พรรคฝ่ายค้านเพื่อไทย ยังหันรีหันขวางอยู่ว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อใด หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่า หัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจเที่ยวนี้คือ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ มิใช่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้คือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งระเหระหนหนีคุกไทยอยู่ต่างแดน
แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2554 อภิปรายต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และกำลังจะเข้าสัปดาห์ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นการอภิปรายนอกสภาให้ประชาชนที่ชุมนุมกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และประชาชนที่นั่งชมเอเอสทีวี ฟังกันทั่วโลก ระหว่างการอภิปรายไม่มี องครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์คอยยกมือประท้วงให้เสียจังหวะ ผู้อภิปรายไม่ถูกขัดจังหวะ ไม่มีเสียสมาธิ การอภิปรายรื่นไหลเป็นอย่างดี
การอภิปรายมีหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบข่าว ตั้งวงเสวนา ปาฐกถา มีเพลง ดนตรีสลับ เนื้อหาของความบันเทิงเริงรมย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่อย่างใด ซ้ำจะดุเด็ดเผ็ดมันกว่าการอภิปรายในสภาเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่มีองครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์คอยขัดจังหวะ ไม่มีข้อบังคับการประชุม มีเพียงข้อกำหนดของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำการชุมนุมห้ามพูดคำหยาบ (ถ้าหากเผลอไผลไปบ้างก็ขอโทษ พลตรีจำลอง)
ผู้ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แก่ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์
มีผู้ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแต่ถูกอภิปรายอย่างหนักหน่วงรุนแรงคนหนึ่งคือ นายศิริโชค โสภา ซึ่งว่าไปแล้วก็สมควรอยู่ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุที่คนไทย 7 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียวกับนายศิริโชค พยายามค้นหาหลักฐานเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจุดที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นดินแดนกัมพูชา ที่ดินท้ายบ้านหนองจาน ซึ่งเคยถูกตั้งเป็นค่ายเขมรอพยพหนองจานเป็นดินแดนของกัมพูชา นายศิริโชคไม่สนใจพยานหลักฐานที่เป็น นส. 3 สค. 1 ที่ออกโดยรัฐบาลไทยให้กับชาวบ้านหนองจาน ไม่สนใจคำยืนยันของอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคง นาวาตรีประสงค์ สุ่นศิริ แต่อย่างใด
ซึ่งแน่ละทั้งหลายทั้งปวงของนายศิริโชคไม่อาจจะมองเป็นอื่นได้ นอกจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับรู้ รับทราบ และเข้าใจดี
ที่สำคัญคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกษิต ภิรมย์ และนายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี เท่ากับเราประเคนดินแดนไทยส่วนนี้ให้กัมพูชา และผลักคนไทยทั้ง 7 คนให้เข้าคุกกัมพูชา
ซึ่งก็ประสบความสำเร็จจริงๆ 2 คนคือ นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี ต้องสังเวยความหน้าด้านใจดำไป 8 ปีและ 6 ปีตามลำดับ
ซึ่งก็อาจจะสะใจนายอภิสิทธิ์ และชนชั้นปกครองอื่นๆ อย่างที่ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาย้ำแล้วย้ำอีก
การอภิปรายนอกสภาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แรกๆ รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไรหรอกครับ เพราะเชื่อว่าการอยู่หรือไปของรัฐบาลอยู่ที่เสียงสนับสนุนในสภา ตราบที่พวกเขายังสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันได้อยู่อย่างลงตัวกับพรรคร่วมรัฐบาล เสถียรภาพรัฐบาลก็ยังมั่นคงดี นั่นประการหนึ่ง การที่มีผู้มาร่วมชุมนุมไม่มากนัก โดยที่รัฐบาลเชื่อว่ากำลังหลักของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาจากภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกน พรรคประชาธิปัตย์ก็มั่นใจว่า บรรรดาแม่ยกทั้งหลายไม่เล่นด้วยแน่ๆ หรือถึงจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ ก็แต่เพียงส่วนน้อย นั่นก็เป็นอีกประการหนึ่ง
