“ฮุนเซน” ปลุกใจชาวเขมรให้มีความสามัคคี กล่าวหาไทยก่อ “สงครามวัฒนธรรม” โจมตีปราสาทพระวิหาร เรียกร้องเขมรร่วมชาติทุกภาคส่วนผนึกกำลังปกป้องวัฒนธรรม เผยขอให้อินโดฯ รีบส่งผู้สังเกตการณ์มาฝั่งเขมรโดยด่วนแม้ไทยยังไม่อยากรับ ย้ำชัดไม่มีการเจรจาทวิภาคีเรื่องเขตแดนกับไทยอีก ยกเว้นคุยเรื่องผลประโยชน์ ขณะที่ “ฮุน มาเนต” นำทีมทูตทหาร 12 ชาติ ลงพื้นที่ดูความเสียหายปราสาทพระวิหาร
เว็ปไซต์ฟิฟทีนมูฟ อ้างรายงานข่าวของสำนักข่าวซินหัวของจีน 3 มีนาคม 2554 รายงานว่า ประเทศกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีจัดงานเฉลิมฉลองในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 เรียกร้องความสามัคคีของชาติเพื่อปกป้องและยกระดับวัฒนธรรมของชาติสู้กับสงครามต่อวัฒนธรรม
งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นที่หอประชุมจตุรมุขในกรุงพนมเปญ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปินจากทั่วประเทศ งานจัดขึ้นภายใต้ธีม “กัมพูชา ราชอาณาจักรแห่งวัฒนธรรม ทุกอย่างเพื่อปกป้องวัฒนธรรม”
ระหว่างกล่าวในงาน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนเซน กล่าวว่า งานนี้จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อกระตุ้นความสามัคคีของชาติเพื่อทำนุรักษา ปกป้อง และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ธีมของปีนี้มีเป้าหมายหลักที่การขจัดทุกแคมเปญที่ทำให้เกิดสงครามวัฒนธรรมต่อต้านกัมพูชา
นายฮุนเซนกล่าวอีกว่า ที่จุดนี้ตนหมายถึงการโจมตีของไทยบนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ในโอกาสนี้ใคร่เรียกร้องเพื่อนร่วมชาติ ทุกกระทรวง ทบวง กรม และสถาบัน ให้ผนึกกำลัง และร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อบรรลุธีมของงาน
นายฮุนเซนกล่าวว่า ได้ร้องขอให้อินโดนีเซียส่งผู้สังเกตการณ์มายังพรมแดนกัมพูชาโดยด่วน หากประเทศไทยยังคงไม่เต็มใจที่จะยอมรับ
“ผมขอไปยังอินโดนีเซีย ถ้าประเทศไทยยังลังเลที่จะรับผู้สังเกตการณ์ กรุณาส่งผู้สังเกตการณ์มายังฝั่งกัมพูชาบริเวณพื้นที่พิพาทข้างๆ ปราสาทพระวิหารโดยด่วน” นายฮุนเซนกล่าว
นายฮุนเซนกล่าวอีกว่า ประธานอาเซียน อินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ได้ส่งเงื่อนไขข้อตกลงให้กับกัมพูชา และประเทศไทย ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการบังคับบัญชาและข้อผูกพัน ของผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียในพื้นที่พิพาท
“เราได้ตอบคำร้องของอินโดนีเซียภายใน 24 ชั่วโมง และเสนอ 14 ข้อ ไปยังอินโดนีเซียเพื่อสังเกตการณ์ และเราจะเปิดมากขึ้นอีกหากจำเป็น” เขากล่าว “ผู้สังเกตการณ์จะอยู่เป็นเวลา 12 เดือน และอาจจะขยายต่อไปอีก” นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าว
นายฮุนเซนยังกล่าวต่ออีกว่า ถึงตอนนี้รัฐบาลกรุงเทพฯ บอกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมยังไม่ได้พบหารือกันในเรื่องนี้ และหัวหน้าทหารบกไทยบอกว่าผู้สังเกตการณ์จะไม่สามารถเข้าไปสังเกตการณ์ข้างใน ได้แค่ในพื้นที่จำกัด และถ้าฝ่ายไทยไม่รับผู้สังเกตการณ์ กัมพูชาจะรับโดยลำพัง
นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวย้ำว่า จะไม่มีการเจรจาทวิภาคีใดๆ กับประเทศไทยในเรืองบริเวณพิพาทพรมแดนอีก
“ผมยืนยันว่า ถ้าคุณ (ไทย) ต้องการเจรจา คุณต้องขออินโดนีเซีย ประธานอาเซียนให้จัดการประชุม ไม่มีการเจรจากับคุณแบบทวิภาคี เราจะยังคงเจรจากับไทยก็เฉพาะความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและอื่นๆ แต่เรื่องพื้นที่พิพาทพรมแดนต้องมีการมีส่วนร่วมของประเทศที่สาม” นายฮุนเซน กล่าว
นายฮุนเซนกล่าวอีกว่า ตนไม่เคยคาดคิดเลยว่านายกรัฐมนตรีไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ จะกล้าขอ นายโคอิชิโร มัตสิอุระ ทูตพิเศษของยูเนสโก ให้ถอนปราสาทพระวิหารออกจากบัญชีมรดกโลก และตอนแรกตนแค่คิดว่าเขาค้านเพียงแผนบริหารจัดการปราสาท แต่ทูตพิเศษพบผมเมื่อ 28 ก.พ. และบอกผมว่าผู้นำไทยขอให้ยูเนสโกถอนทะเบียนปราสาท
นายฮุนเซนกล่าวว่า กระสุนปืนครกและปืนใหญ่ 414 ลูก ยิงโดยทหารไทยซึ่งตกลงในปราสาทในสงครามเมื่อ 4-7 ก.พ. และนี่เป็นสงครามที่แท้จริง มันไม่ใช่แค่สงครามรุกรานแผ่นดินกัมพูชา แต่เป็นสงครามทำลายวัฒนธรรม เป็นการกระทำที่น่าอัปยศอดสูที่แย่ที่สุดของรัฐบาลไทย
ในวันเดียวกัน คณะทูตทหารจาก 12 ประเทศ ได้ใช้เวลาสองชั่วโมงเยือนปราสาทพระวิหาร และบริเวณโดยรอบ เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดจากประสุนปืนครกและปืนใหญ่ระหว่างการปะทะระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทยเมื่อต้นเดือนก่อน โดยคณะทูตทหารจาก 12 สถานทูตในกรุงพนมเปญ ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น แคนาดา พม่า ลาว เวียดนาม นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย
พล.อ.เนียง พัท ปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นผู้นำคณะฯ ระหว่างการเยือน โดยมีพลเอก เจีย ดารา รองผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาสำหรับกองอำนวยการพระวิหาร ให้การต้อนรับที่ปราสาทพระวิหาร พร้อมบุตรชายคนโตของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน พล.ต.ฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารราบ
“กัมพูชาต้องการให้ทูตทหารเห็นด้วยตาตัวเอง ถึงความเสียหายจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ของไทยในสงครามล่าสุด ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ทหารกัมพูชาสาบานที่จะปกป้องแผ่นดินของเราจากการรุกล้ำใดๆ ของประเทศไทย กัมพูชาไม่เคยรุกล้ำเข้าไปในประเทศอื่น เราต้องการให้เป็นพรมแดนแห่งสันติภาพและความร่วมมือ แต่ถ้าเขารุกล้ำเข้ามาในดินแดนของเรา เราต้องใช้สิทธิปกป้องตัวเอง” พล.อ.เจีย ดารา กล่าวระหว่างการเยือนของคณะตัวแทน
ซึ่งการเยือนนี้เกิดขึ้นตามหลังการเยือนแบบเดียวกันของทูตทหารในฝั่งเขตแดนไทยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมไทย