“ประพันธ์” ถามกลับ “ประยุทธ์” หน้าที่ทหารคืออะไร ชี้สุดน่าอายกองทัพไทยแสนยานุภาพอันดับ 2 ของเอเชีย แต่กลับต้องให้ปชช.มุดหลุมเพื่อหนีภัยจากเขมรกระจอก ยันเตือน “ประยุทธ์” ด้วยความเคารพ หวังกลับไปทบทวนว่าจะอยู่ใต้อาณัตินักการเมืองเลวๆแบบนี้ต่อไปหรือ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วานนี้ (1 มี.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวบนเวทีเกี่ยวกับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก ให้สัมภาษณ์เหน็บแนมพันธมิตรฯ ในหลายกรณี นายประพันธ์กล่าวว่า คาดไม่ถึงว่าทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คิดว่าประชาชนจะพึ่งพาได้ แต่วันนี้ชักไม่แน่ใจแล้วต้องฝากคำถามดังๆว่าตกลงจะยืนอยู่กับชาติ ประชาชน หรือจะเดินตามก้นนายอภิสิทธิ์ และพล.อ.ประวิตรเพราะสิ่งที่พูดวันนี้ก็ไม่แตกต่างจาก พล.อ.อนุพงษ์ และพล.อ.ประวิตร แสดงว่าคงเห็นดีเห็นงามกับการที่อดีตผู้บัญชาการของตัวเองได้ดิบได้ดีเสวยสุขกว่าในอดีตตอนที่เป็น ผบ.ทบ. ก็เลยอยากเดินตามรอยบ้างใช่หรือไม่
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ตนดูจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องนักข่าวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมของเสื้อแดง แน่นอนต้องให้ความเป็นธรรมกับทหาร ซึ่งพวกเราไม่เคยต่อว่าทหารเลย เห็นอกเห็นใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ ผบ.ทบ.จะมาโอดครวญไม่ได้ว่าไม่เห็นใจทหารที่บาดเจ็บล้มตาย เพราะการเจ็บการตายจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นเรื่องที่ผบ.ทบ.ต้องรับผิดชอบ เมื่อบ้านเมืองเกิดจลาจลต้องถามย้อนกลับไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลว่าปล่อยให้บ้านเมืองจลาจลอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่แก้ปัญหาแต่ต้นลมจนเหตุการณ์บานปลาย
ส่วนเรื่องที่นักข่าวญี่ปุ่นตายเพราะอาก้า และมีคนพยายามบอกว่าทหารทำ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ควรตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนไหนที่ให้ข่าวใส่ร้ายทหาร รัฐบาลวางยาเพื่อให้ทหารมีชะนักติดหลังไม่รู้หรือ พวกตนยังรู้เลย ผบ.ทบ.เคยถามนายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ว่าบริหารบ้านเมืองอย่างไรถึงฉิบหายได้ขนาดนี้ ต้องดูตัวเองในมุมนี้ด้วย
นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า ประเด็นที่สองนักข่าวถามถึงการชุมนุมของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ต้องแยกให้ออกระหว่างการเมืองกับข้อเท็จจริง และกระบวนการยุติธรรม อยากให้คนไทยวิเคราะห์และแยกแยะให้ออก ถ้าทุกคนเอาเรื่องการเมือง การทหาร และความมั่นคงมาพ่วงกันไปหมด มันก็จะล้มกันไปทั้งหมด และประเทศก็ล้มไปทั้งประเทศ อยากฝากทุกคนว่า การทำอะไรก็ตามให้นึกถึงประเทศชาติไว้ก่อนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเอาแพ้หรือเอาชนะก็ตาม ต้องนึกว่าประเทศชาติจะอยู่กันอย่างไร
