xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ถก ครม.พิจารณา กกต.ของบเลือกตั้ง 3,800 ล้าน พร้อมเพิ่มเงินประกันราคาข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
“มาร์ค” ประชุม ครม.วันนี้ จับตาพิจารณางบประมาณ 3,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ตามข้อเสนอของ กกต. พร้อมเพิ่มเงินประกันราคาข้าวเป็นตันละ 11,000 บาท ขณะเดียวกันจะพิจารณาเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล 5 ปี ด้านสาธารณสุขของบฯ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 1.67 แสนล้านบาท

การประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมวันนี้ (8 มี.ค.) มีวาระที่น่าสนใจได้แก่ การพิจารณากรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอของบประมาณ 3,800 ล้านบาท เพื่อสนัุบสนุนค่าใชัจ่ายในการเตรียมการจัดการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา หรือเมื่อสภาผู้แทนราษฎร หมดวาระในวันที่ 23 ธ.ค.2554

ทั้งนี้ การเสนองบประมาณครั้งนี้ กกต.ของบสนับสนุนในส่วนของงานด้านกิจการสืบสวน สอบสวนและวินิจฉัยเพิ่มเติมจากที่ขอไว้ในการเลือกตั้งปี 2550 ที่ของบประมาณไม่ถึง 100 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ กกต.ขอเพิ่มเป็นเงิน 500 ล้านบาท เนื่องจากคาดกันว่าการต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะรุนแรง

ขณะเดียวกัน ครม.ยังต้องพิจารณาข้อเรียกร้องของสารพัดม็อบเกษตรกรที่ชุมนุมกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งชาวหน้าที่เรียกร้องให้ประกันราคาข้าวให้เพิ่มขึ้นจากตันละ 10,000 บาท เป็น 14,000 บาท ซึ่งที่ประชุมครม.วันนี้ จะเสนอเพิ่มราคาประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรัง ปี 53/54 1.ข้าวหอมปทุม จาก 11,000 บาทต่อตัน เป็น 11,500 บาทต่อตัน 2.ข้าวเจ้า 10,000 บาทต่อตัน เป็น 11,000 บาทต่อตัน และ 3.ข้าวเหนียว 9,500 บาทต่อตันเป็น 10,500 บาทต่อตัน

เหตุที่ปรับขึ้นราคาเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคา เช่าที่ดินที่สูงขึ้น 60 % ประมาณ 550-900 บาท หรือปุ๋ย และสารฆ่าแมลงด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินการใช้งบประมาณ 30,400 ล้านบาท ซึ่งเดิมรัฐบาลตั้งงบประมาณไว้ 19,000 ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไปที่เกษตรกรสามารถไปใช้สิทธิ์ได้

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ รับข้อเสนอชาวปากมูล ส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีลงนามเข้าวาระพิจารณา 1.ให้ทดลองเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลเป็นเวลา 5 ปี และให้มีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาการฟื้นตัวของระบบนิเวศ 2.ให้ยกเลิกมติ ครม.วันที่ 12 มิ.ย.2550 และมติ ครม.วันที่ 17 ก.ค.2550 เกี่ยวกับการเปิด-ปิดประตูเขื่อนปากมูล รวมทั้งมติ ครม.คำสั่ง หรือประกาศอื่นใด ที่ขัดแย้งกับแนวทางแก้ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)

3.ให้เยียวยาตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ผู้มีอาชีพประมงถูกผลกระทบจากเขื่อนปากมูล รายละ 310,000 บาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลาง และให้มีคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง ตรวจสอบรายชื่อตาม ขปส.เสนอ พ่วงด้วยข้อเสนอปฏิรูปที่ดิน ในการจำกัดการถือครองที่ดินเพื่อทำการเกษตรไม่เกิน 50 ไร่ จะลงเอยตามนี้หรือหาเหตุผลยื้อต่อน่าสนใจ

นอกจากนี้ต้องดูว่า นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม จะเสนอวาระการย้ายโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ไปยังจังหวัดสุโขทัย หลังจากสมาคมชาวไร่อ้อยฯ ปักหลักชุมนุมเรียกร้องอยู่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างมติ ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมามีมติย้ายโรงงานน้ำตาลอื่นๆ ไปแล้วแต่เหตุใดไม่ย้ายโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ทั้งที่ปริมาณการผลิตที่สุโขทัยมียอดการผลิตสูง และไม่เป็นปัญหาค่าขนส่งมากนัก

ส่วนกระทรวงสาธารณสุข เสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2555 วงเงินงบประมาณ 1.67 แสนล้านบาท ครอบคลุมประชากร 48 ล้านคน เฉลี่ยเหมาจ่ายรายหัวละ 3,249 บาท แบ่งเป็นงบประมาณด้านกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 1.66 แสนล้านบาท และงบบริหารจัดการ 1.65 พันล้านบาท สำหรับงบประมาณรักษาผู้ป่วยเอชไอวี จำนวน 1.58 แสนคน งบ ประมาณ 3.24 พันล้านบาท, งบบริการทดแทนไต จำนวน 2.17 หมื่นคน งบประมาณ 4.43 พันล้านบาท, โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง จำนวน 2.32 ล้านคน งบประมาณ 810 ล้านบาท และจิตเวช จำนวน 1.51 แสนคน งบประมาณ 266 ล้านบาท อย่างไรก็ตามงบเหมาจ่ายรายหัวปี 2554 เฉลี่ย 2,546 บาท จำนวน 47 ล้านคน

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขยังจะเสนอร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเครื่องสำอาง สาระสำคัญกำหนดให้การโฆษณาต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค และมีการกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ด้วย เช่น ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับเครื่องสำอางไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือผู้อื่น ให้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข เสนอมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ รายงาน เรื่องฝ่าวิกฤตความไม่เป็นธรรมนำสังคมสู่สุขภาพวะ

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวกับการปรับบัญชีเงินเดือนค่าจ้าง และค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ รวม 9 ฉบับ และบัญชีค่าตอบแทนของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.54 เป็นต้นไป เว้นแต่ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือนของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นการตรวจร่างหลังจากครม.รับหลักการมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ในส่วนเงินเดือนใหม่ของ ส.ส. และกรรมาธิการ ให้มีผลใช้บังคับ เมื่อได้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในครั้งต่อไป

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอขอขยายระยะเวลาการเจรจาผลประโยชน์จากการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมการงานให้ถูกต้องตามแนวทางปฏิบัติของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา ตามที่ ทก.เสนอ และที่ รมว.ไอซีที เสนอเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับกรอบเวลาในการนำผลการเจรจาและความเห็นเกี่ยว กับการแก้ไขสัญญากับบริษัทคู่สัญญาในแต่ละกรณีเสนอ ครม.จากที่กำหนดไว้เดิม ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ ครม.มีมติ เป็นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ครม.มีมติ

ส่วนวาระอื่นๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอการกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ ตำรวจ กระทรวงศึกษาธิการ เสนอแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 9 (2553-2557) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอขอกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการสำนักงานธนาเคราะห์ จำนวน 1 พันล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อนำไปใช้ในกิจการและกำหนดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมมิให้เกิดการขาดสภาพคล่องด้านการเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น