คอลัมน์ “สะเก็ดไฟ”
โดย..เซียนข้างชิ่ง
การเมืองรอบสัปดาห์นี้มีเรื่องให้ลุ้นเล็กๆ กับเก้าอี้ “มท.3” ของถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินอังคารที่ 8 มีนาคมนี้ ในคดีที่เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ความเป็นรัฐมนตรีของถาวรสิ้นสุดลง เนื่องจากทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ที่ห้ามไม่ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน
โดยคดีนี้เรืองไกรเคยยื่นเรื่องไปที่ กกต.แล้ว แต่ กกต.ได้ยกคำร้อง ทำให้เรืองไกรใช้ช่องทางยื่นผ่านประธานวุฒิสภา เนื่องจากพบว่าในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของถาวรที่แจ้งต่อป.ป.ช. พบว่าเมียของถาวร คือ พล.ต.หญิง จันทิมา เสนเนียม ได้จัดตั้งคณะบุคคลชื่อ วรจันทร์ ขึ้นโดยไม่ได้โอนหุ้นไปให้นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
ทำให้เรืองไกรเห็นว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาฯว่าคณะบุคคลเป็นห้างหุ้นส่วนชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้จดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์แต่จดทะเบียนที่กรมสรรพากร จึงยื่นเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยว่าคณะบุคคลเป็นห้างหุ้นส่วนตามรธน.มาตรา 269 หรือไม่
หากศาล รธน.ตัดสินว่าใช่ ถาวรก็ต้องหลุดจากเก้าอี้
เชื่อว่า การนัดลงมติและอ่านคำตัดสินคดีนี้น่าจะเกิดขึ้นโดยทันที เนื่องจากมีการไต่สวนพยานกันไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.หญิง จันทิมา ก็ขึ้นเบิกความด้วย
ประเด็นของเรื่องนี้มีอยู่ว่า เมียของ มท.3 ที่รับราชการทหารและเป็นผู้สอบบัญชีรับใบอนุญาตด้วย จนปี 2545 พบว่ารายได้ที่เข้ามาจำนวนมากทำให้ฐานภาษีที่ต้องเสียสูงไปด้วย จึงได้จัดตั้งเป็นคณะบุคคลเพื่อที่จะได้แยกการเสียภาษีออกมา โดยไปจดทะเบียนคณะบุคคลวรจันทร กับกรมสรรพากร ร่วมกับน้องสาว ลงทุนกันไปคนละ 1 แสนบาท
แต่เมียถาวรอ้างว่าไม่ได้มีการลงทุนจริง เพราะใช้บ้านเป็นสำนักงาน โดยตลอด 7 ปี มีรายได้ปีละ1แสนเศษ แต่ไม่ได้แบ่งรายได้ให้กับน้องสาว เพราะเป็นการยืมชื่อมาตั้งคณะบุคคลเฉย ๆ เพื่อลดฐานภาษีและยอมรับในการเบิกความตามข่าวที่ปรากฏว่า หากไม่ทำเช่นนี้รายได้ที่ได้รับก็จะต้องตกเป็นของสามีคือนายถาวรด้วย ซึ่งต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. แต่ต่อมาไม่อยากถูกมองว่าหลบเลี่ยงภาษีจึงไปขอยกเลิกการจดทะเบียนเป็นคณะบุคคลดังกล่าวแล้ว
ก็ต้องดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในเรื่องนี้อย่างไร แม้ทีมกฎหมายของถาวรจะมั่นใจว่าคดีนี้ชนะ แต่ก็คงยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
หากถาวรหล่นจากเก้าอี้ คนหนึ่งที่รอเสียบแทนก็คือ นิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน ปชป.ที่แอบดูว่าหากเปลี่ยนตัว มท.3 เขาก็มีสิทธิ์ลุ้นในฐานะโควตาสงขลา แม้จะรู้ว่าเหลือเวลาไม่นานก็จะยุบสภา แต่ขอวันเดียวได้เป็นรัฐมนตรีก็คุยได้แล้ว
