xs
xsm
sm
md
lg

พธม.จี้รัฐดึงสนธิสัญญาไทย-เขมร ช่วย “วีระ-ราตรี” กลับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” สับ “มาร์ค” โยนภาระ “วีระ-ราตรี” ต่อสู้คดีเอง เผยเลขาฯศาลฎีกาเขียนบทความแนะทางช่วยเหลือ ระบุมีสนธิสัญญาไทย-เขมรลงนามสมัย “กษิต” เปิดช่องโอนนักโทษกลับประเทศ แต่รัฐบาลหมกเม็ดไม่แจ้ง 2 คนไทย จี้รัฐอย่าบิดเบือนสร้างความสับสน



วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกัมพูชาว่า พันธมิตรฯ มองว่าเรื่องนี้รัฐบาลพยายามปัดความรับผิดชอบ โดยโยนภาระทั้งปวงไปให้นายวีระและครอบครัว และให้เพียง 2 ทางเลือก คือ การอุทธรณ์ หรือขออภัยโทษ ซึ่งไม่ได้เป็นการช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่อย่างใดเลย และพันธมิตรฯ ก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นรัฐไทยมีอำนาจในการต่อรอง และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะสามารถกดดันหรือเจรจา รวมทั้งเครื่องมือทางเศรษฐกิจและทหารในการจัดการปัญหานี้ได้

นายปานเทพเปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีบทความของนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ชี้แนะช่องทางในการช่วยเหลือนายวีระ และ น.ส.ราตรี ผ่านการใช้สนธิสัญญาโอนนักโทษระหว่างที่รัฐบาลไทยและกัมพูชา ที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 4-5 ส.ค.52 ที่มีเนื้อหาสำคัญในการยอมรับการโอนหรือรับโอนนักโทษที่มีคดีอาญาต่อกัน โดยสนธิสัญญานี้สามารถทำได้ทันที ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 แสดงว่าหากนายวีระและ น.ส.ราตรี ได้รับข้อมูลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องลงนามขออภัยโทษ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศกำลังเตรียมการให้

“ช่องทางการโอนนักโทษในสนธิสัญญานี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่เคยบอกประชาชน หรือนายวีระ น.ส.ราตรี และครอบครัวเลย เมื่อมีข้อมูลนี้แล้วก็หวังว่ารัฐบาลจะไม่ปัดความรับผิดชอบ โดยใช้หนทางการขอพระราชอภัยโทษเพียงอย่างเดียว เพราะเป็นการบังคับจิตใจของนายวีระอย่างมาก” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า เงื่อนไขการโอนนักโทษต่อกันนั้นต้องเป็นนักโทษที่ไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งหากรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการอุทธรณ์ต่อศาลกัมพูชา เพื่อให้คดีสิ้นสุดก็สามารถทำได้ทันที ไม่ควรสร้างความสับสนโดยอ้างว่ามีทนายของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติพยายามยื่นอุทธรณ์อยู่ เพราะรัฐบาลสามารถประกาศได้ทันที โดยให้นายวีระลงนามแสดงความจำนงว่าจะไม่อุทธรณ์ และนำมาแสดงต่อประชาชน ก็จะไม่เกิดความสับสน อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลไม่เคยให้ข้อมูลกับนายวีระ และ น.ส.ราตรี ว่ามีช่องทางการใช้สนธิสัญญาโอนนักโทษอยู่ และยืนยันที่จะใช้แนวทางนี้ในการช่วยเหลือ แต่รัฐบาลกลับไม่ทำให้ชัดเจน ไปโดยนภาระให้แก่นายวีระและครอบครัว รัฐบาลต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้คลุมเครือและเดินหน้าต่อไม่ได้

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์คลุมเครือ เพราะก่อนหน้าที่ 7 คนไทยถูกจับกุมนั้น ไทยและกัมพูชาได้มีข้อตกลงกันว่าจะไม่มีการนำคนของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่กระบวนการศาลของอีกประเทศ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ประกาศไว้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 แต่รัฐบาลก็ไม่ยืนยันตรงนี้ โดยไม่ใช้อำนาจในการเรียกร้องและมาตรการกดดันใดๆ มีเพียงบมาตรการจำยอมที่ปล่อยให้มีการดำเนินการเข้าสู่กระบวนการศาล ทั้งยังไม่มีการให้ข้อมูลเรื่องการโอนนักโทษ และมาสร้างความสับสนว่ามีเพียงช่องทางการอุทธรณ์หรือขออภัยโทษเท่านั้น จนเลขาฯศาลฎีกาฯ ต้องมาเป็นผู้เปิดเผยเอง ทำให้ตอนนี้มีทางเลือก 3 ทาง คือ 1.รับโทษต่อไปตามคำพิพากษาของศาลกัมพูชา 2.เข้าสู่กระบวนการขออภัยโทษ และ 3.รัฐบาลไทยดำเนินการขอโอนตัวนักโทษกลับมาตามสนธิสัญญาที่มีต่อกัน ปัญหาคือ รัฐบาลได้บอกข้อมูลและสิทธิเหล่าต่อนายวีระ น.ส.ราตรี และตรอบครัวแล้วหรือไม่

“โดยขั้นตอนต่อจากนี้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศต้องมีหน้าที่แจ้งสิทธิต่อ 2 คนไทย เพื่อขอความยินยอมว่าจะอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ และรัฐบาลต้องเป็นผู้ยืนยันว่าจะใช้ช่องทางโอนนักโทษในการช่วยเหลือ แต่วันนี้นายกฯ ก็ไม่ยืนยันในประเด็นนี้ต่อสาธารณะ หรืออย่างน้อยที่สุดคือครอบครัวของทั้ง 2 คนเพื่อร่วมตัดสินใจ” นายปานเทพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น