แต่ที่ไหนได้ เจอการอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ชื่อว่า มีความสันทัดจัดเจนในการพูด การอภิปราย มีความสามารถบนโพเดี้ยมชนิดหาตัวจับยากก็ไปไม่เป็น พลิ้วไม่ออก นอกจากบอกว่า ข้อมูลไม่ตรงกัน เข้าใจกันคนละอย่าง หรือไม่ก็อ้อมๆ แอ้มๆ เอาตัวรอดไปวันๆ
คราวนี้รอดลำบาก ผู้อภิปรายนำพยานหลักฐานต่างๆ มาเปลือยนายอภิสิทธิ์อย่างล่อนจ้อน เป็นต้น เก็บเอาคำพูด ทั้งกิริยาท่าทางที่นายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายในสภาสมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านให้รัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน แม้หนึ่งเสียงก็มีความหมาย และให้นักการเมืองใช้มาตรฐานสูงกว่ากฎหมาย มาวันนี้มีคนออกมาที่ถนนเรือนพันเรือนหมื่น นายอภิสิทธิ์กลับไม่สนใจ
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กลับออก พ.ร.ก.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมการชุมนุม นายอภิสิทธิ์เป็นห่วงการจราจรของคนกรุงเทพฯ แต่ไม่เป็นห่วงดินแดนไทย 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารที่ถูกกัมพูชายึดครองและประกาศว่าเป็นดินแดนของกัมพูชาไปแล้ว
ทั้งที่ชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย ทั้งที่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอง ทั้งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันหนักแน่นว่าที่ตรงนั้นเป็นของไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบรรดาชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลายเมื่อเป็นฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่าที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย พวกเขาถามรัฐบาลนายสมัครว่า มัวทำอะไรอยู่ จำไม่ได้หรือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเคยล้อมรั้วไปถึงตีนบันไดพระวิหาร
มาวันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยย้อนถามไปว่า พ.ร.ก.ความมั่นคงฯ นั้น เพื่อความมั่นคงของใคร ของนายกรัฐมนตรี ของรัฐบาล หรือของชาติกันแน่?
ต้องการช่องทางจราจร 2 เลนเพราะเห็นความสำคัญของช่องทางจราจรมากกว่าดินแดนของประเทศหรืออย่างไร?
เคยมีนายกรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนอกสภาถ่ายทอดวิทยุ เคเบิลทีวี อินเทอร์เน็ต ไปทั่วโลก อย่างที่นายอภิสิทธิ์โดนอยู่ขณะนี้ก็นายสมัคร นายสมชาย ทั้งสองนายกรัฐมนตรี ไม่รอดหรอกครับ
ถ้าหากรายนี้รอด ก็ต้องบอกว่า นับถือ นับถือ นับถือ จริงๆ
แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2554 อภิปรายต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และกำลังจะเข้าสัปดาห์ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นการอภิปรายนอกสภาให้ประชาชนที่ชุมนุมกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และประชาชนที่นั่งชมเอเอสทีวี ฟังกันทั่วโลก ระหว่างการอภิปรายไม่มี องครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์คอยยกมือประท้วงให้เสียจังหวะ ผู้อภิปรายไม่ถูกขัดจังหวะ ไม่มีเสียสมาธิ การอภิปรายรื่นไหลเป็นอย่างดี
การอภิปรายมีหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบข่าว ตั้งวงเสวนา ปาฐกถา มีเพลง ดนตรีสลับ เนื้อหาของความบันเทิงเริงรมย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่อย่างใด ซ้ำจะดุเด็ดเผ็ดมันกว่าการอภิปรายในสภาเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่มีองครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์คอยขัดจังหวะ ไม่มีข้อบังคับการประชุม มีเพียงข้อกำหนดของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำการชุมนุมห้ามพูดคำหยาบ (ถ้าหากเผลอไผลไปบ้างก็ขอโทษ พลตรีจำลอง)
ผู้ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แก่ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์
มีผู้ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแต่ถูกอภิปรายอย่างหนักหน่วงรุนแรงคนหนึ่งคือ นายศิริโชค โสภา ซึ่งว่าไปแล้วก็สมควรอยู่ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุที่คนไทย 7 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียวกับนายศิริโชค พยายามค้นหาหลักฐานเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจุดที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นดินแดนกัมพูชา ที่ดินท้ายบ้านหนองจาน ซึ่งเคยถูกตั้งเป็นค่ายเขมรอพยพหนองจานเป็นดินแดนของกัมพูชา นายศิริโชคไม่สนใจพยานหลักฐานที่เป็น นส. 3 สค. 1 ที่ออกโดยรัฐบาลไทยให้กับชาวบ้านหนองจาน ไม่สนใจคำยืนยันของอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคง นาวาตรีประสงค์ สุ่นศิริ แต่อย่างใด