โดย..เซียนข้างชิ่ง
การเมืองรอบสัปดาห์นี้มีเรื่องให้ลุ้นเล็กๆ กับเก้าอี้ “มท.3” ของถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินอังคารที่ 8 มีนาคมนี้ ในคดีที่เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ความเป็นรัฐมนตรีของถาวรสิ้นสุดลง เนื่องจากทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ที่ห้ามไม่ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน
โดยคดีนี้เรืองไกรเคยยื่นเรื่องไปที่ กกต.แล้ว แต่ กกต.ได้ยกคำร้อง ทำให้เรืองไกรใช้ช่องทางยื่นผ่านประธานวุฒิสภา เนื่องจากพบว่าในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของถาวรที่แจ้งต่อป.ป.ช. พบว่าเมียของถาวร คือ พล.ต.หญิง จันทิมา เสนเนียม ได้จัดตั้งคณะบุคคลชื่อ วรจันทร์ ขึ้นโดยไม่ได้โอนหุ้นไปให้นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
ทำให้เรืองไกรเห็นว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาฯว่าคณะบุคคลเป็นห้างหุ้นส่วนชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้จดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์แต่จดทะเบียนที่กรมสรรพากร จึงยื่นเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยว่าคณะบุคคลเป็นห้างหุ้นส่วนตามรธน.มาตรา 269 หรือไม่
หากศาล รธน.ตัดสินว่าใช่ ถาวรก็ต้องหลุดจากเก้าอี้
เชื่อว่า การนัดลงมติและอ่านคำตัดสินคดีนี้น่าจะเกิดขึ้นโดยทันที เนื่องจากมีการไต่สวนพยานกันไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.หญิง จันทิมา ก็ขึ้นเบิกความด้วย
ประเด็นของเรื่องนี้มีอยู่ว่า เมียของ มท.3 ที่รับราชการทหารและเป็นผู้สอบบัญชีรับใบอนุญาตด้วย จนปี 2545 พบว่ารายได้ที่เข้ามาจำนวนมากทำให้ฐานภาษีที่ต้องเสียสูงไปด้วย จึงได้จัดตั้งเป็นคณะบุคคลเพื่อที่จะได้แยกการเสียภาษีออกมา โดยไปจดทะเบียนคณะบุคคลวรจันทร กับกรมสรรพากร ร่วมกับน้องสาว ลงทุนกันไปคนละ 1 แสนบาท
แต่เมียถาวรอ้างว่าไม่ได้มีการลงทุนจริง เพราะใช้บ้านเป็นสำนักงาน โดยตลอด 7 ปี มีรายได้ปีละ1แสนเศษ แต่ไม่ได้แบ่งรายได้ให้กับน้องสาว เพราะเป็นการยืมชื่อมาตั้งคณะบุคคลเฉย ๆ เพื่อลดฐานภาษีและยอมรับในการเบิกความตามข่าวที่ปรากฏว่า หากไม่ทำเช่นนี้รายได้ที่ได้รับก็จะต้องตกเป็นของสามีคือนายถาวรด้วย ซึ่งต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. แต่ต่อมาไม่อยากถูกมองว่าหลบเลี่ยงภาษีจึงไปขอยกเลิกการจดทะเบียนเป็นคณะบุคคลดังกล่าวแล้ว
ก็ต้องดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในเรื่องนี้อย่างไร แม้ทีมกฎหมายของถาวรจะมั่นใจว่าคดีนี้ชนะ แต่ก็คงยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
หากถาวรหล่นจากเก้าอี้ คนหนึ่งที่รอเสียบแทนก็คือ นิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน ปชป.ที่แอบดูว่าหากเปลี่ยนตัว มท.3 เขาก็มีสิทธิ์ลุ้นในฐานะโควตาสงขลา แม้จะรู้ว่าเหลือเวลาไม่นานก็จะยุบสภา แต่ขอวันเดียวได้เป็นรัฐมนตรีก็คุยได้แล้ว
