ผอ.รวมชาติพัฒนา เผย 7 เม.ย.นี้ควงเพื่อแผ่นดินแถลงผสมพรรค “สุวัจน์-3 พี” มาแน่ “กว้าง” ค้านเปลี่ยนชื่อพรรค ยันถ้าแค่จับมือกันไม่มีปัญหา ขู่ล้มพรรคจะกลับไปเป็นอาจารย์
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายประเชิญ ติยะปัญจนิตย์ ผู้อำนวยการพรรครวมชาติพัฒนา เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน จะเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าในการร่วมมือทางการเมือง ที่โรงแรมสยามแคมเพนสกี้ หลังศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นจะมี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา กับนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของทั้ง 2 พรรค ร่วมในการแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการควบรวม 2 พรรคหรือไม่ นายประเชิญกล่าวว่า คงต้องรอความชัดเจนในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งจะเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทั้ง 2 พรรคที่นับถือมาร่วมด้วย อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และแกนนำกลุ่ม 3 พี โดยว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ร่วมงานแถลงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในวันนั้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบเรื่องดังกล่าวกับนายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ความเพียงว่า ในวันดังกล่าวจะเดินทางไปร่วมงานด้วย ส่วนเนื้อหาของการแถลงข่าวขอให้ไปดูในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่ายังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะเข้าร่วมงานในวันที่ 7 เม.ย.ด้วย
ขณะที่ นายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มของนายพินิจที่มีกระแสข่าวไม่เห็นด้วยหากมีการควบรวมพรรค และต้องการดำเนินการทางการเมืองในนามพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่เห็นว่าหากมีการประกาศความร่วมมือในลักษณะเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ก็คงไม่มีปัญหา เพราะเป็นเพียงการแสดงความร่วมมือในทางการเมืองต่อกัน แต่หากจะมีการควบรวมพรรคหรือเปลี่ยนชื่อพรรคนั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยส่วนตัวเห็นว่าชื่อพรรคเพื่อแผ่นดินมีความเหมาะสม และมีเจตนารมณ์ที่ดีอยู่แล้ว หากจะไปเป็นพันธมิตรกับพรรคการเมืองใดก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ยังเห็นว่าหากมีการเปลี่ยนชื่อพรรค หรือตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ต้องมีขั้นตอนอีกมาก อาจไม่ทันในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนความชัดเจนคงต้องสอบถามทางแกนนำอีกครั้ง
“หากไม่มีพรรคเพื่อแผ่นดิน ผมคงกลับมาเป็นเพียงอาจารย์กว้างเหมือนเดิม เพราะฐานะในพรรคก็เป็นเพียงรองหัวหน้าพรรคคนที่ 3 ไม่ต่างจากสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ส่วนเรื่องนี้ผมจะขอความชัดเจนจากนายพินิจอีกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ชักชวนให้ผมมาร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน” นายกว้างกล่าว
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายประเชิญ ติยะปัญจนิตย์ ผู้อำนวยการพรรครวมชาติพัฒนา เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน จะเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าในการร่วมมือทางการเมือง ที่โรงแรมสยามแคมเพนสกี้ หลังศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นจะมี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา กับนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของทั้ง 2 พรรค ร่วมในการแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการควบรวม 2 พรรคหรือไม่ นายประเชิญกล่าวว่า คงต้องรอความชัดเจนในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งจะเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทั้ง 2 พรรคที่นับถือมาร่วมด้วย อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และแกนนำกลุ่ม 3 พี โดยว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ร่วมงานแถลงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในวันนั้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบเรื่องดังกล่าวกับนายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ความเพียงว่า ในวันดังกล่าวจะเดินทางไปร่วมงานด้วย ส่วนเนื้อหาของการแถลงข่าวขอให้ไปดูในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่ายังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะเข้าร่วมงานในวันที่ 7 เม.ย.ด้วย
ขณะที่ นายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มของนายพินิจที่มีกระแสข่าวไม่เห็นด้วยหากมีการควบรวมพรรค และต้องการดำเนินการทางการเมืองในนามพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่เห็นว่าหากมีการประกาศความร่วมมือในลักษณะเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ก็คงไม่มีปัญหา เพราะเป็นเพียงการแสดงความร่วมมือในทางการเมืองต่อกัน แต่หากจะมีการควบรวมพรรคหรือเปลี่ยนชื่อพรรคนั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยส่วนตัวเห็นว่าชื่อพรรคเพื่อแผ่นดินมีความเหมาะสม และมีเจตนารมณ์ที่ดีอยู่แล้ว หากจะไปเป็นพันธมิตรกับพรรคการเมืองใดก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ยังเห็นว่าหากมีการเปลี่ยนชื่อพรรค หรือตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ต้องมีขั้นตอนอีกมาก อาจไม่ทันในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนความชัดเจนคงต้องสอบถามทางแกนนำอีกครั้ง
“หากไม่มีพรรคเพื่อแผ่นดิน ผมคงกลับมาเป็นเพียงอาจารย์กว้างเหมือนเดิม เพราะฐานะในพรรคก็เป็นเพียงรองหัวหน้าพรรคคนที่ 3 ไม่ต่างจากสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ส่วนเรื่องนี้ผมจะขอความชัดเจนจากนายพินิจอีกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ชักชวนให้ผมมาร่วมงานกับพรรคเพื่อแผ่นดิน” นายกว้างกล่าว