“ศิริโชค” ขุดประเด็น “ใครชวนใคร? ไปถูกเขมรจับ”

“ศิริโชค” ใช้ช่องทางเฟซบุ๊ก โต้แย้งในประเด็น “ใครชวนใครไปถูกเขมรจับ?” เผย “แซมดิน” ขอให้ “พนิช” ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับที่ดินทำกิน ขณะเดียวกันยอมรับว่านายกฯ มอบหมาย “พนิช” ประสานผู้มีความคิดเห็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ

นายศิริโชค โสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ค Sirichok Sopha เมื่อเวลา 14.06 น. วันที่ 20 ม.ค. เรื่อง “ความจริงจากปาก “เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์” ที่คุณปานเทพไม่ได้บอก” ระบุว่า

“ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “มีการประสานงานจาก นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่อ้างอิงคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้พันธมิตรฯ ร่วมลงพื้นที่พิสูจน์อธิปไตยบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยได้ติดต่อมายัง นายเทพมนตรี ลิมปพยอม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ทางพันธมิตรฯ เกรงว่า จะไม่ปลอดภัยจึงปฏิเสธไป ภายหลังนายพนิชได้ประสานงานไปยังนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ หลังมีปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ จ.สระแก้ว ว่า ไม่สามารถที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิได้ ทำให้มีการลงพื้นที่ใน จ.สระแก้ว จนถูกทางกัมพูชาควบคุมตัว นายพนิช ท้าให้ไปพิสูจน์ความจริงและก็ถูกจับจริงๆ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เอกสารสิทธิ์ของชาวบ้านถูกกัมพูชาครอบครองในทางปฏิบัติไปแล้ว”

30 ธันวาคม 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ข้อเท็จจริงเบื้องต้น 7 คนนี้เข้าไปดูพื้นที่กรณีประชาชนร้องเรียนเรื่องที่ทำกิน รวมทั้งหลักเขตแดน และผมได้มอบหมายให้คุณพนิชไปประสานงานกับบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งก่อนเดินทางคุณพนิชบอกว่าจะไปลงพื้นที่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการดูพื้นที่ที่มีการร้องเรียน แต่รายละเอียดเรื่องเส้นทางนั้นไม่ทราบ จนปรากฏเป็นข่าวว่าถูกจับ”

3 มกราคม 2554 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คุณพนิช บอกผมว่าจะไปจังหวัดปราจีนบุรี ดูเรื่องทำกินกับคุณแซมดินแต่ไม่ได้บอกละเอียด ไม่ได้บอกว่า จะไปกับคุณวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ

19 มกราคม 2554 เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ “ผมเป็นผู้ประสานงานไปยังคุณพนิช เพื่อไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับที่ดินทำกิน และประสานไปยังคุณวีระเพื่อให้ไปร่วมพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วย”

เนื้อหาที่ผมนำมาเสนอข้างต้นจะเห็นชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ปกปิดการส่งคุณพนิชไปประสานงานกับกลุ่มคนที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเขตแดน โดยระบุด้วยตัวเองหลังจากที่คนทั้ง 7 ถูกจับกุมว่า คุณพนิช เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร และที่สำคัญคือข้อมูลที่นายกรัฐมนตรีให้กับสาธารณะคือข้อมูลเดียวกับที่เรือตรีแซมดินได้ออกมาเปิดเผยล่าสุด

ขณะที่ คุณปานเทพระบุว่า คุณพนิชเป็นฝ่ายท้าให้ภาคประชาชนไปพิสูจน์ความจริงในพื้นที่โดยชักชวนคุณวีระให้ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งเรือตรีแซมดินก็ได้พูดชัดเจนว่าเขาคือผู้ประสานงานทั้งหมด มิใช่ว่า คุณพนิชไปท้าพิสูจน์อย่างที่มีการกล่าวอ้าง ส่วนคุณปานเทพจะมีเจตนาอะไรที่พูดเช่นนั้นผมไม่ขอวิเคราะห์ เพราะเจ้าตัวคงรู้ดีว่าหวังผลอะไรจากคำพูดของตัวเอง ผมเพียงแต่เสียใจว่าทำไมคนที่มากด้วยปัญญาจึงปล่อยให้อคติครอบงำจนขาดความรอบคอบในการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะกล่าวโทษคนอื่น

และนี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ตอกย้ำว่านายกรัฐมนตรียืนอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงมาโดยตลอด และการกำหนดแนวทางเพื่อช่วยเหลือคนไทยก็ยึดหลักการนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่สู้ตามความเชื่อ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะไม่เป็นคุณกับการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนอย่างแน่นอน

ผมหวังว่าทุกฝ่ายจะได้ตั้งสติและลองทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยปัญญาแทนอคติ ลดโมหจริตลงก็จะทำให้มีความเข้าใจต่อสถานการณ์นี้มากขึ้น และผมขอความกรุณาอย่าได้ไปกล่าวหาว่าร้าย เรือตรีแซมดิน ว่าถูกรัฐบาลครอบงำ เพียงเพราะสิ่งที่เรือตรีแซมดินออกมาเปิดเผยไม่เป็นคุณกับการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม เพราะแท้จริงแล้ว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และคนในสันติอโศก หรือแม้แต่ในกลุ่มพันธมิตรหลายคนรู้ดีว่า เรือตรี แซมดิน เป็นคนเช่นไร"