“คำสัมภาษณ์ของท่านตอนนี้ ผมอยากจะตอบว่าท่านต้องแยกแยะการชุมนุมของประชาชนให้ออก ต้องดูเป้าหมายให้ออก การชุมนุมของพวกเราเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า หรือเพื่อประเทศชาติ ถ้าแยกแยะไม่ออกก็ยากที่ท่านจะดูแลความเรียบร้อยของชาติได้ ส่วนบางพวกอาจจะชุมนุมเพื่อประโยชน์ของคนบางคน และก่อความวุ่นวายซึ่งท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ปล่อยให้ซ่องสุมอาวุธกำลัง หรือทหารขายอาวุธให้ประชาชน ให้เอาอาวุธสงครามไปยิงผู้บริสุทธิ์ และมันไม่ใช่ประชาชนอย่างเดียว มันมีคนมีสีอย่างพวกคุณแฝงอยู่ในกลุ่มวุ่นวายนั้นด้วย ที่มันไม่สงบไม่ต้องมาถามพวกเราต้องถามพวกคุณต่างหาก” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกว่าสังเกตดูดีๆ วันนี้จะมีทุกกลุ่มออกมาว่า เรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ อยากถามว่ารัฐธรรมนูญมีหมวดเดียวหรือที่เป็นสิทธิ มีหมวดที่เขียนคำว่า หน้าที่ประชาชนชาวไทยที่มีต่อประเทศ หน้าที่ต่อสังคม ต่อครอบครัว ต่อสาธารณะหรือไม่ การชุมนุมต้องไม่ไปปิดกั้น กีดขวาง หรือทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายต่อบ้านเมือง ตนไม่ได้ว่าใครแต่ทุกพวก คือ จะทำอะไรก็ตามอย่าทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ประเทศไหนก็มีการประท้วงทุกประเทศ แต่ไม่เห็นว่าจะมีการยืดเยื้อ และเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าเหมือนบ้านเรา ใครผิดหรือถูกต้องต้องว่ากัน และหาทางจะทำอย่างไรให้ยุติได้โดยเร็ว ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า หวังว่าจะมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง มีเศรษฐกิจที่ดี มีเสถียรภาพ แต่ทุกคนไม่ยอมกัน เอาจุดใดที่ได้เปรียบ หรือจุดใดที่เป็นช่องว่างของกฎหมายมาต่อสู้กัน แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะจบ ใครจะเป็นคนตัดสิน แล้วมาถามเจ้าหน้าที่ทหาร หรือถามคณะกรรมการกลาง คิดว่ามันไม่ถูก
ฟังแล้วตนก็อยากจะถามว่า ประชาชนที่มาชมุนุมเขารู้หน้าที่ของเขา พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปดูมาตราหมวดว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนดูใหม่ ตั้งแต่หมวด 3 มาตรา 26 ไล่ลงไป มาตรา 70-71 ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และมีหน้าที่อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เขาได้ทำตามสิทธิหน้าที่แล้ว
ที่บอกว่า ถ้าใครเรียกร้องเอาแต่สิทธิ ไม่คำนึงถึงหน้าที่และความรับผิดชอบ ผบ.ทบ.ก็บอกมาสิว่ากลุ่มไหน เอาแต่เรียกร้องไม่คำนึงถึงหน้าที่ แต่ที่พันธมิตรฯ มาใช้สิทธิและทำตามหน้าที่ ไปดูรัฐธรรมนูญได้ มาตรา 63 มาตรา 70-71 ประชาชนมีหน้าที่ในการปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตย มีหน้าที่ปกป้องชาติใช่หรือไม่
นายประพันธ์กล่าวว่า ส่วนประเด็นต่อมา พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าอยากให้รัฐบาลเข้มแข็ง และมีเสถียรภาพ ขอถามหน่อยถ้ารัฐบาลโกงและขายชาติยังอยากให้มันเข้มแข็งหรือไม่ มีแต่ควรรีบถีบมันลงจากอำนาจ ไม่ใช่ทำให้มันเข้มแข็ง รัฐบาลแบบนี้เอาไว้ทำซากอะไร
ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามหน้าที่ประชาชน ท่านควรไปถาม พล.อ.ประวิตร ถามตัวเอง ถามกองทัพ ว่าทหารมีหน้าที่อย่างไร อัปยศขนาดไหน ที่กองทัพไทยแสนยานุภาพอยู่อันดับ 2 ของเอเชีย อันดับที่ 28 ของโลก แต่ประชาชนต้องหลบภัยเขมรกระจอก อายหรือไม่ว่าคนไทยต้องมาหลบภัยเขมร ผบ.ทบ. และ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ควรเอาปี๊บคุมหัวที่ปล่อยให้ประชาชนเป็นแบบนี้ หน้าที่ของคุณควรทำอย่างไร ก่อนจะมาอบรมประชาชนควรไปอบรมนายอภิสิทธิ์ก่อนว่าบริหารประเทศอย่างไร
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ทหารมีหน้าที่ยึดปราสาทพระวิหารคืน ไล่เขมรออกไปจากแผ่นดินไทย ไม่ใช่มาถามหน้าที่ประชาชน ไม่อายชาวโลกหรือที่ต้องให้ประชาชนตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ แล้วมาของบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทำไม มันเหนื่อยที่ต้องมาพูดกับคนที่ไม่รู้หน้าที่ คนไม่รู้หน้าที่คือพวกคุณต่างหาก แต่ที่เลวสุดคือรัฐบาลที่มีนโยบายบัดซบทำเสียดินแดน
“ที่บอกว่ากองทัพมีหน้าที่ปฏิบัติตตามรัฐบาล แล้วถ้ารัฐบาลมันโกง มันชั่ว ขี้ขลาดแบบนี้ เหมือนตอนชุมนุม ให้ทหารมือเปล่าไปถูกฆ่าตายท่านก็จะปฏิบัติตามอีกหรือ มันนำทหารไม่ได้ อภิสิทธิ์ยังหนีทหารเลย จะมาบัญชาการทหารได้ไง ให้เด็กวานซืนมาบัญชาการคุณได้อย่างไร โง่ให้รัฐบาลหลอกใช้” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า ตนพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความเคารพและยังให้โอกาสอยู่ แต่นายอภิสิทธิ์ นี่ไม่นับถือว่าเป็นนายกฯนานแล้ว แต่ถ้า ผบ.ทบ.คิดว่านายอภิสิทธิ์ยังควรเป็นนายกฯอยู่ ก็ควรกลับไปทบทวน ถ้ายังฟังคำสั่งรัฐบาลนี้อยู่ ก็ควรทบทวนใหม่ คนแบบ ผบ.ทบ.ไม่ควรตกอยู่ใต้อาณัตินักการเมืองเลวๆ อย่างนี้ หวังว่าคนที่ยังมีสำนึกต่อการรักชาติบ้านเมืองจะยังมีอยู่ ร่วมกำจัดคนชั่วไม่ให้ปกครองเมือง และให้คนดีขึ้นมาปกครองบ้านเมือง
คำต่อ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก และก็กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่อยู่ทั่วโลกด้วยนะครับ ต้องปรบมือสวัสดีทักทายทุกท่านที่อยู่ทางบ้านและอยู่ต่างประเทศด้วยครับ
ไปๆ มาๆ น้องๆ ก็เลยบอกสงสัยเพลงนี้จะต้องเป็นเพลงประจำตัวพี่ประพันธ์ไปเสียแล้ว เพราะขึ้นเวทีมาทำให้อภิสิทธิ์กลายเป็นตัวตลกลงไปทุกที จริง/ไม่จริง ครับพี่น้อง ก็คงจะเป็นเช่นนั้นนะครับ เพราะว่ายิ่งนานวันความเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่หลงเหลือร่องรอยของคนที่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเลยแม้แต่น้อย กลายเป็นตัวตลกของคนไทย กลายเป็นตัวตลกของประชาคมโลก ในขณะที่บ้านเมืองสูญเสียแผ่นดิน ทะลึ่งโฆษณารณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ไอ้ตัวตลกมั้ยครับ พี่น้อง
ขับรถผ่านไปผ่านมาตามถนนหนทาง ปรากฏว่าป้ายหาเสียง ไม่รู้โดนขี้บ้าง โดนโคลนบ้าง โดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ครับ หน้าตา ดูไม่ได้ กลายเป็นตัวตลก เป็นที่หมั่นไส้ เป็นที่รังเกียจของประชาชนทั้งประเทศ
