xs
xsm
sm
md
lg

“การุณ” ประณาม รบ.ขวาง “วีระ-ราตรี” ขออภัยโทษกลางเวทีวุฒิฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การุณ ใสงาม
เครือข่ายคนไทยฯ แจง กก.ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ประณามความเลวร้ายทางการไทย กลั่นแกล้งจับมือกัมพูชาจับกุม “วีระ-ราตรี” อีกทั้งไม่ปกป้องอธิปไตยไทย สั่งทูตสกัดพบผู้ถูกจำคุก หวังบีบขออภัยโทษ ด้าน กมธ.วุฒิฯ รับเป็นหน้าเสื่อช่วยเจรจา 2 ประเทศ เพื่อเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการขอพระราชอภัยโทษ เตรียมเชิญ “จำลอง-ไชยวัฒน์-บช.น.” ให้ข้อมูลการชุมนุมสัปดาห์หน้า

วันนี้ (17 มี.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ซึ่งมี นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน ได้มีการประชุมในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกดำเนินคดีและคุมขังอยู่ที่เรือนจำประเทศกัมพูชา โดยได้เชิญ นายการุณ ใสงาม กรรมการเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุม โดย นายการุณ ได้เปิดเผยว่า จากที่ได้ศึกษาข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจสอบเขตแดนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้พบว่านอกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ที่มีกองกำลังติดอาวุธกัมพูชายึดครองพื้นที่อยู่นั้น ยังมีปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในเขต จ.สุรินทร์ ก็ถูกยึดครองโดยกัมพูชาอยู่เช่นกัน กองกำลังไทยไม่สามารถเข้าไปได้ รวมไปถึงเขตป่าสงวนตามแนวชายแดนก็กลายเป็นของกัมพูชาแล้ว โดย ตน และนายวีระ ได้เคยพยายามนำมวลชนเข้าไปเพื่อตรวจสอบเส้นแบ่งเขตแดนในพื้นที่ อ.นางรอง อ.บุรีรัมย์ กลับถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ฐานรุกล้ำเขตป่าสงวน แสดงให้เห็นความเลวร้ายของทางการไทย ที่ไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดน ทั้งยังจ้องขัดขวางประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินที่ต้องพิสูจน์เขตแดนอีกด้วย

“แนวคิดในการต่อสู้เรื่องเขตแดนระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาต่างกันโดยสิ้นเชิง ฝ่ายไทยที่มีภาคประชาชนช่วยดูแลตรวจสอบ แทนที่จะดูแล แต่จับกุมเอาผิดเรื่อยมา ต่างจากฝ่ายกัมพูชา ที่ นายฮุนเซน ส่งเจ้าหน้าที่ ทหาร ชุมชน วัด และชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่ พร้อมออกหลักฐานการถือครองพื้นที่ให้ด้วย” นายการุณ กล่าว

ระหว่างการประชุม นายการุณ ยังได้นำแผนที่บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และข้อมูลต่างๆ มาแสดงเพื่อชี้ให้เห็นว่า คณะ 7 คนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 นั้นยังอยู่ดินแดนประเทศไทย พร้อมกล่าวด้วยว่า การต่อสู้เรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุทำให้ทางการกัมพูชาต้องการจับกุมนายวีระ ซ้ำร้ายหลังจากที่คณะ 7 คนไทยถูกจับกุม ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลไทย ทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคนไทยได้รุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาแล้ว ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารหลักฐานของชาวไทยชัดเจน การที่ฝ่ายบริหารระดับสูงออกมาระบุเช่นนี้ เหมือนเป็นการเบิกความเป็นพยานฝ่ายโจทก์ให้กับทางการกัมพูชา ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่กล้าที่จะยืนยันว่า จุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้นเป็นแผ่นดินไทย เพราะหากพูดเช่นนี้ก็ต้องปลด นายสุเทพ นายกษิต และ พล.อ.ประวิตร ออกจากตำแหน่ง

นายการุณ ได้เล่าถึงการดำเนินการช่วยเหลือ นายวีระ และ น.ส.ราตรี ด้วยว่า มีอุปสรรคในขั้นตอนมากมาย โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไม่ให้การช่วยเหลือ เพราะแนวทางยอมจำนนต่อกัมพูชา โดยหลังจากที่ศาลกัมพูชาพิพากษาตนได้พยายามนำเอกสารขออุทธรณ์ เพื่อให้นายวีระ ลงนาม แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากทางการไทย โดยเฉพาะทูตไทยประจำกัมพูชาที่กีดกันไม่ได้คณะของตนได้เข้าพบนายวีระเลย เพราะรัฐบาลต้องการบีบให้ทั้งคู่ขออภัยโทษ จนในวันที่ 1 มี.ค.53 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นอุทธรณ์ ตนจึงตัดสินใจลงนามในเอกสารแทน ในฐานะที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ราตรี ซึ่งศาลกัมพูชาก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว

