หลังจากที่คนไทย 5 ใน 7 คนกลับถึงประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ชี้แจงให้ประชาชนคนไทยได้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29ธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่คนไทย 7 คนถูกจับที่ชายแดนไทย-กัมพูชาไปขึ้นศาลพนมเปญ กัมพูชา
ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 9 เดือน ปรับอีกเกือบหมื่นบาท จำคุกมาแล้ว 1 เดือน โทษที่เหลือรอลงอาญา และมีเงื่อนไขว่า อย่าได้ทำผิดอีก
2 คนที่เหลือคือ นายวีระ สมความคิด ยังอยู่ในคุก ส่วนนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ได้รับการประกันตัวแล้ว ก็ต้องอยู่ในกรุงพนมเปญต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือ 2 คนไทยที่เหลือต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นสำคัญที่ว่า 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับที่ไหน ว่า คณะของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์เดินทางไปถึงจุดที่ถูกจับ ว่า
1. คณะของนายพนิช ไม่ได้ถูกจับในบริเวณทุ่งนา เพราะเดินผ่านมาแล้ว 2. มีการพูดกันว่าถูกจับบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ของนายเบ ปรากฏว่า น.ส. 3 ดังกล่าวจะอยู่ที่หลักเขตที่ 46 ดังนั้นเมื่อเขาเดินมาถึงตรงนี้แล้วเลี้ยวไป จะเห็นว่าเขาไม่ได้ถูกจับในทุ่งนา และน.ส. 3 ถ้าดูในแบบนี้เหมือนเขากำลังเดินลึกเข้ามาในเขตของไทย
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามเจรจากับกัมพูชาว่า เหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่างเขตแดนที่ยังไม่เป็นที่ยุติ เป็นไปได้ไหมที่จะมีการส่งคืนตัวบุคคล อย่าไปขึ้นศาลอะไรทั้งสิ้น แต่ทั้ง 7 คนก็ถูกนำตัวไป รุ่งขึ้นก็ได้เรียกประชุมหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เดินทางไปกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาบอกว่าทั้ง 7 คนล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา พร้อมทั้งให้วิดีโอที่ถ่ายโดยคนไทย เราได้นำวิดีโอมาตรวจสอบ จากนั้นวันที่ 31 ธันวาคม ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อให้ กัมพูชาชี้จุดว่าจับกุมตรงไหน ขอให้วัดพิกัด พบว่า ไม่ว่าจะเป็นจุดน้ำเงินหรือจุดสีแดง เมื่อทาบลงตรงเส้นตรงระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47 ปรากฏว่าอยู่ฝั่งทางนี้......
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงอีกว่า “ เบื้องต้นผมขอยืนยันว่าไม่มีตรงไหนที่รัฐบาลจะไปยอมรับเนื้อหาสาระของศาลที่ตัดสินคดีนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน ตรงนี้จะเป็นคำตอบว่า เราไม่ได้สูญเสียดินแดนหรืออธิปไตยแต่อย่างใด”
ฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีผ่านโทรทัศน์ อ่านซ้ำอีกทีจากหนังสือพิมพ์ ก็เกิดความรู้สึกว่า เนื้อหาสาระทั้งหมดนี้นายกรัฐมนตรีควรที่จะเรียกรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ มาฟังคำชี้แจง ให้ตระหนักในข้อเท็จจริงดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายกรัฐมนตรีสมควรเบิร์ดกะโหลก หรือตบบ้องหูนายศิริโชค โสภา วอลล์เปเปอร์ ที่พยายามทำตัวเป็นทนายหน้าหอให้กัมพูชา ให้ผู้คนทั้งหลายเชื่อว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา แม้ค่ายอพยพบ้านหนองจาน นายศิริโชคก็พยายามหาหลักฐานยืนยันว่าเป็นของกัมพูชา
เพื่อที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ดี วอลล์เปปอร์ของนายกรัฐมนตรีจะเข้าใจ และพูดในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับ 7 คนไทยที่ถูกจับไป และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทย และประเทศไทยของเราบ้าง เพราะสิ่งที่นายสุเทพ พลเอกประวิตร นายกษิต พูดหลังจากที่คนไทยทั้ง 7 ถูกกัมพูชาจับเพียงไม่กี่นาที คนเหล่านี้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ทำให้ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจว่าทั้ง 7 คน บ้าคลั่งชาติ สร้างความวุ่นวาย รักชาติจนป่วน ฯลฯ
