xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ซื้อใจทหาร-ตร.เทงบ 12 ล้านต่อเดือน ปรับขั้นเงินเดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่ประชุม ครม.เทบงบ 12 ล้านบาทต่อเดือน ขึ้นขั้นเงินเดือนทหาร-ตร.มีผล 1 เม.ย.54 กรอบวงเงินร้อยละ 6 อ้างตัดปัญหาลดความเหลื่อมล้ำให้ทั้งปี 2 ขั้นเท่ากัน คาด ปี 55เตรียมใช้ระบบใหม่กำหนดขึ้นขั้นเงินเดือนครู-บุคลากรทางการศึกษา-สถาบันอุดมศึกษา โยน “พม.-เกษตรฯ-พลังงาน และ มท.” หารือ “อบต.” ถกเปิดปิดระดับน้ำ ก่อนนำเข้า ครม.อีกรอบหาข้อสรุป พร้อมอนุมัติตั้ง “ธนาคารที่ดิน” จัดให้เป็นองค์กรมหาชน เดินหน้าปฏิรูปที่ดิน

วันนี้ (8 มี.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกรัฐบาล แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.อนุมัติตามสำนักงานข้าราชการพลเรือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) การกำหนดโควตาและการเพิ่มวงเงินให้กับข้าราชการตำรวจ เริ่มมีผลให้ใช้บังคับตามข้อเสนอ สำหรับผู้ที่มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนข้าราชการตำรวจมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 54 เป็นต้นไป โดยกรอบวงเงินเพิ่มขั้นเงินเดือนได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ วันที่ 1 ก.ย.ซึ่งมติ ครม.(8 ก.พ.) ให้ทาง ก.พ.พิจารณาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าตามที่ สตช.ขออนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.วันที่ 3 เม.ย.44 เกี่ยวกับการกำหนดโควตา และวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจ โดยให้มีโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้น หรือเลื่อนเงินเดือนรวมทั้งปีสองขั้น

นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานข้าราชการพลเรือน สำนักงานกระทรวงกลาโหม สำนักงานศาลยุติธรรมสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลปกครอง เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาบัญชีเงินเดือน ค่าจ้างและเงินค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ และค่าตอบแทนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนโดยร่างพระราชกฤษฎีกาของสมาชิกวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ ซึ่ง ครม.ยืนยันว่า ในส่วนของ ส.ส.ให้มีผลเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป

นายศุภชัย เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นผลกระทบต่องบประมาณระยะยาว ข้อเสนอให้ขยายโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้น สำหรับผู้ที่มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีเด่นไม่เกินร้อยละ 15 เป็นไม่เกินร้อยละ 30 สำหรับการขึ้นเงินเดือนครึ่งปีแรกในวันที่ 1 เม.ย.จะมีผลกระทบต่อเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายจริงสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการ แม้จะอยู่ภายในกรอบวงเงินเลื่อนขั้นเดือนร้อยละ 6 ก็ตาม แต่การจ่ายจริงเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 14 ของเงินงบประมาณในการเลื่อนขั้นเงินเดือนเดิม ทำให้ไม่มีงบประมาณรองรับ เนื่องจากสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณไว้ไม่เต็มกรอบวงเงินดังกล่าว

นายศุภชัย ยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นความเหลื่อมล้ำกับข้าราชการประเภทอื่นๆ การเลื่อนขั้นเงินเดือนแบบเดิม (มีขั้นเงินเดือน) กับแบบใหม่ สามารภใช้จ่ายเงินภายในกรอบวงเงินเลื่อนเงินเดือนได้มากกว่าโดยไม่นำค่าตอบแทนพิเศษตามผลการประเมินปฏิบัติราชการในการเลื่อนขั้นเงินเดือนในครึ่งปีแรก ซึ่งสรุปมีการนำค่าตอบแทนพิเศษตามผลประเมินการปฏิบัติราชการทั้งในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังมารวมอยู่ในวงเงินเลื่อนเงินเดือนร้อยละ 6 อีกทั้งเพื่อให้ผู้ที่มีผลการประเมินการปฏิบัติราชการอยู่ในระดับดีเด่นเหมือนกันได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนรวมทั้งปี 2 ขั้นเท่ากัน

นายศุภชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ให้มีความครอบคลุมถึงข้าราชการทหารเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำสำหรับข้าราชการที่เลื่อนขั้นเงินเดือนในระบบโดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกัน ซึ่งจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 12 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนไปใช้หลักการกำหนดขั้นต่ำขั้นสูงเป็นช่วงและนำระบบการเลื่อนเงินเดือนเช่นเดียวกับข้ารากชารพลเรือนสามัญมาปรับใช้เช่นเดียวกัน คาดว่าระบบใหม่จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.55 กรณีนี้จึงไม่ต้องมีผลใช้บังคับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

นายศุภชัย ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เสนอการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ต่อ ครม.โดยเป็นเรื่องเดิมที่เคยนำเข้าเสนอกับที่ประชุม ครม.แล้ว ซึ่งให้มีการทดลองเปิดประตูระบายน้ำเป็นเวลา 5 ปี แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ศึกษาเกี่ยวกับการฟื้นตัวของระบบนิเวศและวิถีชุมชน รวมทั้งผลกระทบจากการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล ซึ่งมีคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูลงานวิจัยและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ที่มี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ รวมถึงยกเลิกมติ ครม.วันที่ 12 มิ.ย.50 และมติ ครม.วันที่ 17 ก.ค.50 รวมทั้งมติ ครม.คำสั่งหรือประกาศที่ขัดแย้งกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) รวมทั้งให้มีการเยียวยาตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนปากมูล รายละ 310,000 บาท แต่งตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับการเยียวยา

นายศุภชัย กล่าวว่า โดย ครม.ให้คณะอนุกรรมการดังกล่าวร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ (อบต.) หารือเรื่องระดับน้ำว่าควรจะเปิด-ปิดอย่างไร โดย ครม.ให้ยืนยันตามมติ ครม.เดิม จนกว่าจะมีการยืนยันเป็นอย่างอื่น นำมาเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ (ตามเรื่องเดิม)

นายศุภชัย เปิดเผยว่า ในที่ประชุมวันนี้ทาง ครม.ได้เชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและรายละเอียดจากการศึกษาวิจัย ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ ประกอบ วิโรจนกูฎ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี รองศาสตราจารย์ นวลน้อย ตรีรัตน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายชโลทร แก่นสันติสุขมงคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม

นายศุภชัย แถลงอีกว่า ครม. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องยืนยันเห็นชอบด้วยกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วยแล้ว

นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังกำหนดให้จัดตั้งองค์การมหาชนขึ้นเรียกว่า “สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เรียกโดยย่อว่า “บจธ.” และให้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “The Land Bank Administration Institute (Public Organization) เรียกโดยย่อว่า “LABAI” รวมทั้งกำหนดวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันดังกล่าวด้วย กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน” รวมไปถึงการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการบัญชี การตรวจสอบ และการประเมินผลงานของสถาบัน รวมทั้งการกำกับดูแลและการยุบเลิกของสถาบันอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น