xs
xsm
sm
md
lg

3 ผู้เชี่ยวชาญแห่งพันธมิตรฯ อัดความเน่าเฟะแห่งการเมืองไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เทพมนตรี” เชื่อทหารอินโดฯฝั่งเขมร ยืนสิทธิหนือวัดแก้วฯ ย้ำฟ้องอาญาแน่หากสภาผ่านเจบีซี ด้าน “พิภพ” อัด “มาร์ค” ไม่มีน้ำยา แต่ยังดื้อไม่ใช้ ปชช.ต่อรอง ขณะที่ “ปานเทพ” ชี้ ศอ.รส.ขีดเส้นวันสุดท้าย อาจสลายเช้ามืดนี้ เย้ยศึกอภิปรายสะท้อนความเน่าแฟะไม่สามารถพึ่งได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ระบุเพื่ออนาคตของลูกหลาน ชาติต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่มีระดับสูงกว่าปฏิรูป


วันที่ 15 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อไรก็ตาม ที่บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ทั้ง 3 ฉบับผ่านรัฐสภา มีมูลเหตุที่จะทำให้เราต้องไปประชุมที่อินโดนีเซียอีกรอบ นับเป็นความใจดำของรัฐบาลที่ไม่ให้เราดู แผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ในการสำรวจเขตแดนร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา (TOR 2546) แต่เราพอรู้ได้หลังไทยส่งข้อตกลงไปให้กัมพูชาแก้ไข ซึ่งกัมพูชาก็ตอบตกลงแสดงอาการดีใจจนเนื้อเต็น ย่อมหมายถึงว่าเขมรรู้ข้อกำหนดใน TOR 2546 ดังนั้น ข้อกำหนดการยืนเผชิญหน้าของทหาร โดยมีทหารอินโดนีเซียเข้าร่วมฝ่ายละ 15 คน ดูจากสถานการณ์ ทหารอินโดนีเซียฝั่งกัมพูชาต้องยืนอยู่ตามแผนที่ 1 : 200,000 ซึ่งเป็นบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระทั้งหมด

ทั้งนี้ หาก JBC ผ่านสภาเมื่อไร พวกตนรวมถึงนายปานเทพด้วย จะไปฟ้องนายกฯ คณะรัฐมนตรีและ ส.ส.ที่ยกมือสนับสนุน ฐานทำให้ชาติเสียดินแดน ในการนี้เราจะขอความเห็นศาลพิจารณาโทษจำคุกตลอดชีวิตว่า จงละเว้นเสีย ใช้เฉพาะโทษประหารชีวิตเท่านั้น เพราะตลอด 2 ปี่ที่ผ่านมาเราได้พร่ำเตือนรัฐบาลมาตลอดว่าอย่าประมาทระวังจะเสียดินแดน ให้ทำตามที่เราเสนอใน 3 ข้อ อย่างไรก็ดี ยังไม่สายหากนายกฯ จะทำตามข้อเรียกร้องของเราทั้ง 3 ข้อ หากทำได้ตนจะไปกราบเท้าท่านงามๆ เลย

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เราต่อสู้เพื่อรักษาชาติแผ่นดิน แต่รัฐบาลมองเห็นเราเป็นศัตรู เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีอำนาจต่อรองกับฮุนเซน แต่ไม่ใช้เราเป็นอำนาจต่อรอง เป็นการคิดที่ผิดของนายกฯ ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ จะไม่สามารถรักษาแผนดินได้หากยังแสดงท่าทีอยู่อย่างนี้ เราดูบทเรียนจากคนญี่ปุ่นหลังเกิดสึนามิ ต่างชาติชมว่าสงบ เยือกเย็น มีวินัย ไม่มีการปล้นเสบียง ที่ยกตัวอย่างให้ฟังอยากบอกว่าไม่ใช่เฉพาะญี่ปุ่น เหตุการณ์เมื่อวัน 7 ต.ค. ตำรวจสลายชุมนุม เราก็สงบ นิ่ง แม้จะโต้ตอบด้วยขวดน้ำบ้าง แต่เราก็ไม่คิดเผาบ้านเผาเมือง ในที่สุดก็ได้รับการยกย่องชื่นชม ทั้งที่เหตุการณ์วันนั้นน่าจะมีการเผาบ้านเผาเมือง อย่างไรก็ดี วันนี้เราได้พิสูจน์แล้ว การไม่ฟังข้อเสนอเราทำให้เสียดินแดนได้ในที่สุด

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า 50 วันของการชุมนุมที่นี่ เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง คนในประเทศได้ตื่น รู้ว่าเราเป็นประชาชนผู้ปกป้องอธิปไตยของชาติไม่ให้ใครเข้ามารุกล้ำ วันนี้ฝนตกวันนี้หนักที่สุดตำรวจก็ยังไม่วายคิดสลายชุมนุม และยังมีแนวคิดนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นวันสุดท้าย ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กำหนดให้พวกเราออกจากพื้นที่ชุมนุมให้หมด ตนได้ข่าวมาว่าอาจมีการสลายชุมนุมในเช้ามืดวันนี้ ฉะนั้น พี่น้องที่นี่พร้อมแล้ว มีกล้องมือถือพร้อมเป็นอาสานักข่าว ASTV อย่างไรก็ดี หากตำรวจสลายการชุมนุม จะมีประชาชนหลั่งไหลกลับมาที่เดิม เพราะความคิดรักชาติ ไม่สามารถสลายได้โดยกำลังตำรวจ

นายปานเทพกล่าวต่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เห็นได้ถึงความเน่าแฟะของการเมือง ที่ไม่สามาถพึ่งอะไรได้เลย เรื่องปกป้องอธิปไตยของชาติ รัฐบาลปล่อยให้เขมรยึดต่อไป ส่วนฝ่ายค้านก็กลัวพรรคพวกตัวเองที่หลบหนีไปอยู่กัมพูชาจะได้รับผลกระทบ ทำให้ไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นนี้ ส่วนเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลก็ทุจริต และฝ่ายค้านช่วงได้เป็นรัฐบาลก็ทุจริตไม่แพ้กัน หวังพึ่งพิงนักการเมืองไม่ได้ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ดังนั้น การยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ จึงไม่เป็นทางออกให้กับประเทศไทย แน่นอนเราต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัฐประหาร หมายถึงการยึดอำนาจรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองอย่างเฉียบพลัน แต่เรากำลังพูดอีกคำหนึ่งที่ไม่ใช่รัฐประหาร นั่นคือ ปฏิวัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีระดับสูงกว่าปฏิรูป การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้ ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และฉับพลัน เพื่ออนาคตของลูกหลาน
กำลังโหลดความคิดเห็น