แทบจะไม่มีใครมองใครคิดว่าทั้ง 7 คนไปแสวงหาข้อเท็จจริง ทนไม่ได้กับความไม่ถูกต้องที่เห็นคนไทยถือเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 แต่เข้าไปทำกินไม่ได้ ร้องเรียนมาเป็นสิบปี ร้องเรียนมาแล้วหลายรัฐบาล ก็เพิกเฉยละเลย
แทบจะไม่มีใครมองว่าคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายให้คนไทยทั้งหลายได้คิดถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พูดกันมายาวนานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า มีหลายจุดที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามายึดครองแผ่นดินของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบปราสาทพระวิหาร
รัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ตอนที่เป็นฝ่ายค้านอภิปรายถล่มรัฐบาลนายสมัครว่าไม่ปกป้องรักษาแผ่นดิน เพราะศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาเฉพาะตัวปราสาท แผ่นดินเป็นของเรา รัฐบาลสมัครปล่อยให้เขมรรุกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบตัวปราสาทได้อย่างไร
พวกเขาพูดถึงรัฐบาลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เอาลวดหนามไปขึงไว้ตรงบันไดปราสาท
ทุกวันนี้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าสมัยรัฐบาลนายสมัครเสียอีก เพราะอาณาบริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตรมีป้ายหินอ่อนของกัมพูชาแสดงความเป็นเจ้าของ ด้วยข้อความที่ว่า จุดนี้เป็นจุดที่คนไทยเคยรุกล้ำเข้ามา ณ บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ
ท่านรองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ บอกคนไทยซิครับว่า ที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา จอมพลสฤษดิ์ เข้าใจผิด
ศิริโชค โสภา หาหลักฐานมาแสดงซิครับว่า นั่นมันแผ่นดินกัมพูชา
เอาเลยครับ จะได้รู้กัน
ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 9 เดือน ปรับอีกเกือบหมื่นบาท จำคุกมาแล้ว 1 เดือน โทษที่เหลือรอลงอาญา และมีเงื่อนไขว่า อย่าได้ทำผิดอีก
2 คนที่เหลือคือ นายวีระ สมความคิด ยังอยู่ในคุก ส่วนนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ได้รับการประกันตัวแล้ว ก็ต้องอยู่ในกรุงพนมเปญต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือ 2 คนไทยที่เหลือต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นสำคัญที่ว่า 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับที่ไหน ว่า คณะของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์เดินทางไปถึงจุดที่ถูกจับ ว่า
1. คณะของนายพนิช ไม่ได้ถูกจับในบริเวณทุ่งนา เพราะเดินผ่านมาแล้ว 2. มีการพูดกันว่าถูกจับบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ของนายเบ ปรากฏว่า น.ส. 3 ดังกล่าวจะอยู่ที่หลักเขตที่ 46 ดังนั้นเมื่อเขาเดินมาถึงตรงนี้แล้วเลี้ยวไป จะเห็นว่าเขาไม่ได้ถูกจับในทุ่งนา และน.ส. 3 ถ้าดูในแบบนี้เหมือนเขากำลังเดินลึกเข้ามาในเขตของไทย
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามเจรจากับกัมพูชาว่า เหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่างเขตแดนที่ยังไม่เป็นที่ยุติ เป็นไปได้ไหมที่จะมีการส่งคืนตัวบุคคล อย่าไปขึ้นศาลอะไรทั้งสิ้น แต่ทั้ง 7 คนก็ถูกนำตัวไป รุ่งขึ้นก็ได้เรียกประชุมหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เดินทางไปกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาบอกว่าทั้ง 7 คนล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา พร้อมทั้งให้วิดีโอที่ถ่ายโดยคนไทย เราได้นำวิดีโอมาตรวจสอบ จากนั้นวันที่ 31 ธันวาคม ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อให้ กัมพูชาชี้จุดว่าจับกุมตรงไหน ขอให้วัดพิกัด พบว่า ไม่ว่าจะเป็นจุดน้ำเงินหรือจุดสีแดง เมื่อทาบลงตรงเส้นตรงระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47 ปรากฏว่าอยู่ฝั่งทางนี้......
