“ปานเทพ” คาด หยุดสุดสัปดาห์คนมาม็อบเพียบ จี้ “มาร์ค-กษิต” ถ้าเชื่อในสันปันน้ำ ต้องเอาสัญลักษณ์เขมรออกพื้นที่ไทย แนะกำหนดระยะเวลาด้วย ชู “พนิช” พูดเองถูกจับดินแดนไทย แย้มเชิญขึ้นเวที จี้ รัฐใช้มาตรการกดดันขแมร์ปล่อย 2 คนไทย “ประพันธ์” เผยเล็งกำหนดวันให้รัฐขับชุมชนเขมรพ้นแผ่นดินสยาม แย้มขอฉันทามติยกระดับชุมนุม ชี้ ยุบสภาแค่ข่าวปล่อย
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่สะพานมัฆวาน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน แถลงว่า ในวันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์จนถึงอาทิตย์นั้น คาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการชุมนุมในครั้งนี้ พร้อมที่จะยืดเยื้อ ประกอบกับประชาชนที่พร้อมเข้าร่วมกันชุมนุมในลักษณะต่อเนื่อง โดยเข้าร่วมการชุมนุมในเวลาต่างๆ ตามความสะดวกของแต่ละคน
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ อ้างว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่มีธงกัมพูชาตั้งอยู่ในบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีศวาระ ว่า กรณีที่ปล่อยให้ธง หรือป้ายใดๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของกัมพูชาอยู่ในดินแดนไทย เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ารัฐบาลไทยยอมรับการสำแดงอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาบนผืนแผ่นดินไทย หลังแนวสันปันน้ำ หากนายกฯอภิสิทธิ์ และ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เชื่อในหลักสันปันน้ำตามที่ได้เคยออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ต้องทำทุกวิถีทางให้ทางการกัมพูชานำธงและป้ายสัญลักษณ์ใดๆ ที่แสดงถึงอธิปไตย ของกัมพูชาออกทันที
“หากรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องแผ่นหิน เพียงแค่กลบกระแสข่าว นายกฯต้องไม่ลืม หรือเบี่ยงเบนประเด็นธงและป้ายต่างๆ ในวัดแก้วสิกขาฯที่เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว หากนายกฯต้องการขจัดการละเมิดอธิปไตยไทย ต้องให้กัมพูชานำธงลง และป้ายภาษากัมพูชาออกโดยไม่มีเงื่อนไขและในทันที ขอให้กำหนดระยะเวลาด้วยว่าจะรื้อออกได้ในกี่วัน” นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมโดยไม่เป็นธรรม ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน โดยประกาศยอมรับว่า จุดที่ถูกจับนั้นอยู่ในแผ่นดินไทย รวมทั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ทับซ้อน สอดคล้องกับ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ นายตายแน่ มุ่งมาจน ที่ถูกจับกุมพร้อมกัน โดยทั้งหมดระบุว่า ถูกจับในดินแดนไทย ก่อนถูกลากตัวไปในพื้นที่กัมพูชา เพื่อถ่ายรูปให้มีระยะห่างจากชายแดน 55 เมตรตามข่าว จะเห็นได้ว่า สิ่งที่รัฐบาลพูดมาเสมอว่า 7 คนไทยล้ำดินแดนนั้น จนทำให้ถูกจับคุกและตัดสินมีความผิด แล้วเมื่อ 5 คนกลับมา ร.ต.แซมดิน ได้เปิดเผยอีกว่า ได้รับการติดต่อจากนายกฯอภิสิทธิ์ ให้ไปเตรียมการให้ตรงกันก่อน ก่อนที่นายกฯอภิสิทธิ์จะออกชี้แจงผ่านการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ร.ต.แซมดิน ได้มาออกรายการที่เอเอสทีวีเสียก่อน นายกฯอภิสิทธิ์ จึงต้องเลื่อนเวลาการชี้แจงออกไป โดยเบี่ยงเบนทำให้คลุมเครือว่าแท้จริงแล้ว 7 คนไทยถูกจับบริเวณใดกันแน่
“นายกฯอภิสิทธิ์ เหลือเวลาอีก 5 วัน ก่อนถึงวันที่ 1 ก.พ.ที่จะมีการตัดสิน 2 คนไทยที่เหลือในข้อหาที่เป็นเท็จของศาลกัมพูชา เพราะกัมพูชาไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินความผิดในฐานะที่ล่วงล้ำดินแดน เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าทั้งหมดยังอยู่ในประเทศไทย การที่รัฐบาลไทยต่อสู้คดีโดยยอมรับอำนาจศาลกัมพูชา แล้วประท้วงเฉพาะเรื่องเขตแดนนั้นไม่เป็นธรรมกับคนไทยทั้งหมด รัฐบาลต้องใช้มาตราการทางการทหาร และทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันให้มีการปล่อย 2 คนไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข” นายปานเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการทาบทามให้นายพนิช มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมอีกครั้ง
ด้าน นายประพันธ์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของเราไม่ได้ต้องการเพียงให้กัมพูชาลดธงออกจากวัดแก้วฯเท่านั้น เพราะตัวนายกฯอภิสิทธิ์ และนายกษิต ก็ยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ประเทศไทย และบอกมาตลอดว่าจะทำการประท้วงกดดันให้กัมพูชาออกจากพื้นที่ แต่มาถึงวันนี้นอกจากไม่ออกไปแล้วยังมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรและปักธงชาติไว้ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องเร่งผลักดันวัดและชุมชนกัมพูชาทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ออกไปทันที ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อหารือยื่นคำขาดกำหนดเวลาให้แก่รัฐบาลต่อไป ส่วนเรื่องที่นายพนิช ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าคนไทยถูกจับในแผ่นดินไทยนั้น รัฐบาลต้องรับดำเนินการให้ 2 คนไทยกลับมาโดยไม่ถูกดำเนินคดี ส่วน 5 คนไทยที่ถูกตัดสินลงโทษไปก่อนหน้านี้จากการสร้างหลักฐานให้สมยอมนั้น นายกฯอภิสิทธิ์ ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศ หรือควรที่จะต้องพิจารณาตัวเอง ส่วนความรับผิด ทางกฎหม่ายเป็นเรื่องที่ภาคประชาชนจะดำเนินการอยู่แล้ว แต่ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องมาก่อน
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากรัฐบาลชุดนี้ไม่ฟังเสียงประชาชนแล้ว ยังมีความดื้อดึงอย่างยิ่ง โดยมีการตระเตรียมกำลังทั้งทหารตำรวจเพื่อตอบโต้การชุมนุมของภาคประชาชน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีผู้ชุมนุมมาก อาจจะมีการขอฉันทามติในการยกระดับการชุมนุมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งต้องมีการหารือกันระหว่างแกนนำเสียก่อน ส่วนการกระแสข่าวยุบสภานั้นเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อให้ยุติการชุมนุม ซึ่งตนเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหลังแก้รัฐธรรมนูญยังต้องมีกระบวนการตามหลังมาอีกไม่น้อยกว่า 2-3 เดือน จึงเป็นเพียงเกมลวงที่ต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด