กต.ชี้แจง ผู้แทนพิเศษยูเนสโกกล่าวหาไทยตั้งใจขอให้ถอนปราสาทพระวิหารออกจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ระบุทั้งนายกฯ และรมว.กต.ไม่เคยพูดเรื่องถอนปราสาทพระวิหารจากการขึ้นทะเบียน ไทยตระหนักดีถึงคุณค่าของปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานสำคัญ ควรเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ต้องคุยเรื่องเขตแดนให้จบก่อน พร้อมเชิญ “สก อาน” เยือนไทยร่วมหารือประเด็นคั่งค้างต่างๆ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2554 นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว กรณีมีการรายงานข่าวคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่อ้างว่านายโคอิจิโร มัตสึอุระ ผู้แทนพิเศษขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้กล่าวว่า “ประเทศไทยมีความตั้งใจที่จะขอให้ ยูเนสโก ถอนปราสาทพระวิหารออกจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก” ดังนี้
1. ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ยกประเด็นการถอนชื่อปราสาทพระวิหารออกจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ระหว่างการพบปะกับผู้แทนพิเศษของยูเนสโก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 และเมื่อผู้แทนพิเศษของยูเนสโกกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นายกรัฐมนตรีก็ได้ตอบว่า “ไม่มีใครพูดเรื่องการถอนออกจากการขึ้นทะเบียน” นอกจากนี้ หลังจากการพบปะกับผู้แทนพิเศษของยูเนสโก นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยว่า ประเทศไทยตระหนักดีถึงคุณค่าอันโดดเด่นและเป็นสากลของปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นโบราณสถานที่สำคัญ ซึ่งควรที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เข้าชม
2. ท่าทีของประเทศไทยต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นที่ทราบกันทั่วไปอยู่แล้ว กล่าวคือ ตราบใดที่ประเด็นเรื่องเขตแดนยังคงมีอยู่ การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหารควรจะเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าการเจรจาเขตแดนภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาจะแล้วเสร็จ ซึ่งรวมไปถึงการพิจารณาแผนบริหารจัดการด้วย เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
3.ประเทศไทยยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่กับกัมพูชา และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อหาทางออกให้กับประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำระหว่างการพบปะกับผู้แทนพิเศษของยูเนสโกว่า ไทยได้เชิญนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเยือนประเทศไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในโอกาสแรก ซึ่งผู้แทนพิเศษของยูเนสโก ก็ได้แสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ที่ทั้งสองประเทศจะหารือทวิภาคีกันต่อไป
เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟรายงานว่า สำนักข่าวต้นมะขามของกัมพูชา 3 มีนาคม 2554 รายงานคำกล่าวของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระหว่างงานมอบปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยพนมเปญในวันนี้โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเล่นเล่ห์และแสดงออกอย่างน่าอายต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
โดยการกล่าวระหว่างงานมอบปริญญาบัตรว่านายกรัฐมนตรีไทยได้บอกให้ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกเกี่ยวกับการถอนทะเบียนปราสาท “มันน่าอาย ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านแต่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาท”
ประเทศไทยได้คัดค้านแผนบริหารจัดการและการพัฒนา ประเทศไทยใช้กำลังทหารเพื่อรุกล้ำกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ล่าสุดทหารไทยได้ก่อสงครามเพื่อยึดครองปราสาทและใช้อาวุธหนักรุกรานกัมพูชา กัมพูชาได้รวบรวมเศษกระสุนของไทย 414 ลูก จากการต่อสู้
นายฮุนเซน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้สังเกตการณ์อาเซียนจะมาตรวจสถานการณ์โดยเร็วที่สุด”
สำนักข่าวต้นมะขามวันเดียวกันรายงานความคืบหน้าการนำคณะทูตทหารประจำกรุงพนมเปญเยือนพื้นที่ปราสาทพระวิหาร โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ทูตทหารได้เดินทางเยือนปราสาทพระวิหารแล้วในวันนี้เพื่อแสวงหาความเข้าใจความเสียหายของปราสาทที่เกิดจากทหารระหว่างการปะทะล่าสุด
พล.ต.สรัย ดึ๊ก ได้นำเสนอความเสียหายของปราสาทพระวิหาร และชนิดอาวุธที่ทหารไทยใช้ยิงระหว่างการสู้รบกับเจ้าหน้าที่ทูตทหาร “ทหารไทยได้รุกล้ำเขตแดนกัมพูชา เขาทำลายปราสาทมรดกโลก นั่นเป็นอาชญากรรม” เขากล่าวและเพิ่มเติมว่าทหารไทยใช้คลัสเตอร์บอมบ์ซึ่งถูกหวงห้ามโดยประชาคมนานาชาติ และเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้สถานการณ์พรมแดนในพื้นที่เป็นปกติ”
ทหารไทยมีความต้องการยึดครองและแผ่นดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรใกล้ปราสาทโดยใช้แผนที่ที่บังคับใช้ฝ่ายเดียว