โฆษกพันธมิตรฯ ประณามเขมรแถไร้ยางอาย ยันภาพสื่อนอกชัดซุกอาวุธในพระวิหาร ซัด “กษิต” พล่ามไม่รับผิดชอบ ยันเอ็มโอยู 43 ต้นตอปะทะ ชี้ประกาศพื้นที่สันติภาพแต่ไม่ไล่เขมรออกเป็นภัยคุกคามระยะยาว ยัน พธม.ขอสันติแต่ต้องไม่ละเมิดอธิปไตย เผยพรุ่งนี้ส่งทนายฟ้องศาลปกครองถอน พ.ร.บ.มั่นคง ด้าน “ประพันธ์” ประณาม กต.ไม่ตอบโต้กัมพูชาแถลงเท็จ แต่กลับแว้งกัดม็อบ ปัด “จำลอง” ร้องปฏิวัติ ฉะ “มาร์ค” อย่าบิดเบือน
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีทหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ในบริเวณปราสาทเขาพระวิหารว่า พันธมิตรฯ ขอประณามกัมพูชาที่ออกแถลงการณ์ที่ไร้ยางอาย เพราะภาพที่ปรากฏจากสื่อต่างประเทศพบตรงกันว่า ปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่ซ่องสุมกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทำร้ายราษฎรไทย ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์โดยย้ำว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และกล่าวหาพันธมิตรฯว่า มีความสะใจจากเหตุการปะทะของทหารนั้น ถือเป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบความผิดพลาดของรัฐบาล โดยสาเหตุของการปะทะที่เกิดจาก MOU 2543 อย่างชัดแจ้ง ล่าสุดมีความพยายามประกาศให้จุดปะทะเป็นพื้นที่สันติภาพ แต่กลับไม่มีการผลักดันให้กองกำลังกัมพูชาที่ยึดพื้นที่ประเทศไทยทำร้ายราษฎรไทยออกไปจากพื้นที่ ถือเป็นภัยคุกคามที่ยังคงอยู่ในระยะยาว หากมีเหตุการณ์ปะทะอีกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่า พันธมิตรฯ ต้องการแนวทางสันติวิธีเช่นกัน แต่ต้องมีเครื่องยืนยันว่าไม่มีการละเมิดดินแดนอธิปไตย และทหารกัมพูชาต้องไม่อยู่ในผืนแผ่นดินไทย หากรัฐบาลทำได้เช่นนี้ก็จะสามารถป้องกันภัยให้คนไทยได้ และไม่จำเป็นต้องมีการตั้งค่ายอพยพให้ราษฎรไทยในแผ่นดินไทยด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ นายปานเทพยังยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะเดินหน้ายื่นคำร้องการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยมิชอบต่อศาลปกครอง โดยเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.) เวลา 10.00 น.จะมีตัวแทนทนายนำเรื่องยื่นต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่ง เนื่องจากมีการประกาศบังคับใช้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนกรณีกระแสข่าวความพยายามในการขอพื้นที่คืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พวกเราเป็นคนไทยที่มาชุมนุมในพื้นที่ประเทศไทย ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เหตุใดรัฐบาลจึงต้องพยายามขับไล่เราด้วย หากต้องการผลักดันควรไปทำหน้าที่ผลักดันทหารและประชาชนกัมพูชาให้ออกไปจากผืนแผ่นดินไทย ไม่ใช่ปล่อยให้มายึดเป็นฐานทัพยิงคนไทยอยู่อย่างนี้ การอ้างกฎหมายบังคับใช้พื้นที่นี้เป็นเพียงความพยายามในการกลั่นแกล้งพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่บริเวณเขาพระวิหารเป็นอุทยานแห่งชาติแท้ๆ กลับปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึด เหตุใดรัฐบาลจึงเลือกปฏิบัติ หรือว่าให้ค่าพันธมิตรฯ ต่ำกว่ากัมพูชาเช่นนั้นหรืออย่างไร
ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมฯ กล่าวว่า ตนขอประณามกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ไม่ทำหน้าที่ปกป้องเอกราชอธิปไตยของประเทศ จากที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ให้การเท็จ แต่ไม่มีการตอบโต้ โดยเฉพาะคำพูดของนายกษิตในเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ปะทะเป็นที่สะใจของกลุ่มที่คลั่งชาติ ทั้งที่สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากรัฐบาลไม่ทำหน้าที่ ปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ประเทศไทยโจมตีราษฎรพลเรือนชาวไทย โดยรัฐบาลเพิกเฉยไม่มีการประท้วง กลับหันมาแว้งกัดพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน
นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ใส่ร้ายพันธมิตรฯ ผ่านสื่อ โดยให้สัมภาษณ์ว่า พล.ต.จำลอง และกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้มีการปฏิวัติ และระบุด้วยว่า พล.ต.จำลองออกมาเมื่อไรจบไม่สวยทุกครั้ง ตนยืนยันว่าผู้ชุมนุมไม่เคยเรียกร้องให้มีการปฏิวัติ แต่เรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ หากไม่ทำก็ให้ลาออกไป นายกฯ อภิสิทธิ์ อย่าพยายามบิดเบือนใส่ร้ายโดยไม่เคารพสิทธิและไม่ฟังความเห็นของประชาชนตามแนวทางประชาธิปไตย การที่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่างหากที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ประกาศว่านักการเมืองต้องมีจิตสำนึกสูงกว่ากฎหมายนั้น และหากรัฐบาลนี้ถูกปฏิวัติจริงก็เป็นเพราะดื้อด้านไม่สนใจประชาชน