ไม่เพียงว่าเรื่องที่เราพูดอยู่ทุกวันนี้ว่าประเทศไทยได้เสียดินแดนไปแล้ว และประเทศเรากำลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของนักการเมืองภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวการโกง การทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวางที่สุด ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียกว่ามีความสุขตามอัตภาพ หรือมีความสุขอย่างพอเพียง ไม่เคยมีว่าคนไทยจะอดตาย หรือเข้าคิวปันส่วนแย่งกันซื้ออาหาร วันนี้กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ด้วยฝีมือการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สินค้าทุกตัวขึ้นราคาแพงหมดทุกตัว บ้านเมืองก็ตกอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง
ไม่น่าเชื่อครับพี่น้อง น้ำมันปาล์มจากราคาขวดละ 35 บาท 38 บาท วันนี้ไปจนถึง 60 กว่าบาท 70 บาท ไม่น่าเชื่อ น้ำตาลจากเดือนก่อน ขณะที่ผมาพูดเรื่องน้ำตาล น้ำมันปาล์มเดือนก่อน น้ำตาลราคากิโลละ 23 บาท ที่กัมพูชาขาย 33-35 บาท วันนี้ประเทศไทย 30 บาท ++ ขึ้นไปแล้วครับ ข้าวสารก็ขึ้นราคา สินค้าอุปโภคบริโภคทุกอย่างขึ้นราคาไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ขึ้นราคาธรรมดาครับ นี่คือฝีมือการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาล่ะ นักเรียนออกซ์ฟอร์ด คนดี คนเก่งของแม่ยกทั้งหลายที่เคยหลงงมงาย แล้ววันนี้เป็นอย่างไร เดือดร้อนกันทุกครัวเรือนใช่ไหมครับ
ก่อนจะพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนในเรื่องอื่นๆ วันนี้ ผมขออนุญาตนิดเดียว ประกาศให้พี่น้องทราบ มีพี่น้องชาวไทยซึ่งเป็นคนไทยที่ไปทำมาหากินอยู่ที่ประเทศฮังการี ดูเหมือนท่านจะมาร่วมชุมนุมอยู่ที่นี่ด้วยแล้วนะครับ ไม่ทราบอยู่หรือเปล่า แล้วกลับไปหรือยัง ชื่อคุณสุรางค์ แย้มนาม ครับ เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ ศาลาไทยริมน้ำ อยู่ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ฝากบริจาคผ่านผมมา 500 เหรียญสหรัฐฯ ต้องปรบมือให้กับท่านด้วย ท่านเขียนมาที่หน้าซองบอกว่า เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ขอสมทบทุนช่วยปราสาทเขาพระวิหาร ในโอกาสที่ได้ฟังคุณประพันธ์ปราศรัยถึงความจริง รู้สึกเสียใจมากที่สูญเสียแผ่นดินไทยของคนไทย ดิฉันจะเดินทางกลับประเทศฮังการี ในวันที่ 3 มีนาคม 2554 ขอให้คุณและคณะพันธมิตรฯ จงชนะครับ พี่น้องครับ ปรบมือและให้กำลังใจท่านด้วยนะครับ
พี่น้องครับ พี่น้องชาวไทยที่อยู่ทั่วโลก ผมยืนยันได้เลยนะครับว่า 99.99% เอาใจช่วยการต่อสู้ของพวกเราที่นี่ และอวยพร ให้กำลังใจ ให้ภารกิจของเราครั้งนี้ประสบชัยชนะ ไม่ว่าอยู่ประเทศไหน ยืนยันได้เลย ผมทั้งได้รับโทรศัพท์ อีเมล์ และจดหมาย และส่งเงินส่งทองมาในเวลาที่พี่น้องชาวไทยกลับมาจากต่างประเทศ บางคนถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนประเทศไทย กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอน ก็มาร่วมชุมนุมกับพวกเราและบริจาคเงินแบบนี้ เมื่อวานก็มีพยาบาลท่านหนึ่งซึ่งผมกราบเรียนท่านไปแล้ว ต้องขอบพระคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนที่รักและหวงแหนแผ่นดิน และยังเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของความเป็นพลเมืองไทยอย่างดีที่สุด
