xs
xsm
sm
md
lg

“พิชาย” ซัด “มาร์ค” ฮั้วฮุนเซน ยัดข้อหา“วีระ” หวังให้ตายคาคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
นักวิชาการจากนิด้า สับ “มาร์ค” ขาดจิตสำนึกทั้งด้านมโนธรรมและมโนธรรม ชี้เป็นตัวการฮั้วฮุนเซนยัดข้อหา “วีระ-ราตรี” หวังให้ติดคุกจนตาย เตือนบาปกรรมจะตามสนองในชาตินี้ พร้อมชำแหละสันดานนักการเมือง จับมือกลุ่มธุรกิจปล้นชาติ ชี้การเลือกตั้งไม่สามารถแก้สันดานนักการเมืองไทยได้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต  

วันนี้ (16 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้กล่าวบนเวทีเสวนาราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน ถึงกรณีรัฐบาลขาดความจริงใจในการให้ความช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ นางสาวราตรี พิพัฒนไพบูลย์ 2 พลเรือนไทยซึ่งถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุกด้วยข้อกล่าวหาว่ารุกล้ำอธิปไตยเขมร จนถึงขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นายวีระมีอาการป่วยจริงและต้องการขอพระราชอภัยโทษแต่สถานทุตไทยโดยกระทรวงต่างประเทศ ก็เพิกเฉยและไม่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านคดีอีก นายฮุนเซนจึงตบหน้ารัฐบาลซ้ำแล้วซ้ำอีก

“มั่นใจว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์มีส่วนรู้เห็นให้ นายวีระ-น.ส.ราตรี ถูกจับ เพราะไปยอมรับว่าบุคคลทั้ง 7 คนรุกล้ำอธิปไตยเขมร และบีบบังคับให้คนไทยรับสารภาพเพื่อแลกกับอิสรภาพ หลังจากนั้นรัฐบาลก็เพิกเฉยไม่ได้ใช้อำนาจรัฐที่เหนือกว่าเพื่อขอตัวพลเรือนไทย อีกทั้งไม่ใช้กลไกทางการเมืองเข้าดูแลให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชน จนถึงเข้าขั้นป่วยปางตาย และหากในอนาคตหากนายวรีะต้องเสียชีวิต รัฐบาลนี้จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เชื่อว่าวันนี้นายกอภิสิทธิ์ ขาดจิตสำนึกทั้งด้านมโนธรรม และมโนสำนึกที่จะพึงมีต่อเพื่อนร่วมชาติ ที่ได้เสียสละไปทำหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ทั้งหมดนี้คือบาปกรรมของรัฐบาลชุดนี้ ที่ต้องรอการชดใช้ในชาตินี้ และเชื่อว่าการชุมนุมของพันธมิตร ฯที่มีจิตใจแน่วแน่ จะช่วยกันกดดันรัฐบาลนี้ไปให้พ้นเสียที” นายพิชาย กล่าวและว่า

รัฐสภาไทยที่ชอบอ้างว่าการเลือกตั้ง ถือเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวและไม่สามารถนำมาใช้ได้ต่อไปอีกแล้ว เพราะสันดานนักการเมืองไทย มีพื้นฐานทางความคิดที่ต้องการแสวงหากำไรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ขาดจิตสำนึกที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นไม่ว่าพรรคไหนก็ตามขึ้นมาบริหารชาติก็จะมีการฮั้วหลังการเเลือกตั้ง เพื่อหาผลประโยชน์กับประเทศชาติเหมือนกัน แต่ละพรรคการเมือง จึงต้องทำทุกวิถีทางก่อนการเลือกตั้ง เพื่อจะห้ำหั่นกันเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีกลุ่มธุรกิจการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะใช้นโยบายประชานิยมในอดีตหรือประชาภิวัฒน์ในยุคอภิสิทธิ์ ล้วนแต่เป็นการใช้เม็ดเงินหว่านซื้อเสียง พอพรรคพวกตัวเองมีอำนาจก็จะไปกดดันพรรคคู่แข่ง จึงเป็นกระบวนการที่ต้องแย่งชิงและพยายามรักษาอำนาจ โดยไม่ได้ให้สำคัญกับประชาชน ก็ต่อเมื่อจะเกิดการเลือกตั้งจึงต้องประสานกลุ่มทุนเพื่อใช้เงินซื้อเสียง หลังจากนั้น ก็เข้ามาผลาญงบประมาณชาติ วิธีการเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้งไม่ใช่เป็นทางออกเพื่อแก้วิกฤตการเมืองไทยอีกต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น