทำมาหากินในหมู่พรรคพวกเท่านั้น
นายสนธิกล่าวต่อว่า ในช่วงการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรฯ มีคนหลายกลุ่มมาร่วมไล่ทักษิณและนอมินี แต่หลังจากนั้นหลายคนก็แสดงตัวตนออกมา และมีคนที่เป็นแม่ยกนายอภิสิทธิ์อย่างไม่ลืมหูลืมตา อย่างเช่นคนที่ชื่อ “ติ๊งต่าง” ที่คอยเชียร์นายอภิสิทธิ์ทางเฟซบุ๊ก เป็นต้น คนพวกนี้แยกไม่ออกระหว่างถูกกับผิด เป็นพวกกินข้าวผสมขี้ พวกนี้มีปัญหา ยึดถือตัวบุคคล ขณะที่พวกเราเอาธรรมนำหน้า ยืนอยู่บนความถูกต้อง ต่อให้นายอภิสิทธิ์กลับชาติมาเกิดใหม่สัก 10 ชาติ ถ้าทำผิดธรรม เราก็ไม่เอา
“ผมเห็นอภิสิทธิ์ขึ้นมาบนเวที เกาะโพเดียมตัวสั่นงันงกด้วยความกระสันที่จะได้พูด ผมเห็นเขาตอบโต้พวกเพื่อไทยแล้วผมนึกในใจ ทีอย่างนี้แหละโต้เก่ง ทีปานเทพมนตรี ไม่เห็นออกมาโต้เลย ปัดโธ่ ก็ชั้นเชิงพวกเพื่อไทยในสภามันเทียบไม่ได้กับขี้ตีนของ อ.ปานเทพ กับเทพมนตรี หรือประพันธ์ คูณมี นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงเกลียดถึงกลัวพันธมิตรฯ” นายสนธิกล่าว
คำต่อคำ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
พี่น้องครับ มันนอนไม่หลับ ไม่ได้มานั่งเป็นต้นเสียงให้พี่น้อง ไอ้เก๋ กมลพร เมื่อคืนนี้ลงไป อยากจะเขกกบาลมัน มันบอก นายๆ นายนี่เก่งทุกอย่างเลยนะ เสียอยู่อย่างเดียว และอย่าเอาดีทางนี้ บอกเรื่องไรวะ ร้องเพลง ผมก็บอกว่า เอ็ง ควรขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ข้าร้องเพลงไม่เก่ง ถ้าข้าร้องเพลงเก่ง ป่านนี้ข้าไม่มายืนอยู่บนเวทีนี้หรอก
พี่น้องครับ นี่จริงๆ แล้ว วันนี้ปวดขา แต่คิดถึงพี่น้อง ขอมาสั้นๆ ก็ยังดี ใช่/ไม่ใช่ เมื่อกี้นี้มาทันน้าประพันธ์ เขาพูด อาละวาดแหลกเลย ก็เอ่ยชื่อคนนู้นคนนี้ แต่ไม่กล้าเอ่ย ผมก็ไขปริศนาให้ละกัน ผู้หญิงคนนั้นชื่อ อัญชะลี ไพรีรัก ส่วนพระอีกรูปหนึ่งคือ จันทร์ มีฉายาว่า ยันตระ 2
พี่น้องครับ เมื่อกี้นี้นั่งดูโทรทัศน์เอาอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน ผมดูแล้ว ผมกำลังทานข้าวต้มกับปลาเค็ม ไอ้ปลาที่เค็มนี่ มันยังมีกลิ่นหอมกว่า ไอ้น้ำลายที่มันเหม็นเน่าหลุดออกมาจากจอโทรทัศน์ ผมดูแล้ว ผมมีความรู้สึกดีใจ ที่ความคิดของผมและพี่น้องทุกคนตรงกัน คือไอ้นักการเมืองเมืองไทย