พี่น้องครับ เมื่อวานนี้ผมได้พูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนไปแล้ว และก็ได้นำบันทึกที่เป็นข้อเขียนของท่าน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งท่านได้เขียนไว้อาลัยในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่าน พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล อดีตเจ้ากรมแผนที่ทหาร ณ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2532 ต้องกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนและชาวไทยทุกท่านครับ เป็นข้อเขียนและบันทึกที่พวกเราชาวไทยสะเทือนใจมาก และผู้หลักผู้ใหญ่และพี่น้องประชาชนที่ได้ฟังและได้เห็นบันทึกดังกล่าวนี้ ต่างรู้สึกเสียใจและเศร้าสลดใจ กับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรีในนามสังกัดพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ได้เคยสำนึกในบุญคุณ ในเจตนารมณ์ ในอุดมการณ์ ในจุดยืนของบรรพบุรุษของไทยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่านายอภิสิทธิ์จะเป็นได้ถึงเพียงนี้
เพื่อความต่อเนื่อง ผมจึงได้นำบันทึกอีกฉบับหนึ่งซึ่งอยู่ในงานเดียวกันนี้ ของ พ.อ.(พิเศษ) พูนพล อาสนจินดา ต่อกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งท่านก็ได้เขียนบันทึกเรื่องเดียวกันนี้ไว้ในงานพระราชทานเพลิงศพของ พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล เช่นเดียวกัน พี่น้องทั้งหลายท่านอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ฟังข้อเขียนอันนี้ หรือได้อ่านข้อเขียนอันนี้ คุณเติมศักดิ์ได้พูดไปบ้างแล้วเมื่อช่วงเย็น แต่พี่น้องที่ฟังอยู่ทางบ้าน และหลายคนที่อยู่ต่างประเทศ ส่งข่าวมาถึงผมบอกว่าอยากจะให้คุณประพันธ์ได้ช่วยอ่านอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะทำให้พวกเขาได้รู้ข้อเท็จจริงว่าบรรพบุรุษของไทยนั้น มีความเห็น มีทัศนคติ มีจุดยืน มีความเข้าใจต่อปัญหาประเทศชาติ ดินแดน และอธิปไตยของไทย กรณีปราสาทพระวิหารอย่างไร และทำไมวันนี้รัฐบาลไทยจึงไม่ได้มีจุดยืนเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของไทยที่ผ่านๆ มา
ไม่ยาวครับ สั้นๆ นิดเดียว เพื่อความสมบูรณ์ของเรื่องนี้ ท่าน พ.อ.(พิเศษ) พูนพล อาสนจินดา ได้เขียนต่อกรณีเขาพระวิหารไว้ในงานพระราชทานเพลิงศพ ของท่าน พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล ดังนี้นะครับ ... แสดงว่าเรื่องนี้มันศักดิ์สิทธิ์นะครับ พอจะเริ่มอ่านก็เลยหายไปเลย ผมก็เลยต้องกลับมาพลิกหาใหม่ เมื่อกี้เพิ่งอ่านไปหยกๆ ใจเย็นๆ นิดหนึ่งนะครับ ขัดข้องทางเทคนิคนิดเดียว
ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญตรงนี้ครับ คือสำคัญตรงที่ว่า ในบันทึกของท่าน พ.อ.พูนพล อาสนจินดา นี้ได้พูดถึงพระราชกรณียกิจของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ไว้ด้วย ในเรื่องการปกป้องแผ่นดิน ท่าน พ.อ.พูนพล ได้เขียนไว้ดังนี้
"เพื่อเป็นที่ระลึกในคุณงามความดีที่ท่านได้กระทำเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ผมจะขอเล่าเรื่องที่ท่านได้มีส่วนทำงานอย่างหนึ่ง ระหว่างที่เป็นเจ้ากรมแผนที่ทหาร นั่นก็คือ การเป็นกรรมการเตรียมการต่อสู้คดีเขาพระวิหารที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ การต่อสู้คดีนี้ทำให้ท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง เพื่อไปศาลบ้าง ไปค้นหาข้อมูลในต่างประเทศบ้าง มีหลายครั้งที่ผมต้องติดตามท่านไปในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา และในฐานะกรรมการคนหนึ่งด้วย