ซึ่งแน่ละทั้งหลายทั้งปวงของนายศิริโชคไม่อาจจะมองเป็นอื่นได้ นอกจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับรู้ รับทราบ และเข้าใจดี
ที่สำคัญคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกษิต ภิรมย์ และนายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี เท่ากับเราประเคนดินแดนไทยส่วนนี้ให้กัมพูชา และผลักคนไทยทั้ง 7 คนให้เข้าคุกกัมพูชา
ซึ่งก็ประสบความสำเร็จจริงๆ 2 คนคือ นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี ต้องสังเวยความหน้าด้านใจดำไป 8 ปีและ 6 ปีตามลำดับ
ซึ่งก็อาจจะสะใจนายอภิสิทธิ์ และชนชั้นปกครองอื่นๆ อย่างที่ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาย้ำแล้วย้ำอีก
การอภิปรายนอกสภาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แรกๆ รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไรหรอกครับ เพราะเชื่อว่าการอยู่หรือไปของรัฐบาลอยู่ที่เสียงสนับสนุนในสภา ตราบที่พวกเขายังสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันได้อยู่อย่างลงตัวกับพรรคร่วมรัฐบาล เสถียรภาพรัฐบาลก็ยังมั่นคงดี นั่นประการหนึ่ง การที่มีผู้มาร่วมชุมนุมไม่มากนัก โดยที่รัฐบาลเชื่อว่ากำลังหลักของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาจากภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกน พรรคประชาธิปัตย์ก็มั่นใจว่า บรรรดาแม่ยกทั้งหลายไม่เล่นด้วยแน่ๆ หรือถึงจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ ก็แต่เพียงส่วนน้อย นั่นก็เป็นอีกประการหนึ่ง
แต่ที่ไหนได้ เจอการอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ชื่อว่า มีความสันทัดจัดเจนในการพูด การอภิปราย มีความสามารถบนโพเดี้ยมชนิดหาตัวจับยากก็ไปไม่เป็น พลิ้วไม่ออก นอกจากบอกว่า ข้อมูลไม่ตรงกัน เข้าใจกันคนละอย่าง หรือไม่ก็อ้อมๆ แอ้มๆ เอาตัวรอดไปวันๆ
คราวนี้รอดลำบาก ผู้อภิปรายนำพยานหลักฐานต่างๆ มาเปลือยนายอภิสิทธิ์อย่างล่อนจ้อน เป็นต้น เก็บเอาคำพูด ทั้งกิริยาท่าทางที่นายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายในสภาสมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านให้รัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน แม้หนึ่งเสียงก็มีความหมาย และให้นักการเมืองใช้มาตรฐานสูงกว่ากฎหมาย มาวันนี้มีคนออกมาที่ถนนเรือนพันเรือนหมื่น นายอภิสิทธิ์กลับไม่สนใจ
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กลับออก พ.ร.ก.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมการชุมนุม นายอภิสิทธิ์เป็นห่วงการจราจรของคนกรุงเทพฯ แต่ไม่เป็นห่วงดินแดนไทย 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารที่ถูกกัมพูชายึดครองและประกาศว่าเป็นดินแดนของกัมพูชาไปแล้ว
ทั้งที่ชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย ทั้งที่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอง ทั้งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันหนักแน่นว่าที่ตรงนั้นเป็นของไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบรรดาชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลายเมื่อเป็นฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่าที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย พวกเขาถามรัฐบาลนายสมัครว่า มัวทำอะไรอยู่ จำไม่ได้หรือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเคยล้อมรั้วไปถึงตีนบันไดพระวิหาร
มาวันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยย้อนถามไปว่า พ.ร.ก.ความมั่นคงฯ นั้น เพื่อความมั่นคงของใคร ของนายกรัฐมนตรี ของรัฐบาล หรือของชาติกันแน่?
ต้องการช่องทางจราจร 2 เลนเพราะเห็นความสำคัญของช่องทางจราจรมากกว่าดินแดนของประเทศหรืออย่างไร?
เคยมีนายกรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนอกสภาถ่ายทอดวิทยุ เคเบิลทีวี อินเทอร์เน็ต ไปทั่วโลก อย่างที่นายอภิสิทธิ์โดนอยู่ขณะนี้ก็นายสมัคร นายสมชาย ทั้งสองนายกรัฐมนตรี ไม่รอดหรอกครับ
ถ้าหากรายนี้รอด ก็ต้องบอกว่า นับถือ นับถือ นับถือ จริงๆ