xs
xsm
sm
md
lg

พธม.เตรียมฟ้อง “มาร์ค-เทือก” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่รักษาอธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรฯ แถลงตั้งทีมกฏหมายยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ต่อศาลฏีกา ฐานละเว้นทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย
“ปานเทพ” เผยพอใจภาพรวมการชุมนุม ซัดรัฐบาลเลิกอ้าง MOU 2543 ชี้เป็นพันธนาการทำไทยเสียหาย ด้าน “ประพันธ์” เผยตั้งทีมกฎหมายยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะต่อศาลฎีกา ฐานละเว้นทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ทั้งมีท่าทีพินอบพิเทาเอื้อประโยชน์ให้เขมร เตรียมแฉพฤติกรรมโคตรโกงรัฐบนเวที



วันนี้ (26 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า จากการชุมนุมวันแรกทางกลุ่มมีความพอใจเป็นอย่างมากในภาพรวมของการชุมนุม ทั้งในส่วนของผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุม และในส่วนของการสร้างความรับรู้ให้แก่ประชาชนไทยว่ารัฐบาลได้บิดเบือนข้อมูลต่อประชาชนอย่างไร โดยสาระสำคัญคือ การที่ประเทศไทยได้สูญเสียอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไปแล้วหลายจุด ซึ่งรัฐบาลก็ยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีที่เขาพระวิหาร ที่แม้แต่แผ่นหินแผ่นเดียวในวัดแก้วสิขาคีรีสวาระก็ยังไม่ถูกรื้อออกไป เป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการใช้ MOU 2543 ที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามย้ำว่าการยกเลิก MOU 2543 เป็นการก่อสงคราม แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะ MOU 2543 เป็นพันธนาการต่อแสนยานุภาพทางการทหารของประเทศไทยที่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นอำนาจการต่อรองบนโต๊ะเจรจาได้ จึงเป็นสาเหตุที่กัมพูชาเหิมเกริมรุกล้ำยึดครองและสำแดงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เรายังยืนหยัดใน 3 ข้อเรียกร้อง ซึ่งการที่นายกฯปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามนั้นเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความจริงแล้วการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าไม่เลิก MOU 2543 ไม่ได้หวั่นเกรงว่าจะเกิดสงคราม เพราะโดยศักยภาพแล้วทางกัมพูชาไม่สามาราถที่จะมาก่อสงครามรบกับประเทศไทยได้ รวมไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ต้องการยกเลิก เพราะหากเลิก MOU 2543 แล้วเป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่จะเสียประโยชน์ ดังนั้น การที่นายสุเทพออกมาปฏิเสธข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรฯนั้นเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชา ดูได้จากท่าทีของนายสุเทพแสดงความพินอบพิเทาต่อนายกฯ ฮุนเซนตลอด แม้กระทั่งล่าสุดที่จะไปกราบขอบพระคุณนายกฯ ฮุนเซนจากกรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินให้ 5 คนไทยมีความผิด อันเป็นท่าทีที่ผิดวิสัยของประเทศที่มีศักยภาพเหนือกว่า แสดงให้เห็นว่านายสุเทพดูแลผลประโยชน์ของกัมพูชามากกว่าประเทศไทย

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะได้นำเสนอข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับนายกฯ อภิสิทธิ์ และนายสุเทพ รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะเห็นได้ว่ามีพฤติกรรมที่สมคบกันทำให้ราชอาณาจักรไทย หรือส่วนหนึ่งส่วนใดตกอยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐต่างประเทศ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 รวมทั้งสมคบกับรัฐต่างประเทศกระทำการเป็นปรปักษ์กับชาติของตน ทั้งหมดนี้เรามีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนทั้งหมด โดยเฉพาะคำแถลงผ่านการถ่ายทอดสดครั้งล่าสุดของนายกฯอภิสิทธิ์เป็นหลักฐานมัดชัดเจน รวมทั้งการหารือกับผู้เสียหายทั้ง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายตายแน่ มุ่งมาจน รวมทั้งนายวีระ สมความคิด ที่ยังถูกคุมขังอยู่ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลฎีกาอาจจะตั้งคณะขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง หรือจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้ หรือให้ผู้เสียหายยื่นต่อ ป.ป.ช.โดยตรง อาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 270 และ 275 เพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีพฤติกรรมที่ไม่แสดงออกถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศ อีกทั้งคำพูดของนายกฯที่พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ทั้ง 7 คนไทย ยังทำให้คนเหล่านั้นต้องถูกจำคุกอีกด้วย

“ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายร่างคำฟ้องและข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินการเป็นมาตรการหนึ่ง โดยต้องการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ละเว้น บกพร่องและไม่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ คาดว่าในเร็วๆ นี้จะสามารถดำเนินยื่นคำฟ้องได้” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ในการปราศรัยบนเวทีจะมีการเต็มเติมเนื้อหา เพื่อชี้ให้เห็นว่านอกจากไม่สนใจที่ปกป้องแผ่นดินแล้ว รัฐบาลยังสนใจแต่ปกป้องผลประโยชน์กลุ่มนักการเมืองโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น จากพฤติกรรมที่มีการจัดเลี้ยงที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี บนเวทีที่จะมีการนำข้อเท็จจริงที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีการทุจริตในเรื่องใดบ้าง รวมไปถึงคนของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตเรื่องการประมูลข้าว หรือกรณีน้ำมันปาล์ม ที่จะมีการชี้ให้เห็นว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ใครบ้างที่ลักลอบนำน้ำมันปาล์มเถื่อนจากมาเลเซียมากักตุนไว้ที่ภาคใต้ ปล่อยให้ราคาน้ำมันปาล์มขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง จึงต้องไปเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์ม ทั้งๆที่ควรจะเป็นหน้าที่ของรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ

“เวทีการชุมนุมครั้งนี้จึงจำเป็นต้องให้เหตุผลต่อประชาชนว่าเรามาชุมนุมกันอย่างมเหตุผลเพื่อประโยชน์ของชาติและของประชาชน โดยยืนยันในหลักสันติ อหิงสา สงบ ปราศจากอาวุธ โดยรัฐบาลมีหน้าที่ในการปกป้องดูแลการใช้สิทธิของประชาชน ส่วนผลของการชุมนุมจะเป็นอย่างไร รัฐบาลต้องเป็นผู้ตอบประชาชน” นายประพันธ์กล่าว

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวยืนยันว่าจะชุมนุมยืดเยื้อ ส่วนจะเคลื่อนไหวหรือมีกิจกรรมต่อไปอย่างไร จะประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน




กำลังโหลดความคิดเห็น