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงอีกว่า “ เบื้องต้นผมขอยืนยันว่าไม่มีตรงไหนที่รัฐบาลจะไปยอมรับเนื้อหาสาระของศาลที่ตัดสินคดีนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน ตรงนี้จะเป็นคำตอบว่า เราไม่ได้สูญเสียดินแดนหรืออธิปไตยแต่อย่างใด”
ฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีผ่านโทรทัศน์ อ่านซ้ำอีกทีจากหนังสือพิมพ์ ก็เกิดความรู้สึกว่า เนื้อหาสาระทั้งหมดนี้นายกรัฐมนตรีควรที่จะเรียกรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ มาฟังคำชี้แจง ให้ตระหนักในข้อเท็จจริงดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายกรัฐมนตรีสมควรเบิร์ดกะโหลก หรือตบบ้องหูนายศิริโชค โสภา วอลล์เปเปอร์ ที่พยายามทำตัวเป็นทนายหน้าหอให้กัมพูชา ให้ผู้คนทั้งหลายเชื่อว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา แม้ค่ายอพยพบ้านหนองจาน นายศิริโชคก็พยายามหาหลักฐานยืนยันว่าเป็นของกัมพูชา
เพื่อที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ดี วอลล์เปปอร์ของนายกรัฐมนตรีจะเข้าใจ และพูดในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับ 7 คนไทยที่ถูกจับไป และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทย และประเทศไทยของเราบ้าง เพราะสิ่งที่นายสุเทพ พลเอกประวิตร นายกษิต พูดหลังจากที่คนไทยทั้ง 7 ถูกกัมพูชาจับเพียงไม่กี่นาที คนเหล่านี้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ทำให้ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจว่าทั้ง 7 คน บ้าคลั่งชาติ สร้างความวุ่นวาย รักชาติจนป่วน ฯลฯ
แทบจะไม่มีใครมองใครคิดว่าทั้ง 7 คนไปแสวงหาข้อเท็จจริง ทนไม่ได้กับความไม่ถูกต้องที่เห็นคนไทยถือเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 แต่เข้าไปทำกินไม่ได้ ร้องเรียนมาเป็นสิบปี ร้องเรียนมาแล้วหลายรัฐบาล ก็เพิกเฉยละเลย
แทบจะไม่มีใครมองว่าคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายให้คนไทยทั้งหลายได้คิดถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พูดกันมายาวนานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า มีหลายจุดที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามายึดครองแผ่นดินของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบปราสาทพระวิหาร
รัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ตอนที่เป็นฝ่ายค้านอภิปรายถล่มรัฐบาลนายสมัครว่าไม่ปกป้องรักษาแผ่นดิน เพราะศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาเฉพาะตัวปราสาท แผ่นดินเป็นของเรา รัฐบาลสมัครปล่อยให้เขมรรุกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบตัวปราสาทได้อย่างไร
พวกเขาพูดถึงรัฐบาลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เอาลวดหนามไปขึงไว้ตรงบันไดปราสาท
ทุกวันนี้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าสมัยรัฐบาลนายสมัครเสียอีก เพราะอาณาบริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตรมีป้ายหินอ่อนของกัมพูชาแสดงความเป็นเจ้าของ ด้วยข้อความที่ว่า จุดนี้เป็นจุดที่คนไทยเคยรุกล้ำเข้ามา ณ บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ
ท่านรองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ บอกคนไทยซิครับว่า ที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา จอมพลสฤษดิ์ เข้าใจผิด
ศิริโชค โสภา หาหลักฐานมาแสดงซิครับว่า นั่นมันแผ่นดินกัมพูชา
เอาเลยครับ จะได้รู้กัน