แกนนำกลุ่มโคราช เพื่อแผ่นดิน รับ กก.บห.พผ.และ รช.เริ่มหารือรวมพรรค แต่คาดคงใช้เวลาพอสมควร เน้นชื่อพรรคยึดคำ “ชาติพัฒนา” โวหวังเป็นพรรคอันดับ 3 ชี้ ปชป.เจอมรสุมรุมเร้าทำคะแนนนิยมตกฮวบ แนะรัฐอย่าสลายม็อบ รับซื้อโต๊ะระดมทุน ปชป.ขนบิ๊กเนมพรรคร่วมเพียบ พร้อมเป็นเจ้าภาพสวดศพแม่ถ้วนวันนี้
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึงการควบรวมระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมชาติพัฒนา ว่า ขณะนี้กรรมการบริหารของทั้ง 2 พรรค อยู่ระหว่างหารือทั้งในเรื่องของผู้บริหาร บุคลากรภายในพรรค การลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งนโยบายยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่า กว่าจะตกผลึกกันได้ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร รวมไปถึงการตั้งชื่อพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวมองว่าต้องยึดโยงกับคำว่า “ชาติพัฒนา” ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ควบรวมแล้วจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนซึ่งเป็นแฟนคลับของพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมชาติพัฒนา ในพื้นที่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องควบรวมกับพรรคการเมืองอื่น เนื่องจากเป้าหมายเพื่อเติบโต หากยังแข่งขันในนามพรรคเพื่อแผ่นดินหรือพรรครวมชาติพัฒนานั้น อาจเป็นเพียงพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่หากรวมตัวกันแล้วสามารถเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง รองจาก 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เท่านั้น
เมื่อถามว่า เหตุที่ต้องควบรวมกับพรรครวมชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพราะต้องการกลับเข้าไปร่วมรัฐบาลตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เคยระบุไว้ว่า จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 4 พรรค แต่ไม่ปรากฏชื่อพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า จะพูดแบบนั้นตอนนี้คงไม่ได้ เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น เมื่อ 2 เดือนก่อนประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งที่สุด แต่พอผ่านไปถึงตอนนี้มีปัญหาต่างๆ เข้ามารุมเร้า เช่น น้ำมันปาล์ม ของแพง และเขาพระวิหาร จนอาจกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ให้ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามประเมินสถานการณ์ทางการเมืองช่วงนี้อย่างไร ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองเป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย รัฐบาลไม่ควรที่จะสลายการชุมนุม เพราะหากสลายแล้วจะเกิดปัญหาตามมาอีก เหมือนอย่างต่างประเทศที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมซื้อโต๊ะจีนในงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดในวันที่ 8 มี.ค.ในราคาโต๊ะละ 2.5 ล้านบาท ว่า ในงานดังกล่าว ทางแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน อาทิ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรค นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พร้อมแกนนำกลุ่ม 3พี ทั้งตน นายพินิจ จารุสมบัติ และ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จะเดินทางเข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า แนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยการจัดงานระดมทุนนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการทอดไมตรีระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
นอกจากนี้แล้ว แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังได้เดินทางร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดพระอภิธรรมศพ แม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงค่ำวันนี้ (7 มี.ค.) ที่จังหวัดตรังด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดิน แจ้งว่า เหตุที่การควบรวม 2 พรรคการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งที่อยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะมีการวิเคราะห์กันระดับแกนนำภายในพรรคว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้งตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุไว้ รวมทั้งยังติดปัญหาภายในของพรรครวมชาติพัฒนา โดย นายสุวัจน์ ที่สงวนท่าทีต่อกรณีการควบรวม 2 พรรคการเมือง
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึงการควบรวมระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมชาติพัฒนา ว่า ขณะนี้กรรมการบริหารของทั้ง 2 พรรค อยู่ระหว่างหารือทั้งในเรื่องของผู้บริหาร บุคลากรภายในพรรค การลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งนโยบายยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่า กว่าจะตกผลึกกันได้ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร รวมไปถึงการตั้งชื่อพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวมองว่าต้องยึดโยงกับคำว่า “ชาติพัฒนา” ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ควบรวมแล้วจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนซึ่งเป็นแฟนคลับของพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมชาติพัฒนา ในพื้นที่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องควบรวมกับพรรคการเมืองอื่น เนื่องจากเป้าหมายเพื่อเติบโต หากยังแข่งขันในนามพรรคเพื่อแผ่นดินหรือพรรครวมชาติพัฒนานั้น อาจเป็นเพียงพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่หากรวมตัวกันแล้วสามารถเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง รองจาก 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เท่านั้น
เมื่อถามว่า เหตุที่ต้องควบรวมกับพรรครวมชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพราะต้องการกลับเข้าไปร่วมรัฐบาลตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เคยระบุไว้ว่า จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 4 พรรค แต่ไม่ปรากฏชื่อพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า จะพูดแบบนั้นตอนนี้คงไม่ได้ เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น เมื่อ 2 เดือนก่อนประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งที่สุด แต่พอผ่านไปถึงตอนนี้มีปัญหาต่างๆ เข้ามารุมเร้า เช่น น้ำมันปาล์ม ของแพง และเขาพระวิหาร จนอาจกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ให้ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามประเมินสถานการณ์ทางการเมืองช่วงนี้อย่างไร ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองเป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย รัฐบาลไม่ควรที่จะสลายการชุมนุม เพราะหากสลายแล้วจะเกิดปัญหาตามมาอีก เหมือนอย่างต่างประเทศที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมซื้อโต๊ะจีนในงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดในวันที่ 8 มี.ค.ในราคาโต๊ะละ 2.5 ล้านบาท ว่า ในงานดังกล่าว ทางแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน อาทิ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรค นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พร้อมแกนนำกลุ่ม 3พี ทั้งตน นายพินิจ จารุสมบัติ และ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จะเดินทางเข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า แนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยการจัดงานระดมทุนนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการทอดไมตรีระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
นอกจากนี้แล้ว แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังได้เดินทางร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดพระอภิธรรมศพ แม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงค่ำวันนี้ (7 มี.ค.) ที่จังหวัดตรังด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดิน แจ้งว่า เหตุที่การควบรวม 2 พรรคการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งที่อยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะมีการวิเคราะห์กันระดับแกนนำภายในพรรคว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้งตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุไว้ รวมทั้งยังติดปัญหาภายในของพรรครวมชาติพัฒนา โดย นายสุวัจน์ ที่สงวนท่าทีต่อกรณีการควบรวม 2 พรรคการเมือง