จะหล่อจะเหลี่ยม หรือจะมู่ทู่ หรือจะเยส โน โอเค มันชั่วเหมือนกันหมด ผมดูตั้งแต่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง และอ้างว่า มีทหารยิงประชาชน ดูไปดูมาแล้ว มันมีอยู่คำพูดหนึ่งของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ถ้าผมจำไม่ผิดชื่อ นายวิเชียร ขาวขำ เขาพูดออกมาคำหนึ่ง เขาพูดว่า รองฯ สุเทพ พูดอะไรผมไม่เชื่อ และผมรู้ ผมพูดอะไรคุณก็ไม่เชื่อผม ผมเลยนึกในใจ (แล้วพวกมึงมาพูดกันทำไมในสภา ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งพูด และอีกฝ่ายไม่เชื่อ อีกฝ่ายพูดอีกฝ่ายก็ไม่เชื่อ ก็แสดงว่า การเมืองเมืองไทยคือการเมืองของความไม่เชื่อของบรรดาพวกสัตว์นรกทั้งหลาย) แต่เขาบอกว่า ผมจะได้ถือโอกาสเอาความจริงมาเสนอให้พี่น้องประชาชนของผม
วันนี้การเมืองเมืองไทย มันเลยกลายเป็นการเมืองที่ชัดเจน เพื่อไทยพูด พวกเชียร์ประชาธิปัตย์ก็ไม่เชื่อ ประชาธิปัตย์พูด เสื้อแดงที่เชียร์เพื่อไทยก็ไม่เชื่อ มันเป็นอย่างนี้ การเมืองเมืองไทยถึงเหมือนนรกอเวจี เพราะทำไมรู้ไหม พี่น้อง เพราะมันพูดกันแล้ว มันไม่เชื่อซึ่งกันและกัน และสรุปแล้วเรามีสภาไว้ทำไม ใช่ ไม่ใช่ พี่น้อง แล้วผมยิ่งเห็น เห็น นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นมา พอลุกขึ้น ไมโครโฟนถึงปากแล้วเหมือนผีเข้า คือชี้แจงได้ไม่ได้ กูไม่สนใจ ขอให้กูได้มีโอกาสพูด ไอ้การเมืองเมืองไทย เลยกลายเป็นการเมืองที่เล่นโวหาร เล่นคารมกัน ไอ้ฝ่ายหนึ่งด่า อีกฝ่ายหนึ่งด่ากลับ อีกฝ่ายกระแนะกระแหน อีกฝ่ายกัดกลับ เมืองไทยมีแค่นี้เอง พอมี นี่คือเวลาว่างของพวกเขา เวลาจริงคือ ทำมาหาแดกกับชาติบ้านเมือง
พี่น้อง วันนี้ มีสวนดุสิตโพลออกมาน่าสนใจมาก พี่น้องจำได้ไหม เอแบคโพล มันออกมาบอกว่า 62% ของคนบอกว่า ไม่เลือกพรรคใดทั้งสิ้น แล้วถามว่า จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์เท่าไร ก็บอกว่า 17% วันนี้ ดุสิตโพลออกมา ถามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ท่านคิดว่า มีสาระไหม 58% บอกไม่มีสาระ อีก 36% บอกมีสาระ และถามต่อ ว่าท่านจะเลือกพรรคไหน ดุสิตโพลบอกว่า จำนวนที่ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม แต่ไม่บอกตัวเลข