xs
xsm
sm
md
lg

พธม.จ่อฟ้องศาลปกครองถอน พ.ร.บ.มั่นคง ซัดรัฐใช้หวังปกป้องอำนาจตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษกชุมนุมฯ ยันม็อบจี้รัฐปกป้องอธิปไตย ไม่เข้าข่ายใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ต่างจากพวกแดง จ่อยื่นศาลปกครองร้องถอน พร้อมฟ้องฟัน ไล่ไปประกาศแถวพระวิหาร ซัดแค่รักษาความมั่นคงของตัวเอง ปูดรัฐจัดฉากหาม็อบต้านพันธมิตรฯ แจกของที่ศรีสะเกษ ฉะรัฐผิดพลาดไม่ไล่เขมรแต่ใส่ร้ายม็อบแทน แนะ ทอ.บินทิ้งบอมบ์ถนนเขมรในแดนไทย ยันต้องตอบโต้ก่อนเจรจา


วันนี้ (8 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เป้าหมายใหญ่อยู่การรวมพลังเพื่อปกป้องแผ่นดิน โดยให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยดินแดนของชาติ และรักษาประโยชน์คุ้มครองสิทธิของประชาชนจากการรุกรานของกัมพูชาเป็นหลัก โดยมุ่งให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน ไม่ได้ต้องการเห็นความวุ่นวายหรือสร้างความเดือดร้อนเหมือนกับกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ ที่ผ่านมา ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำหน้าที่อย่างไร การที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในวันที่ 9-23 ก.พ.นั้น รัฐบาลต้องคำนึงถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยสงบ ปราศจากอาวุธ และมีวัตุประสงค์เพื่อประโยชน์ของชาติ ซึ่งไม่เข้าองค์ประกอบการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง เนื่องจากกฎหมายนี้ระบุว่าจะใช้ก็ต่อเมื่อมีภัยต่อความมั่นคงต่อรัฐ และมีการทำลายชีวิตทรัพย์สินของรัฐ ต่างจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีพฤติกรรมบุกยึดรัฐสภา สถานีโทรทัศน์ และบุกเผาสถานที่ต่างๆ ถ้าเป็นเช่นนี้เข้าองค์ประกอบ และที่รัฐบาลระบุว่าประกาศใช้กฎหมายเพื่อห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้ ก็ยังไม่มีเหตุเกิดขึ้น ครั้งก่อนที่รัฐบาลประกาศเนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงบุกยึดรัฐสภา พร้อมยึดอาวุธจากเจ้าหน้าที่ หากเกิดขึ้นเช่นนนี้แล้วก็สมควรที่จะประกาศ

นายประพันธ์ยังกล่าวด้วยว่า หากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแล้ว พันธมิตรฯ จะเดินหน้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ถอนการประกาศใช้ รวมทั้งยื่นคำฟ้องดำเนินคดีฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการประกาศใช้โดยไม่เข้าองค์ประกอบ รัฐบาลควรประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ที่มีการปะทะ ทั้งบริเวณภูมะเขือ และวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่มีกัมพูชาเข้าไปตั้งกองกำลังอาวุธ เพราะเป็นการกระทำอันกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ

“กฎหมายระบุชัดว่า ให้ใช้กรณีความมั่นคงของชาติ และต้องเกิดเหตุการณ์เสียก่อน แต่การที่รัฐบาลประกาศใช้กับพันธมิตรฯ เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงในตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพเอง ดังนั้นอย่านำความมั่นคงของตัวเองมาแทนความมั่นคงของชาติ และการประกาศใช้กฎหมายนี้เข้าข่ายมีความผิดกฎหมาย” นายประพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ พันธมิตรฯ โดยคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินจะจัดขบวนคาราวานเพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นไปมอบให้ทหารและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองไทยที่ต้องการสนับสนุนการทำหน้าที่ของทหาร และช่วยเหลือผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีความพยายามจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่เคลื่อนไหวต่อต้านพันธมิตรฯ ซึ่งไม่มีความจริงแต่อย่างใด ไม่ต่างจากการจัดฉากให้ชาวบ้านมาอ้างว่าอยู่บ้านหนองจาน แล้วปรักปรำนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์

นายประพันธ์ยังได้กล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลในการที่ไม่กดดันหรือผลักดันทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทย ปล่อยให้มาตั้งฐานทัพยิงถล่มใส่ประชาชน รัฐบาลจงใจที่จะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ทั้งยังบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายพันธมิตรฯ ว่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องมีการจัดเวรยามเฝ้าหมู่บ้าน ทั้งที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการยิงปืนใหญ่จากกัมพูชา ดังนั้น การจัดฉากให้มีคนเฝ้ายามนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย การป้องกันจริงๆ ต้องให้รัฐบาลทำทุกวิถีทางไม่ให้กัมพูชาสามารถยิงใส่ประชาชนได้ กลับไม่มีมาตรการทางทหาร การใช้กำลังทางอากาศกดดันแต่อย่างใด ปล่อยให้ชาวบ้านรับเคราะห์ แล้วให้ชาวบ้านหนีออกจากแผ่นดินไทยมาค่ายผู้ลี้ภัยในแผ่นดินไทยเอง เป็นเรื่องน่าตลกมาก

“ความจริงแล้วประชาชนไทยไม่ควรต้องออกจากหมู่บ้านของตัวเอง หากรัฐบาลและทหารไทยมีมาตรการทางการทหาร และใช้กำลังทางอากาศในการหยุดยั้งไม่ให้กัมพูชายิงเข้าใส่วัด โรงเรียน หมู่บ้าน และราษฎรไทย” นายประพันธ์กล่าว

โฆษกการชุมนุมฯ ยังเสนอให้ให้กองทัพบกประสานกับกองทัพอากาศให้นำเครื่องบินทิ้งระเบิด เพื่อทำลายถนนเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์หรือถล่มฐานทัพกัมพูชาที่ตั้งในแผ่นดินไทย จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และจะสามารถหยุดยั้งไม่ให้ทหารกัมพูชามาทำร้ายประชาชนไทยได้ ถ้าทำได้การทำร้ายราษฎรไทยของกัมพูชาก็คงจะจบ เหมือนสมรภูมิร่มเกล้าที่มีการรบยาวนานกับฝ่ายลาว แต่เมื่อกองทัพอากาศไทยทิ้งระเบิดลงพื้นที่ ก็เปิดให้มีการเจรจาเกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่พันธมิตรฯ ไม่ต้องการเจรจา แต่ต้องมีการตอบโต้เสียก่อน เพื่อนำไปสู่การเจรจา หรือหากการตอบโต้แล้วทำให้ปราสาทพระวิหารเสียหาย ก็ต้องให้เป็นไป เพราะถึงอย่างไรก็เป็นซากปราสาทอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนยังขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไม่มีการทำลายถนนที่เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธของกัมพูชานั้น เนื่องจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่เกรงว่าจะกระทบต่อเส้นทางในการขนสินค้าที่มีผลประโยชน์ร่วมกับทางกัมพูชา รวมทั้งการที่พยายามสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เพื่ออ้างให้อพยพมาตั้งศูนย์ลี้ภัยนั้นเป็นความพยายามในการหากินกับความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อหาช่องทางในการทุจริตงบประมาณในการตั้งศูนย์อพยพใช่หรือไม่

กำลังโหลดความคิดเห็น