ศรีสะเกษ - ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมส่งประชาชนอพยพหนีปืนใหญ่เขมรจากศูนย์อพยพชั่วคราวในเขตอ.กันทรลักษ์-อำเภอใกล้เคียง 37 แห่ง รวมกว่า 1 หมื่นคนกลับบ้านเรือนตามหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชาหมดแล้ว เผยสั่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเร่งสำรวจซ่อมแซมหลุมหลบภัยและเตรียมสร้างเพิ่มอีกกว่า 300 แห่ง
วันนี้ ( 12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว สนามหน้าที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางวิภา สุวรรณสุจริต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ , นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 พรรคภูมิใจไทย(ภท.) , น.ส.กฤชกร หอมบุญญาศักดิ์นางสาวไทย ปี 2553 และ น.ส.วรรัตน์ นิยมเดช รองนางสาวไทยอันดับ 1 และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันทำพิธีส่งประชาชนที่อพยพหนีภัยการสู้รบจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร กลับบ้านเรือนของตัวเองตามหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยชาวบ้านได้พากันหอบลูก จูงหลานและขนสัมภาระขึ้นไปบนรถยนต์ที่ทางส่วนราชการจัดมาไว้ให้กันอย่างโกลาหล ทั้งนี้เนื่องจากเป็นเดินทางพร้อมกันจำนวนกมาและทุกคนล้วนต้องการกลับไปบ้านโดยเร็ว เพราะมีความเป็นห่วงบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงที่ปล่อยทิ้งไว้นานถึง 9 วันแล้ว ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ มาช่วยกันขนสิ่งของช่วยผู้อพยพขึ้นรถยนต์แต่ละคันอย่างคึกคัก
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ในการส่งประชาชนผู้อพยพกลับบ้านเรือนในครั้งนี้ ได้ใช้รถยนต์จำนวนทั้งสิ้น 104 คัน เพื่อนำชาวบ้านจากศูนย์อพยพจำนวน 37 ศูนย์ที่กระจายอยู่ตามเขตต่าง ๆ ในเขต อ.กันทรลักษ์ และอำเภอใกล้เคียงกว่า 1 หมื่นคน เพื่อกลับบ้าน ซึ่งการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านในเขต อ.กันทรลักษ์ ที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย - กัมพูชาได้เร่งสำรวจความต้องการหลุมหลบภัยและทำการซ่อมแซมหลุมหลบภัยที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดว่าจะต้องสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มประมาณ 300 แห่ง ทั้งอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ขณะนี้ได้สงบลงแล้ว ไม่มีเสียงปืนดังมานาน 5 วันแล้ว ซึ่งต่อไปจะได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจของชาวบ้านรวมทั้งการสร้างบ้านและซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้กลับคืนสู่ภาวะปกติต่อไป
นางมณี กลมพันธุ์ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 9 ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับบ้าน เนื่องจากมีความเป็นห่วงบ้านมาก โดยในวันที่ฝ่ายทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามาฝั่งไทยนั้น ตนรีบวิ่งขึ้นรถ ไม่ได้นำทรัพย์สินอะไรติดตัวมาด้วย และปิดบ้านทิ้งไว้ ซึ่งจะได้รีบกลับไปดูแล ทำความสะอาดบ้าน และสัตว์เลี้ยงวัว ควาย เป็ด ไก่ที่ปล่อยทิ้งเอาไว้ตามยถากรรมมานานหลายวันแล้ว
“ขอขอบคุณ ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ รวมทั้งทุกส่วนราชการและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่ให้การช่วยเหลือพวกเราและญาติพี่น้องเป็นอย่างดี ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจที่เมื่อหนีการสู้รบมาแล้วได้รับการดูแลเป็นอย่างดี” นางมณี กล่าว