จำนวนที่เลือกพรรคไทยรักไทยลดลงหน่อย พี่น้องฟังให้ดีๆ นะ แสดงว่า อีก 58% บอกไม่มีสาระ คือ ตัดทิ้งไปเลย ก็เหลือ 36% บอกมีสาระ ก็ต้องเอา 36 หาร 2 ถ้าประชาธิปัตย์ยังคงเดิม และเพื่อไทยลดลง เท่ากับ ประชาธิปัตย์ 17% เหมือนเอแบคโพลบอก ถูกไม่ถูก เท่ากับยืนยันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การเมืองน้ำเน่าแบบนี้ เมื่อเรามองย้อนหลังถึงผลงานของนักการเมือง มีอะไรบ้างที่เป็นผลงานนักการเมือง พี่น้อง อธิบายให้ผมฟังหน่อยซิ ที่มีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ตั้งแต่เมืองไทยมีนักการเมืองมา ไม่มี มีแต่ขายชาติ โกงชาติ ขายแผ่นดิน โกงแผ่นดิน กดขี่ข่มเหงประชาชน ไม่เคยดูแลทุกข์สุขประชาชนเลย มีแต่ทำมาหารับประทานกันในหมู่พรรคพวกเท่านั้นเอง
เมื่อกี้นี้ คุณประพันธ์ คูณมี ได้พูดสัจธรรมข้อหนึ่ง ซึ่งอยากให้พ่อแม่พี่น้องจำใส่ใจไว้ 193 วัน ทุกคนรวมตัวกันมาไล่ทักษิณ ไล่หุ่นเชิดทักษิณ แต่พอพ้น 193 วันแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของคนก็เริ่มโผล่ออกมาทีละนิด วันนี้ก่อนขึ้นเวที มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนอภิสิทธิ์ ชื่อ ติ๊งต่าง โพสต์ลงไปในเฟซบุก บอกว่า อภิสิทธิ์ตอบปัญหาได้ชัดแจ้ง เพื่อไทยหน้าหงายไปเลย เพราะฉะนั้นควรให้อภิสิทธิ์ทำงานต่อ ใครที่มาป่วนอภิสิทธิ์ให้รู้ตัวไว้ให้ลด ละซะ ด่าพวกเรา ก็ชาติบ้านเมืองมันมีคนแบบไอ้ติ๊งต่างนี่ไง ทุกอย่างในโลกนี้ในประเทศไทยมันก็เลยมีแต่ติ๊งต่าง ผมอ่านแล้วผมจะอ๊วก ถูกกับผิดมันยังแยกไม่เป็นเลย จำได้ไหมที่ผมบอกว่ามีข้าวกับมีขี้จะกินอะไร ก็บอกพวกเราจะกินข้าว ไอ้หลายคนมันบอกว่า เฮ้ย ถูกๆ ผิดๆ ผสมกันมันไม่เป็นไรหรอกนะ เอาข้าวผสมขี้ มึงก็ไปกินข้าวผสมขี้ซิ
พวกนี้เป็นพวกมีปัญหา พวกที่ยึดถือตัวบุคคล ทำไมเราถึงเอาธรรมนำหน้า เพราะคำว่าธรรมนำหน้ามันชัดเจน มันชัดเจนตรงไหน มันชัดเจนตรงที่ว่าธรรมไม่มีวันผิด เราถึงต้องเอาธรรมนำหน้า เมื่อเราเอาธรรมนำหน้าแล้ว เราก็ต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง คือเราเอาธรรมเป็นหลัก ถ้าใครผิดธรรมเราก็ไม่เอาด้วย ต่อให้เป็นอภิสิทธิ์กลับชาติมาเกิดอีก 10 ชาติ ถ้าผิดธรรมเราก็ไม่เอาใช่ไหมพี่น้อง จะเป็นคนน่ารัก น่าสงสาร