โฆษกพันธมิตรฯ ชี้ นักการเมือง-กลุ่มทุน-นายทหารบางกลุ่ม ที่มีผลประโยชน์กับเขมร ปล่อยปละละเลยให้ประเทศที่สามเข้าแทรกแซงกิจการ เพื่อเปิดทางให้ประเทศมหาอำนาจเข้าฮุบแหล่งพลังงานในอ่าวไทย โดยใช้เอ็มโอยู 43 เป็นใบเบิกทาง ล้วนเข้าข่ายทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การเสวนา "อาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน"
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีเสวนาราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน ว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ กว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ภาคประชาชนได้ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตย โดยยึดหลักสันติ อหิงสา เป็นที่ตั้งอย่างแท้จริงและไม่ได้กระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จึงต้องได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ รธน.
“วันนี้ผมได้ยื่นไปคำร้องต่อ ป.ป.ช.อาญาตาม ม.157 เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฐานละเว้นหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งขัดต่อ กม.สูงสุดของประเทศ เพียงเพื่อกลั่นแกล้งการชุมนุมพันธมิตรฯ เท่านั้น และถือว่าเป็นการใช้อำนาจออก กม.โดยไม่ชอบด้วย กม.จึงขอเตือน จนท.ตร.หากใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมตามบัญชานักการเมือง อาจเจอดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง” นายปานเทพ กล่าวและว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ ต้องตั้งคำถามตัวเองว่านักการเมืองคนใด จะมารับผิดชอบแทนหากต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร เช่นเดียวกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สั่งให้กองทัพเข้าสลายการชุมนุมเสื้อแดงโดยมือเปล่า ทำให้มีนายทหารต้องบาดเจ็บและล้มตาย แต่สุดท้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้าราชการทหาร
การที่พันธมิตรฯ เสนอ 3 ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 43 ขับไล่เขมรให้พ้นจากอธิปไตยและถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก แต่นายอภิสิทธิ์กลับเพิกเฉย ต้องตั้งธงไว้เลยว่ารัฐบาลไทยและเขมร ต้องมีผลประโยชน์เรื่องดินแดนร่วมกันอยู่เบื้องหลัง โดยฮุนเซนต้องการรุกยึดพื้นที่ปราสาทพระวิหาร โดยใช้บันทึกเอ็มโอยูเป็นเครื่องมือ ขณะที่ผลประโยชน์ทางอ่าวไทย บริษัทน้ำมันซึ่งเป็นของอเมริกา ก็จะได้รับสัมปทานการขุดเจาะ ก็เพื่อปิดล้อมเศรษฐกิจมหาอำนาจจีน ซึ่งทั้งหมดเป็นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ที่ต้องการเอื้อหนุนให้กับประเทศมหาอำนาจ
นายปานเทพ กล่าวว่า การทำบันทึกข้อตกลงเอ็มโอยู 43 แล้วเหตุใดยกเลิกไม่ได้ และเปิดโอกาสให้ประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซง ก็เพื่อเอื้อหนุนให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามายึดครองแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ล้วนเป็นฝีมือนักการเมือง กลุ่มทุนนายทหารบางคน ที่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง จึงได้ปล่อยปละละเลย ทำให้ไทยต้องเสียอธิปไตยทั้งดินแดนและทางทะเล ซึ่งล้วนตรงตามทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด