โฆษกพันธมิตรฯ จี้ถามสำนึก รบ.ใช้ กม.เพื่อความมั่นคงของตัวเอง ซัดล้อมคอกบ้านตัวเอง ทำให้ ปชช.เดือดร้อนถ้วนหน้า สับปกปิดใช้สนธิสัญญาขอโอนตัวนักโทษ เพราะเป็นกระบวนการขจัดเสี้ยนหนาม ยกย่อง “วีระ-ราตรี” เป็นบุคคลที่มีคุณค่า ย้ำรัฐควรใช้ศักยภาพกดดันกัมพูชา หรือใช้สนธิสัญญาฯ นำตัวกลับ ด้าน “สุริยะใส” ย้ำ อย่าเอาชีวิตไปแลกกับ รบ.ขี้ขลาด ชำแหละ “มาร์ค” ทำลายหลักนิติรัฐ ย่ำยีศักดิ์ศรีคนไทย
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน กรณีศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกประกาศฉบับที่ 4 ห้ามประชาชนสัญจรผ่านถนนรอบบ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตรฐานของรัฐบาล แต่กลับใช้ความรู้สึกส่วนตัว ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเดือดร้อน เท่ากับเป็นการใช้ กม.เพื่อความมั่นคงตัวเอง และการประกาศของ ศอ.รส.ถือเป็นการลิดรอนสิทธิการชุมนุม ตาม รธน.วันนี้ประชาชนคนไทยเข้าใจหรือยัง ว่า รัฐบาลกำลังหลงใหลในอำนาจ จนดูถูกว่าการชุมนุมเพื่อเรียกร้องตามสิทธิ และกล่าวว่า ผู้ชุมนุมเป็นพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้กับบริหารของรัฐบาล
“ทำไมรัฐบาลไม่ใช้แสนยานุภาพที่เหนือกว่าทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และกำลังทหาร แต่กลับโยนภาระการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ให้เป็นเรื่องของครอบครัว เท่ากับเป็นการปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกปล่อยให้พลเรือนของตัวเองตกอยู่ภายใต้คำสั่งอำนาจรัฐประเทศอื่น พันธมิตรฯต้องเคารพแนวทางการต่อสู้ของบุคคลทั้งสอง ทั้งที่เรามีสนธิสัญญาเพื่อโอนตัวนักโทษกลับมารับโทษในไทย แต่รัฐบาลกลับปกปิด ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพราะมีกระบวนการที่ต้องการขจัดเสี้ยนหนามคนที่ต่อสู้เพื่ออธิปไตยไทย” นายปานเทพ กล่าว
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวประณามรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ว่า ทำให้ศักดิ์ศรีพลเรือนไทยตกต่ำที่สุด ชีวิตของ นายวีระ และ น.ส.ราตรี มีคุณค่ามากกว่ารัฐบาลขี้ขลาด ดังนั้น ขอให้กำลังใจครอบครัวบุคคลทั้งสอง ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อนำตัวกลับมาโดยปลอดภัย อย่าไปหวังกับรัฐบาลที่ทำลายหลักนิติรัฐโดยสิ้นเชิง และในที่สุดความเป็นชาติอาจจะต้องถึงคราวล่มสลาย