น่าเอื้ออาทร ก็ปล่อยให้พวกเขาไอ้พวกศิริโชค โสภา รักเขา เอื้ออาทรเขาไปแล้วกัน แต่สิ่งที่มันจะต้องน่ารักที่สุดก็คือว่าต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง ผมเห็นอภิสิทธิ์ ขึ้นมาบนเวที เกาะโพเดียม ตัวสั่นงันงกด้วยความกระสันที่จะได้พูด ผมเห็นเขาตอบโต้พวกเพื่อไทยแล้วผมนึกในใจ ทีอย่างนี้แหละโต้เก่ง ทีปานเทพมนตรี ไม่เห็นออกมาโต้เลย ปัดโธ่ ก็ชั้นเชิงพวกเพื่อไทยในสภามันเทียบไม่ได้กับขี้ตีนของ อ.ปานเทพ กับเทพมนตรี หรือประพันธ์ คูณมี นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงเกลียดถึงกลัวพันธมิตรฯ นี่คือไอ้พวกห้อยโหนประชาธิปัตย์ หรือห้อยโหนอภิสิทธิ์ ถึงไม่กล้าพูดในเรื่องที่เราพูดบนเวที มันชอบพูดง่ายๆเหมารวม พันธมิตรฯ หรือว่าประชาชนที่ชุมนุมอยู่พูดความเท็จ ปานเทพ กับเทพมนตรี พูดจาทำให้ประชาชนสับสน แต่มันไม่เคยพูดเลยว่าที่มันบอกว่ามันยึดหลักสันปันน้ำ แล้ววันนี้สันปันน้ำของคุณหายไปไหน โถ ไอ้สันขวาน จากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งพูดมาตลอดว่าเป็นของไทยใช่ไม่ใช่ มาวันนี้เสือกพูดบอกเป็นพื้นที่พิพาทไปแล้ว
เห็นไหมพี่น้องไอ้คนประเภทนี้มันจะปากเก่งเฉพาะในสภา เพราะทำไมรู้ไหม เพราะมันเป็นคนที่มีคุณสมบัติเดียวกัน พอมาเจอคำพูด เจอธรรม เจอความถูกต้อง มันเถียงไม่ออก มันเลยไม่เถียงเลย พี่น้องครับ เข้าไปดูทีวีแล้ว มันเห็นชัด ว่า ประเทศไทย แผ่นดินจะสูงอีกเยอะ ถ้าไม่มีสภา และไม่มีผู้แทนชั่วๆ พวกนั้น สุเทพ เทือกสุบรรณ ถามพวกเรา ทุกคนตอนนี้เอาเลือกตั้งหมด แล้วเราไม่เอาเลือกตั้งจะเอาอะไร ก็เราไม่เอาพวกมรึง ยังไม่เข้าใจอีกหรือ ไอ้การเมืองสัตว์นรกแบบนี้เราไม่เอาเพราะการเมืองแบบนี้เป็นการเมืองที่ผสมพันธุ์ และผลิตแต่สัตว์นรกออกมาตลอดเวลา ถ้ารักชาติ รักแผ่นดินลาออกซะ พักเล่นการเมืองซะ 3-4 ปี แล้วปฏิรูปการเมือง เพื่อทำให้สัตว์นรกกลายเป็นมนุษย์บ้าง นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการใช่ ไม่ใช่ หยุดทำร้ายบ้านเมืองได้แล้ว อย่ามาเที่ยวพูด หรือ ไปรวมกลุ่ม แล้วมาบอกให้พวกเราหยุดทำร้ายบ้านเมือง ไอ้คนที่ทำร้ายบ้านเมืองคือพวกมรึง
