“พิภพ” แนะถ้าจะเล่นงานนายกฯ ต้องเล่นเรื่องพูดเท็จ บอก “มาร์ค” มุสาแล้วยังขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ทำประเทศพัฒนาช้า เหน็บยุบสภาแล้วกลับมาอีก มีหลักประกันอะไรจะทำให้รักษาดินแดนได้ ย้ำเขตแดนทางบกสำคัญ หากเสียจะลามไปถึงเขตแดนทางทะเล เท่ากับไทยต้องแบ่งทรัพย์ยากรให้เขมรเพิ่ม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายพิภพ ธงไชย”
วันที่ 16 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตำรวจที่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาล ทำท่าว่าจะมารื้อส่วมหรือรื้อเวทีเรา ไม่รู้หรือว่าเราชุมนุมด้วยความสงบ สันติ อหิงสา มาตั้งแต่ชุมนุม 193 วัน แม้เกิดเหตุการณ์สลายชุมนุม 7 ต.ค. โดนระเบิดก็ไม่ถอย ชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิขับไล่ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีการประสานงานขอให้เปิดเราก็เปิดทางให้เครื่องบินใช้การได้ภายใน 24 ชั่วโมง แล้วจะหาว่าเราเป็นผู้ก่อการร้ายได้อย่างไร แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยกับเราในการต่อสู้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนยอมรับในจิตวิญญาณของพันธมิตรฯ พี่น้องจงภูมิใจในพลังแห่งธรรม เราจะชนะในที่สุด
นายพิภพกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า นักการเมืองไม่พูดในประเด็นสำคัญ ที่นักการเมืองทั่วโลกถือว่าสำคัญที่สุด และในทางพุทธศาสนาในศีล 5 ข้อ เป็นข้อที่สำคัญที่สุด หากผิดข้อนี้แล้วจะผิดข้ออื่นอีกตามมา คือ ไม่พูดเท็จ ถ้าจะเล่นงานนายกฯ เล่นงานเรื่องพูดเท็จ จะทำให้การอภิปรายมีเนื้อหาเข้มข้นมาก ถ้าการเมืองไทยยังไม่เอาเรื่องการพูดเท็จเป็นเรื่องไหญ่ ประเทศจะพัฒนาช้า ฝ่ายค้านไม่ได้ทำเรื่องนี้ให้ปรากฎ เพราะนักการเมืองในรัฐบาลหลายคนมุสา
“นายอภิสิทธิ์นอกจากมุสาแล้วยังไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม คือ ความกล้าหาญในสิ่งที่ควรปฏิบัติ คนที่เป็นนักการเมืองจะขาดคุณสมบัติข้อนี้ไม่ได้ เพราะมีหน้าที่เป็นผู้นำในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของประเทศให้ดำรงอยู่”
นายพิภพกล่าวอีกว่า เราเริ่มต้นด้วยต่อสู้เรื่องเขาวิหาร ปกป้องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ต่อมาเรามองเห็นว่าจะเสียพื้นที่อีกเป็นแนวยาวถึงอ่าวไทยนำไปสู่การเสียพื้นที่เพิ่มในอ่าวไทยโดยที่สุด เพราะหากเริ่มต้นผิดพลาดจากทางบก ก็จะลามสู่ทางทะเล จากที่กัมพูชาได้ 1ใน 3 ของทรัพยากรในทะเล ก็จะได้ครึ่งต่อครึ่ง
เราบอกนายอภิสิทธิ์หลายต่อหลายครั้งว่า มัวแต่ยึดแต่เอ็มโอยู 43 เป็นการดำเนินนโยบายที่ผิด ทหารถูกผูกมัด ขณะที่เขมรไม่สนใจเข้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ถือโอกาสจับ 7 คนไทย กรณีมรดกโลกก็เช่นเดียวกันเสียท่าเขมรตลอด แน่นอนทหารอินโดนีเซียฝ่ายเขมร ต้องมายืนสังเกตการณ์บนวัดแก้วซึ่งเป็นพื้นที่ของไทยด้วย ดังนั้น เราถึงบอกว่าหากนายกฯ เปลี่ยนวิธีคิดและการกระทำไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯ ยังดื้อด้านอยู่ต่ออีกทำให้เราเริ่มเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่โกงกินกันอย่างมโหฬาร
นายพิภพกล่าวว่า ตนเตือนนายอภิสิทธิ์ดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด เหมือนสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำไม่ไม่ใช้ประชาชนเป็นกำลังหลักในการต่อรองฮุนเซน แต่กลับขับไล่พวกเราไม่ให้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ นายอภิสิทธิ์เคยพูดหลายตอนครั้งเป็นฝ่ายค้าน ช่วงพันธมิตรฯ ชุมนุม 193 วัน ว่าเพื่อปกป้องพี่น้องพันธมิตรฯ แต่วันนี้คุณกำลังถีบหัวส่ง อย่าลืมว่าแต่เดิมเราไม่ได้มาขับไล่รัฐบาล แต่มาปกป้องแผ่นดินด้วยความบริสุทธิใจ ทั้งนี้หากคุณยุบสภาแล้วกลับมาอีก มีหลักประกันอะไรจะทำให้รักษาดินแดนได้ เพราะหากบริหารอย่างเดิมรับรองไทยเสียดินแดน เสียดายนายอภิสิทธิ์ มีควมรู้เยอะแต่ก็มีความเขลาอยู่ก็เยอะเหมือนกัน ดูเหมือนไม่อ่อนด้อยในรัฐสภาตอนเป็นฝ่ายค้านพูดได้เป็นฉากๆ แต่ทันทีที่เป็นนายกฯ ก็พูดเป็นฉากๆแต่พูดตรงกันข้าม
“เราต้องอยู่กันนาน เพราะการเมืองในรัฐสภาล้มเหลว ต้องอาศัยภาคประชาชนเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราต้องพูดเรื่องปฎิรูปการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรารู้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะนำไปสู่วังวนน้ำเน่าเช่นเดิม”