“ตา สุรางคนา” อดีตรองนางสาวไทย ยื่นฟ้อง “บ.ทีวีไดเร็ค - กก.บจก.วีฟอร์ม ตัวแทนจำหน่ายยาบำรุงเส้นผม” ผิดสัญญาตัวแทน เรียกค่าเสียหาย 129 ล้าน หลังเข้าถือหุ้น แต่ดอดปิดบริษัท ศาลนัดพิจารณาคดีวันที่ 11 เม.ย.นี้
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก น.ส.สุรางคนา สุนทรพนาเวศ หรือ ตา อดีตรองนางสาวไทยปี 2535 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด และผู้ถือหุ้นอยู่บริษัท วีฟอร์ม จำกัด พร้อมด้วย นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม “Velfrom Hair Grow” จำเลยที่ 1, น.ส.ละออศรี มัทธุรนนท์ จำเลยที่ 2, นายทรงพล ชัยมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท วีฟอร์ม จำกัด จำเลยที่ 3, บริษัท วีฟอร์ม จำกัด โดย นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ในฐานะผู้ชำระบัญชี จำเลยที่ 4 และ นายธนะบุล มัทธุรนนท์ กรรมการผู้มีอำนาจ จำเลยที่ 5 เรื่องผิดสัญญาว่าจ้างทำของ, ละเมิด, เรียกเงินคืน, ตัวการตัวแทน, กรรมการทำผิดหน้าที่ เรียกค่าเสียหาย 129,600,000 บาท
ตามฟ้องระบุว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม “Velfrom Hair Grow” โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายแทนบริษัท วีฟอร์ม จำกัด จำเลยที่ 4 ซึ่งมีจำเลยที่ 3 เป็นประธานกรรมการบริหารและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจร่วมกับจำเลยที่ 5 และเมื่อเดือน ก.พ.48 จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท วีฟอร์ม และเป็นกรรมการบริษัท เรสพ้อนซ์ ทีวี จำกัด ที่ได้สิทธินำเข้าและจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมาย เวลฟอร์ม ได้เชิญชวนโจทก์ให้เข้าร่วมลงทุนและเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์ให้แก่สินค้าของจำเลยที่ 4 ซึ่งโจทก์หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนถือหุ้นบริษัท วีฟอร์ม จำนวน 4,000 หุ้น หรือร้อยละ 20
ต่อมาเดือน เม.ย.53 โจทก์แจ้งจำเลยที่ 1, 2, 3, 5 ว่า ต้องการทราบยอดขายในแต่ละเดือน เพราะจำเลยที่ 1 ขายผลิตภัณฑ์ Velfrom Hair Grow ได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท แต่กลับบ่ายเบี่ยง กระทั่งเดือน ต.ค.53 จำเลยที่ 3 ไล่โจทก์ออกจากงาน เพราะไม่พอใจที่สอบถามเรื่องดังกล่าวและไม่ยอมจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาและไม่ยอมจ่ายค่าคอมมิชชันในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 แก่โจทก์ และยังคงนำโฆษณาของโจทก์ที่ทำไว้ไปออกอากาศทางทีวี และเคเบิลทีวีอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน แล้ววันที่ 23 พ.ย.53 จำเลยที่ 5 ยังได้แอบปิดบริษัท วีฟอร์ม จำเลยที่ 4 ซึ่งให้โจทก์เสียหายจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.บางซื่อในข้อหาแจ้งความเท็จเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.53 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษา ว่า ให้จำเลยที่ 4 เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่เพียงผู้เดียว ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่าย และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 129,600,000 บาท
ภายหลัง น.ส.สุรางคนา เปิดเผยว่า ศาลแพ่ง รับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข 66/2554 โดยศาลนัดพิจารณาคดีวันที่ 11 เม.ย.นี้