ทั้งนี้ นายการุณ ยังได้กล่าวถึงการตัดสินของศาลกัมพูชาอีกด้วยว่า ในวันที่ตัดสินนั้น ศาลใช้เวลาในการไต่สวนเพียง 30 นาที ก็อ่านคำพิพากษาทันที เหมือนเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยคัดลอกสำนวนคำพิพากษามาจากกรณี นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกตัดสินในข้อหาจารกรรมเช่นกัน เนื่องจากตนมองว่า หากศาลตัดสินนายวีระ และ น.ส.ราตรี ในข้อหารุกล้ำดินแดนและจารกรรมนั้น ต้องพิพากษาเต็มลงโทษ 15 ปีตามกฎหมาย แต่ในการอ่านคำพิพากษากลับอ่านสลับไปมาระหว่างกรณี นายวีระ และ น.ส.ราตรี และมีบทลงโทษเพียง 6 และ 8 ปีนั้น คล้ายกับกรณีของ นายศิวรักษ์ อย่างชัดเจน

ขณะที่คณะกรรมการส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวทางเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาตินั้น มีแนวทางที่ต้องการความรุนแรงให้เกิดสงครามกับกัมพูชา และมีพฤติกรรมยั่วยุให้เกิดวามไม่เข้าใจระหว่างประเทศ ในการลงพื้นที่ที่มีปัญหาข้อพิพาท รวมทั้งสอบถามถึงกำหนดระยะเวลาในการชุมนุมของเครือข่ายด้วย

ด้าน นายการุณ ชี้แจงว่า ตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า พวกเรากระหายเลือดหรือใฝ่สงคราม ยืนยันว่าเรามีแนวทางสันติวิธี เพียงการเคลื่อนไหวต่างๆ นั้น เพื่อต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า พื้นที่เหล่านั้นเป็นดินแดนของไทย เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการช่วยพี่น้องคนไทยทั้ง 7 คนของเรา เพราะแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้องและรวดเร็ว ที่สุด ก็คือ การยืนยันว่า จุดที่จับกุม 7 คนไทยนั้น เป็นแผ่นดินไทย อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชนไปเคลื่อนไหวนั้น ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้เท่าที่ควร จึงต้องเป็นหน้าที่รัฐบาล ภาคประชาชนจึงจำเป็นต้องออกมากดดันผลักดันให้รัฐบาลทำหน้าที่ มาถึงวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำ ไม่แก้ปัญหาเรื่องเขตแดน พยายามตอบเลี่ยงไปมา ยืนยันเพียงว่าปะเทศไทยยังไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

“เมื่อรัฐบาลนี้ไม่ทำ ประชาชนก็ต้องแสวงหารัฐบาลที่ทำได้ โดยเห็นว่า ถึงมีการเลือกตั้งก็วนเวียนอยู่ในหมู่นักการเมือง ผู้ที่ชนะเลือกตั้งมาก็ไม่ทำตามที่ประชาชนเสนอ ปัญหาก็คาราคาซังต่อไป จึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุมเมื่อไหร่” นายการุณ กล่าว

ขณะที่ นายจิตติพจน์ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุม ว่า จากที่ได้รับฟังข้อมูลจากนายการุณ ทำให้สามารถสรุปแนวทางการช่วยเหลือ นายวีระ และ น.ส.ราตรี ได้ 2 แนวทาง คือ การเจรจาระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศ เพื่อนำไปสู่กระบวนการขอพระราชอภัยโทษ หรืออีกทางคือ ต่อสู้ในกระบวนการตุลาการกัมพูชาต่อไป ซึ่งถึงขณะนี้อาจจะช้าเกินไป และทำให้ยากลำบากในการต่อสู้ทางคดี เพราะการที่นายการุณ ยังยืนยันว่า ศาลกัมพูชารับคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว และต้องการต่อสู้ว่าคณะคนไทยยังไม่รุกล้ำดินแดนกัมพูชานั้น ก็ทำได้ยาก เนื่องจากอีก 5 คนไทยก่อนหน้าได้สารภาพรับผิดไปแล้ว การที่จะนำหลักฐานใหม่ยื่นให้ศาลพิจารณาในชั้นอุทธรณ์นั้นก็ทำได้ยาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมวันนี้ ทางคณะกรรมการได้เชิญ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุม แต่ พล.ต.จำลอง ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งในการประชุมสัปดาห์หน้าคณะกรรมการจะเชิญ พล.ต.จำลอง รวมไปถึง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรรมการเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุม และในส่วนการดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น