ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “สุวัจน์” ชี้เลือกตั้งช้าเร็วขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแก้ รธน. เชื่อหากผ่านไปได้ตัวแปรอื่นเรื่องจิ๊บๆ เผยทุกพรรคเตรียมปรับตัวรับศึกพรรคเล็ก-กลางยังเป็นตัวแปรสำคัญ จัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า ชี้มี 2 ขั้ว “ปปช.-เผาไทย” เช่นเดิม ยึกยักเลี่ยงตอบจับมือ “กลุ่ม 3 พี” สู้ศึกเลือกตั้ง ระบุโคราชเมืองใหญ่ทุกพรรครุมตอมแข่งเดือด แต่มั่นใจฐานเสียงแน่นชาวย่าโมยังหนุนพรรค
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่สำนักงานพรรครวมชาติพัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) เปิดเผยถึงความพร้อมของพรรครวมชาติพัฒนาในการลงสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ในปีนี้ว่า จากพรรคชาติพัฒนามาถึงพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และมาเป็นพรรครวมชาติพัฒนาในปัจจุบัน ถือว่าเป็นพรรคของคนโคราชที่กลับมาอีกรอบ
ตอนนี้ทุกพรรคคงจะได้มีการปรับฐานเตรียมตัวกัน เพราะปีนี้ 2554 จะเป็นปีที่มีการเลือกตั้งแน่นอนอยู่แล้วตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พูดไว้ชัดเจน และเป็นเรื่องของพรรคการเมืองต้องเตรียมตัว แต่ว่าพรรคใดจะเตรียมกันอย่างไรก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค
นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า วันนี้การเมืองบ้านเรายังไม่มีตัวแปรอะไรใหม่ๆ ที่จะทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่พรรคการเมืองใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นพรรคเก่าที่มีอยู่ และวันนี้เห็นชัดแจนว่า พรรคขนาดใหญ่มีกันแค่ 2 พรรคเหมือนเดิม (พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย) ส่วนพรรคเล็ก พรรคน้อยก็แล้วแต่จะรวมตัวกันได้หรือเปล่า ถ้ารวมตัวกันได้พรรคเล็กอาจเป็นพรรคขนาดกลาง ฉะนั้น ตนคิดว่าเมื่อไม่มีตัวแปรใหม่กันแล้วก็คงมีการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองนี้ว่า ใครจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และพรรคใหญ่นั้นโอกาสที่จะถึงครึ่งคิดว่าค่อนข้างลำบาก เพราะสภาพการเมืองปัจจุบันการที่จะมีพรรคหนึ่งพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งแล้วจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว คิดว่ายังเป็นเรื่องที่ลำบาก
ต่อข้อถามหากพรรครวมชาติพัฒนาควบรวมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ของกลุ่ม 3 พี จะเป็นตัวแปรสำคัญทางการเมืองหรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า เมื่อการเมืองมี 2 ขั้ว และยังไม่มีพรรคหนึ่งพรรคใดได้เสียงข้างมากก็ต้องอาศัยพรรคเล็ก และพรรคขนาดกลาง ฉะนั้น พรรคเล็กหรือพรรคกลางยังคงเป็นพรรคที่จะต้องช่วยสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล คิดว่าทุกพรรคก็เป็นตัวแปรเหมือนกันหมด คงไม่ใช่พรรคหนึ่งพรรคใด แต่ขึ้นอยู่กับใครมีเพื่อน ใครมีพรรคพวกมากกว่า และประชาชนเชียร์การฟอร์มรัฐบาลในรูปแบบไหน สถานการณ์บ้านเมืองก็จะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ตัดสินใจว่าควรจะเป็นไปในทิศทางใดที่ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย ซึ่งการตัดสินใจนั้นคงต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าบ้านเมืองเรียบร้อย
สำหรับเงื่อนไขการยุบสภา นายสุวัจน์กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ แต่ คิดว่าเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือ เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรง ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องที่พิจารณาได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่เรื่อง รธน.เป็นเรื่องสำคัญต้องรอให้ได้ข้อสรุปก่อนว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะจะเป็นการบอกว่าจะเลือกตั้งด้วยระบบอะไร วิธีการอย่างไร ถ้าเรื่องที่ค้างคาใจจบแล้ว ก็สามารถนำไปสู่การเลือกตั้งได้ จากนั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะเลือกจังหวะไหน ส่วนจะเป็นเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศนั้น ตนไม่ทราบ แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณชัดๆ อย่างนี้ทุกคนก็ควรไปทำการบ้านกันได้แล้ว คือเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
นายสุวัจน์ยังกล่าวถึงการสู้ศึกในสนามเลือกตั้ง ส.ส.นครราชสีมา ฐานการเมืองสำคัญของพรรครวมชาติพัฒนาว่า จ.นครราชสีมา เลือกตั้งทีไรเป็นเรื่องใหญ่ทุกที ลิ้นกับฟันพบกันทีไรก็เรื่องใหญ่ เพราะ จ.นครราชสีมา เป็นสนามเลือกตั้งใหญ่มีตั้ง 20 เสียง ฉะนั้นเรียกว่าเป็นสนามการเมืองใหญ่ ใครเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ถ้าได้รับชัยชนะที่โคราชได้ก็ไม่ต้องไปหาเสียงจังหวัดอื่นแล้ว อย่างน้อย 15 เสียง หรือ 20 เสียง ฉะนั้นการเลือกตั้งคงต้องดุเดือด เข้มข้น และเป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคอยากที่จะมาเกิด หรือมาหาคะแนน หาเสียงกันที่ จ.นครราชสีมา
“โคราชตอนนี้มีหลายพรรคที่มีฐานการเมืองอยู่ แต่ว่าพรรครวมชาติพัฒนาก็ถือว่าเป็นพรรคที่เหมือนกับมีฐานการเมืองที่ลึกซึ้ง นานกว่าพรรคอื่นหน่อย เพราะอดีตนายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ทำคุณประโยชน์กับชาวโคราชไว้มากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร” นายสุวัจน์กล่าว