ท่านได้ทุ่มเทความสามารถเป็นอย่างมากในการที่จะต่อสู้คดีเขาพระวิหาร และเห็นว่าข้อมูลทางสัญญาก็ดี หรือทางแผนที่เขตแดนก็ดี โอกาสที่เราจะชนะคดีมีอยู่มากทีเดียว แต่การพ่ายแพ้ครั้งนั้นมันเป็นการเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
เนื่องมาแต่ในอดีตกาล จากประเทศมหาอำนาจที่ยังมีอำนาจและอิทธิพล ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ก็ประกอบด้วยผู้พิพากษา ตัวแทนจากประเทศต่างๆ ส่วนมากจากยุโรป ซึ่งในอดีตเป็นประเทศที่แสวงหาอาณานิคมอยู่แล้ว การพิพากษาจะให้ฝ่ายใดแพ้หรือชนะ ขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของผู้พิพากษาทั้งคณะ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในการตัดสิน คือผู้พิพากษาผู้แทนจากประเทศจีนคณะชาติ (ไต้หวัน) อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย และที่สนับสนุนคำพิพากษาให้เราแพ้คดี คือ ผู้พิพากษาจากประเทศอังกฤษ
ที่ได้กล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องการสร้างความจงเกลียดจงชังกันตลอดไป แต่ชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติของบุคคลที่มักคำนึงถึงชาตินิยมด้วยกันทั้งนั้น
ในการค้นคว้าเอกสารที่ห้องสมุดของสมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติ ประเทศอังกฤษ เราได้พบแผนที่ฉบับหนึ่ง เขียนโดยมิสเตอร์ปาวี กงสุลและนักแผนที่ชาวฝรั่งเศส ในแผนที่ฉบับนั้นมีเส้นร่างแบ่งเขตอิทธิพลของฝรั่งเศสและอังกฤษไว้อย่างชัดเจน คือแนวกึ่งกลางแม่น้ำปิง ลงไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา และตลอดกึ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงปากอ่าวไทย โดยกำหนดให้ดินแดนประเทศสยาม (ไทย) ทางตะวันออก อยู่ในเขตอิทธิพลของฝรั่งเศส และทางตะวันตก อยู่ในเขตอิทธิพลของอังกฤษ
แผนที่ฉบับนี้ได้พิมพ์เผยแพร่แล้ว แต่คงจะรอการปฏิบัติเท่านั้น พอดีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงไหวทันเหตุการณ์ จึงทำให้การแบ่งปันดินแดนสยามตามแผนของมิสเตอร์ปาวี ต้องระงับไป แต่เขาก็ได้ประเทศลาวและเขมรไปจากแผ่นดินสยาม แต่ความพยายามที่จะเอาที่ดินของไทยนั้นไป ความพยายามที่ไม่สิ้นสุด เมื่อตอนที่ฝรั่งเศสจะจากเขมร หรือกัมพูชาไป ยังเตือนให้เขมรเอาดินแเดนเขาพระวิหารไปด้วย เพราะได้แอบเขียนแผนที่ให้เขาพระวิหารอยู่ในเขตของกัมพูชา โดยตกแต่งเพิ่มลำธารในแผนที่ อำพรางให้เห็นว่าสันปันน้ำอยู่ทางด้านหลังปราสาท
เพราะเหตุนี้ จึงเกิดเป็นคดีให้กัมพูชาฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ให้ประเทศไทยคืนปราสาทเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา ที่จริงตามสัญญายกดินแดนให้แก่ฝรั่งเศสสมัยนั้น ได้กำหนดเอาสันปันน้ำเป็นเขตแดน แผนที่เป็นแต่หลักฐานประกอบ หรือหลักฐานชั้นรองลงมา ซึ่งขณะนั้นฝ่ายไทยไม่มีอุปกรณ์และความรู้ที่จะทำได้ จึงให้ฝรั่งเศสเป็นผู้จัดทำ และเรียกว่า เครแมติกส์ หรือร่างแผนที่สำหรับใช้ในการเจรจาตกลงเขตแดนแต่ละส่วน แต่ตอนที่เขมรฟ้องดินแดนเขาพระวิหารนั้น เขาเอาแผนที่ซึ่งพิมพ์ในแบบแอตลาส (Atlas) หรือแผนที่เล่ม มาอ้างว่าเป็นแผนที่ต่อท้ายสัญญา ซึ่งคณะกรรมการปักปันไม่เคยใช้เลย
