“ปานเทพ” เชื่อเขมรยื่นศาลโลกวินิจฉัยคำพิพากษาพระวิหารหวังขยายผลให้พิจารณาอาณาเขตเพิ่มตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เตือนอย่าอ้างเหตุไปสู้คดี ชี้คดีผ่านมาเกิน 10 ปีไม่สามารถตัดสินได้ เชื่อถ้าหลงผิดเสียเปรียบทันที ด้าน “ประพันธ์” จี้รัฐผลักดันพ้นพื้นที่ แนะ กต.เผยเอกสาร 2 คนไทยขออภัยโทษ หวั่นรัฐลวงทำเป็นพิธี
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ นายประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมยื่นต่อศาลโลก เพื่อให้วินิจฉัยคำพิพากษาเมื่อปี 2505 กรณีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชามุ่งหวังที่จะขยายผลจากคำพิพากษาเดิม โดยต้องการให้มีการพิจารณาอาณาเขตตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ดังนั้นจึงต้องขอเตือนไปยังรัฐบาลไทยว่า ต้องไม่อ้างเหตุใดๆ แล้วแต่ไปสู้คดีนี้ในศาลโลกตามความพยายามของกัมพูชา เนื่องจากเรื่องนี้ผ่านมาเกินกว่า 10 ปี หากทางกัมพูชาจะขอให้ศาลโลกวินิจฉัยเพิ่มเติมก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อธรรมนูญของศาลโลกเองในมาตรา 61 หรือจะนำมาเป็นคดีใหม่ก็ไม่ได้ เพราะประเทศไทยในปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกที่ต่ออายุในการบังคับอำนาจองศาลโลก หลังจากสิ้นสุดคดีปราสาทพระวิหารในปี 2505
“หากรัฐบาลหลงผิดและไปต่อสู้ในข้อเท็จจริงอีกก็จะทำให้ประเทศเสียเปรียบทันที รัฐบาลไทยต้องสู้ว่า วันนี้ศาลโลกไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยกรณีนี้เพิ่มเติมอีกต่อไปแล้ว รวมทั้งไทยมีสิทธิในฐานะรัฐไทยที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกอีกต่อไป” นายปานเทพกล่าว
ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่า จุดยืนของพันธมิตรฯ และคณะกรรมการฯชัดเจนในการคัดค้านการดำเนินการใดๆ ในกระบวนการศาลโลก โดยเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กำลังทหารในการผลักดันให้ชุมชนและกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่ประเทศไทยที่ยึดครองอยู่ทั้งหมด โดยไม่ต้องสนใจข้อพิจารณาของศาลโลกแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิทธิของประเทศเอกราชที่มีความชอบธรรมในการใช้กำลังยึดพื้นที่ที่ เป็นอธิปไตยของชาติกลับคืนมา
ส่วนกระแสข่าวจากระทรวงการต่างประเทศที่ระบุว่านายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ลงนามในเอกสารขอพระราชทานอภัยโทษแล้วนั้น นายประพันธ์กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อสาธารณะ เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนเป็นห่วงว่านายวีระและ น.ส.ราตรีถูกรัฐบาลทอดทิ้ง หากมีการตัดสินใจลงนาม รัฐบาลต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้ ไม่ควรบิดเบือนโกหกประชาชนอย่างที่แล้วมา อย่างไรก็ตาม การขออภัยโทษของ 2 คนไทยก็ไม่มีผลกระทบต่อการชุมนุม เพราะทุกคนอยากให้ทั้ง 2 คนได้กลับประเทศ แต่จะมีผลกระทบต่อเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของชาติ เพราะแสดงว่ารัฐบาลไทยไปยอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง เป็นการก้มหัวต่อกัมพูชา ทั้งนี้ หากนายวีระได้รับการปล่อยตัวออกมาจะเป็นผลดีต่อการชุมนุม เพราะทุกคนต้องการรู้ข้อเท็จจริงจากปากของนายวีระ และ น.ส.ราตรี ว่าไปเผชิญอะไรมาบ้าง แต่ตนไม่แน่ใจว่าการเดินเรื่องของอภัยโทษของรัฐบาลครั้งนี้มีการดำเนินการจริงหรือไม่
“ผมเกรงว่ารัฐบาลจะหลอกลวงอีกครั้ง มาทำเป็นพิธีการว่ารัฐบาลได้พยายามช่วยเหลือแล้ว พอทางกัมพูชาอ้างว่าต้องรับโทษตามเงื่อนไข 2 คนไทยก็จะไม่ได้รับการปล่อยตัวในที่สุด” นายประพันธ์กล่าว