หอมปากหอมคอ พอแล้วนะ พี่น้อง หมู่นี้มีกลอนของคุณยอดธงมาพูดให้ฟังอยู่เรื่อย อย่าเพิ่งเบื่อ คนๆ นี้ เป็นคนซึ่งเหมือนมองเห็นอนาคต เมื่อวานนี้ ผมพูดไปแล้วตอนหนึ่ง วันนี้คุณประพันธ์พูดอีกตอนหนึ่ง วันนี้จะแถมให้อีกตอน และเป็นเรื่องที่เขียนเมื่อ 54 ปีที่แล้ว ลองดูซิว่าเป็นความจริงไหม เขียนเรื่องนางสาวไทย พี่น้องฟังให้ดี เขาพูดถึงคนที่อยู่ บ้านนอกคอกนา ผู้หญิง
ทุ่งกว้างป่าไกลร้าง แผ่นดินว่าง ผู้คนหนี
ฟ้าแห้ง แหล่งพงพี มีแต่เศร้า เหงางึมงม
สาวน้อยร้อยชั่งหิว แสบไส้กิ่ว กอดอกขม
ฟังฟ้าฝนคำรนลม รอไถถากตรากตรำงาน
มือนางดั่งไม้แห้ง ซีดโศกแรงแห้งเหี่ยวหาญ
เนื้อหนังมังสาการ กร้านเกรียมดำ ซ้ำแดดลม
เสียมจอบสอบไถพาน แบกบ่าบาน ผ่านแสนตรม
นาไร่ไถถากถม ชมดินน้ำ ย่ำโคลนเลน
ทุ่งกว้างป่าไกลร้าง ทุกนวลนางสู้ยุคเข็ญ
อาบเหงื่อเผื่อน้ำเป็น เช่นฝูงสัตว์ กัดเกลือกิน
อยู่ทนเยี่ยงหญิงไทย โทรมเหงื่อไคล ค้ำแผ่นดิน
เลี้ยงลูกไทย หลานไทยริน น้ำนมหลั่ง สร้างไทยมา
หญิงไทยไกลจากทุ่ง อยู่เมืองกรุง สุดหรรษา
ถึงปีมีเทวา มาโอบอุ้ม รุมไหว้วอน
เดินพรม น้ำนมอาบ ล้างกลิ่นสาบ ริ้วไรถอน
เสกสาวเฝ้าตะบอน ป้อนปรุงเนื้อ ให้นมโต
ฉีดอัด รัดตะโพก ให้เป็นโคก เป็นขาโข
เดินเด้งดีดดิ้นโชว์ โอ้โอ่อ่า ภูษาภรณ์
ได้ขึ้นชื่อ ลือปรากฏ มีเกียรติยศ สายสมร
เป็นยอดหญิง มิ่งเมืองอร นางสาวไทย เทพเทพี
มีสาวไทยไว้กล่อมกรุง เป็นขวัญมุ่ง ขวัญเมืองศรี
เป็นขวัญชาติ ปัดราคี มีคุณค่านานานันต์
สำแดงซึ่งความดัง แขกฝรั่ง ชื่นชมมั่น
ชาติไทยจำเริญทัน มันนักมี ศรีพธู
ขาอ่อน ขาวอวบอ้าง อล่างฉ่าง หว่างขาหนู
สะดือเด็ด ดังดิ้นดู เดินยักย้าย คล้ายบั้นงอน
อกตั้งดังบัวเบ่ง เต้นเต่งตึง เป็นต่อมตอน
เขยื้อนขยับ รับก้นชร ฉอ้อนเพรียก เรียกใจชาย
ยิ้มเยือนเหมือนฟ้าเปรี้ยง แผ่นดินเพี้ยน พังฉิบหาย
หนุ่มเหน้า เฒ่าแก่ตาย ระคะร้อง คำรนวอน
ดูแข้งขา หน้าอกเอว บั้นท้ายเร็ว รอเตียงร่อน
ชาติไทยไม่อาทร มีเทวี ศรีเมืองแล้ว
ขายขาอ่อน ร่อนก้นรัด หัดขยับเอวแจ๋วๆ
นมโต โตโชว์วี่แวว สะดือเด็ด เม็ดในงาม
ลือถิ่นลืม ดินเดิน ลืมโขดเขิน ลืมป่าหนาม
ลืมทุกข์ยาก พยายาม เตรียมมุ่งหน้า ไปเตียงนอน
คุ้ม/ไม่คุ้ม พี่น้อง เอาล่ะนอนหลับแล้ว เอาสักหน่อยตอนจบ หนักแผ่นดิน ดีมั้ย จะเอาหนักแผ่นดิน หรือเราสู้ หนักแผ่นดิน
(เพลง : หนักแผ่นดิน)