เรื่องนี้ทนายฝ่ายไทย โดยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นประธาน ได้แถลงศาลอย่างชัดเจน แต่ผู้พิพากษาก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ หรือไม่มีความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์เลยแม้แต่น้อย หลังจากคดีเขาพระวิหารเสร็จสิ้นลง หลายปีต่อมา ผมได้สังเกตเห็นผลแห่งกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ คือประมุขของกัมพูชาได้ขึ้นไปเหยียบปราสาทพระวิหาร บนยอดเขาที่เป้ยตาดี เพียงครั้งเดียว ไม่ปรากฏว่ามีการฉลองในความสำเร็จแต่ประการใด ต่อมาไม่นาน ประมุขกัมพูชาก็ถูกภัยตามคุกคามภายในประเทศของตนเอง และแล้วทหารต่างแดน คือเวียดนาม ก็เข้ามายึดครองแผ่นดินส่วนใหญ่
ประมุขของประเทศกัมพูชาจึงต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอื่น ประเทศกัมพูชาถูกแบ่งออกเป็นหลายฝ่ายทางการเมือง และทำการรบพุ่งประหารกันเองระหว่างชาวเขมร จนประชาชนเกือบจะหมดแผ่นดินอยู่แล้ว ที่หนีความตายและอดอยากมาอาศัยอยู่ในค่ายอพยพในประเทศไทยก็มีมาก นับว่ายังโชคดี ส่วนผู้พิพากษา ประธานศาล ที่เป็นชาวโปแลนด์ ได้ถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา เมื่อได้มีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ได้แก่ ผู้พิพากษาชาวออสเตรเลีย ที่เขียนคัดค้านการตัดสินให้ฝ่ายไทยแพ้คดีอย่างรุนแรง โดยอ้างเป็นเชิงว่า การที่ฝรั่งเศสได้ดินแดนทั้งนั้นไปจากไทย ก็โดยอำนาจอย่างไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว ยังจะเอาปราสาทเขาพระวิหารไป โดยเขียนแผนที่ผิด จึงไม่เห็นด้วย
เรื่องที่เล่ามานี้เป็นผลแห่งกรรมของบุคคล และผลแห่งกรรมของประเทศด้วย จึงขอเตือนทุกท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีเหมือนกัน"
พี่น้องครับ ที่ผมจะอ่านเรื่องนี้ก็เพื่อความสมบูรณ์ที่จะฝากเรื่องนี้ไปถึงนายอภิสิทธิ์ และจะถือโอกาสพูดไปถึง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย ว่าควรจะรู้จักหน้าที่ของตนเอง และใครกันแน่ที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง หน้าที่ของนายกฯ และหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทบ.ควรจะทำอะไร อย่างไร ในสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้
โดยข้อเขียนทั้ง 2 ฉบับนี้ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็ดี และของท่าน พ.อ.พูนพล อาสนจินดา ก็ดี เป็นข้อเขียนที่ชี้ให้เห็นโดยปราศจากข้อสงสัย และแจ้งชัด สอดคล้องกับหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่พวกเราบนเวทีนี้ได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนและเพียรพยายามเสนอให้รัฐบาลเข้าใจและทำหน้าที่ต่อการปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ เราเพียรพยายามรวบรวม ตั้งทีมวิชาการศึกษา โดยตั้งกองทุนทวงคืนเขาพระวิหารด้วยเงินทุกบาททุกสตางค์ของพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลไม่เคยสนับสนุนการทำงานของพวกเราเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับนำเงินงบประมาณของแผ่นดินไปจ้างนักวิชาการทำการศึกษาวิจัยเพื่อจะยกแผ่นดินไปให้เขมรอย่างเดียว
