โฆษกพันธมิตรฯ ซัด “สุเทพ” จินตนาการเกินเหตุ ม็อบจะบุกยึดทำเนียบ ยันยังไม่เคลื่อนไหวจนกว่าจะมีมติ กก.รวมพลังปกป้องแผ่นดิน ลั่นจะไปไหนก็เอาผิดไม่ได้ ซัดรัฐใช้ พ.ร.บ.มั่นคงเผด็จการเหนือรัฐธรรมนูญ ยันแนวทาง “ประวิตร” หยุดยั้งเขมรรุกไม่ได้ จี้รัฐประกาศต่อชาวโลกเขมรขนอาวุธเข้าปราสาทพระวิหาร ทำร้ายราษฎรไทย ยันยูเอ็นไม่มีสิทธิจุ้นพิพาท
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง อ้างว่าออก พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะพันธมิตรฯ จะบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภานั้น ล้วนเป็นจินตนาการของนายสุเทพ เพียงคนเดียว ดังนั้นการใช้จินตนาการในการอ้างเพื่อประกาศใช้กฎหมายจึงไม่ถูกต้อง โดยพันธมิตรฯ ยืนยันว่าขณะนี้เรายังไม่เคลื่อนไหวใดๆ จนกว่าจะมีมติจากคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน รัฐบาลจึงมาอ้างไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวที่ไหนนั้น รัฐบาลก็ไม่สามารถเอาผิดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการปกป้องดินแดนอธิปไตยตามหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ การประกาศกฎหมายที่จำกัดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ใช้กฎหมายความมั่นคง เราจะฟ้องต่อศาลปกครองให้ทั้งคณะรัฐมนตรีรับผิดชอบ
“จินตนาการของนายสุเทพ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสลายและยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ เสมือนกับรัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเป็นกฎหมายเผด็จการเหนือกว่ารัฐธรรมนูญ เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญให้สิทธิประชาชนในการชุมนุมและปกป้องประเทศ หากเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นประชาธิปไตย กลายเป็นประเทศที่ใช้กฎหมายเผด็จการพร่ำเพรื่อ” นายปานเทพกล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาระบุถึงแนวนโยบายให้กองทัพใน 3 เรื่อง คือ 1.ไม่รุกรานใคร และต้องรักษาอธิปไตย 2.ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนตามแนวชายแดน และ 3.ยึดมั่นในกฎบัตรระหว่างประเทศ และ MOU 2543 นั้น โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า การประกาศแนวปฏิบัติดังกล่าวไม่ข้อใดที่กล่าวการหยุดยั้งและทวงคืนดินแดนที่เป็นฐานทัพของทหารกัมพูชาใช้ทำร้ายประชาชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่มีใครยึด MOU 2543 แล้ว มีการใช้อาวุธสงครามยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง การที่รัฐบาลไทยยังยึด MOU 2543 ฝ่ายเดียวเช่นนี้จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะห้ามกองทัพใช้กำลัง ต้องใช้วิธีเจรจาเพียงอย่างเดียว ทำให้เราต้องตกอยู่ในวังวนเดิมที่ทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.เป็นต้นมา ที่ MOU 2543 เปิดทางให้กัมพูชามาตั้งฐานทัพในแดนไทย ทั้งที่วัดแก้วสิกขาฯ ภูมะเขือ รวมถึงปราสาทพระวิหาร เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลต้องประกาศต่อชาวโลกว่า บัดนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ซ่องสุมกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาเพื่อทำร้ายราษฎรไทย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการจัดการกับพื้นที่ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุดเริ่มต้นด้วยการทำลายถนนเส้นทางลำเลียงอาวุธที่มาใช้ทำร้ายราษฎรไทย สิ่งนี้คือการแก้ปัญหาที่ตรงจุด รวมทั้งมาตรการปิดพรมแดนก็ยังไม่มีการนำมาใช้ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเพราะบุคคลระดับนโยบายเกรงจะสูญเสียประโยชน์ที่มีร่วมกับกัมพูชา
นายปานเทพกล่าวด้วยว่า การที่นายกฯ ฮุนเซนของกัมพูชาไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ โดยระบุว่าเนื้อหาในการปราศรัยโจมตีกัมพูชามากกว่ารัฐบาลไทยนั้นว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่นายกฯ ฮุนเซนจะไม่พอใจพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯไม่ได้ก้มหัวให้กัมพูชาเหมือนรัฐบาลไทย และการที่มองว่าพันธมิตรฯ รู้เห็นกับรัฐบาลก็ไม่เป็นความจริง เพราะจะเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลออก พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อหวังสกัดกั้นการชุมนุม และเอาใจนายกฯ ฮุนเซน ส่วนที่กัมพูชาพยายามยกระดับปัญหาโดยให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนั้น เป็นความพยายามที่ทำมาแล้วกว่า 50 ปีมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งในครั้งนี้ UN ก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ เพราะเป็นความขัดแย้งระดับทวิภาคี ไม่เกี่ยวกับระดับภูมิภาค สิ่งที่ UN มีส่วนร่วมได้มากที่สุด คือเข้าร่วมรับฟังการเจรจาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใดๆได้
ทั้งนี้ บรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งเป็นวันที่ 15 โดยบรรยากาศยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีผู้ปราศรัยสลับขึ้นเวทีอย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาการปราศรัยส่วนใหญ่พูดถึงเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดน รวมทั้งแนวนโยบายของรัฐบาล ขณะที่การรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล พร้อมโล่ กระบอง เข้าประจำการทั้งในและนอกทำเนียบฯ เช่นเดียวกับทุกวัน