ใครกันแน่ไม่รู้หน้าที่ ไม่รู้สำนึกของการที่จะต้องรักษาแผ่นดิน ข้อเขียนนี้ก็ยืนยันอยู่แล้วว่าประเทศไทยถูกปล้นดินแดนและอธิปไตย รวมทั้งตัวปราสาทพระวิหาร ไปโดยอัปยศที่สุดของศาลโลก และประเทศไทยไม่ควรจะยอมรับคำตัดสินของศาลโลก บอกไว้เลย ถ้าแผ่นดินเปลี่ยนเมื่อไร อำนาจเปลี่ยนเมื่อไร คนชั่วหมดไป คนดีขึ้นมาครองเมือง ต้องยึดเอาปราสาทพระวิหารคืนมา และไม่ต้องไปสนใจศาลโลกโดยเด็ดขาด และไอ้นักวิชาการคนไหนที่มันวิจัยแบบชั่วๆ ขายชาติ จับมันไปประหารชีวิตให้หมดครับ คนแบบนี้เอาไว้ก็หนักแผ่นดินครับ ไม่รู้คุณชาติ ไม่รู้คุณแผ่นดิน รวมทั้งไอ้พวกรัฐมนตรี และผู้มีหน้าที่ทั้งหลาย ถ้ามันไม่สำนึก ว่าวันนี้คุณทำให้ชาติเสียแผ่นดิน
ผมหวังว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ไอ้คนชั่วที่ครองเมืองอยู่ มันอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ จะต้องมีอันเป็นไปอย่างแน่นอน
พี่น้องครับ ในข้อเขียนของ พ.อ.พูนพล ตอนหนึ่งพูดถึงว่า ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส มันเขียนแผนที่แบ่งประเทศไทยกันไว้เรียบร้อยแล้ว ระหว่างลาว กัมพูชา และดินแดนประเทศไทย มันแบ่งกันจนกระทั่งไปจนถึงแผ่นดินไทยอาจจะเหลืออยู่ไม่ถึงด้ามขวานทอง
ตามแผนที่ที่เขียนฝั่งตะวันออกให้เป็นอังกฤษ ฝั่งตะวันตกให้เป็นฝรั่งเศส ที่เขียนไว้ในนี้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระจุลจอมเกล้าฯ ไหวทันนั้นก็คือ นี่ปีนี้ครบรอบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านนะครับ จะเข้าปีที่ 101 คือ 2554 ถ้าครบ 23 ตุลาฯ ก็เป็นปีที่ 101 ที่ท่านไหวทันก็คือ เพราะว่าอังกฤษกับฝรั่งเศสมีแผนจะฮุบแผ่นดินไทยไปเกือบหมดครับ หลังจากที่มันได้ลาว ได้กัมพูชา เสียมราฐ พระตะบองไปแล้ว มันยังไม่พอใจ มันยังเขียนแผนที่เอาตามอำเภอใจ ไอ้ประเทศมหาอำนาจ 2 ประเทศ นักล่าอาณานิคม อังกฤษ ฝรั่งเศส
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านไหวทัน จึงเสด็จประพาสยุโรป และไปเยือนรัสเซีย ไปผูกสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 เดินทางรอนแรมด้วยเรือ กว่าจะถึงรัสเซีย พี่น้องคิดดูว่าต้องใช้เวลาแรมเดือนมั้ย ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ด้วยความอดทนและมีสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ท่าน เดินทางไปที่รัสเซียและเจรจาสัมพันธไมตรี ผูกสัมพันธไมตรีระหว่างราชวงศ์ไทย ราชอาณาจักรไทย กับสหภาพโซเวียตในขณะนั้น จนมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น มีบุตรหลานในเชื้อพระวงศ์ไปอภิเษกสมรสกับชาวรัสเซีย มีการติดต่อค้าขาย มีการแลกเปลี่ยนทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แล้วหลังจากนั้นท่านก็เดินทางจะมาฝรั่งเศสด้วย เพื่อที่จะมาฝรั่งเศส เพราะเรากับฝรั่งเศสยังมีหลายเรื่องที่จะต้องมีการเจรจา เรื่องสนธิสัญญาแบ่งปันดินแดนกันอยู่
ด้วยความชาญฉลาของท่าน พระเจ้าซาร์ นิโคลัส ออกอุบาลให้ถ่าย ฉายพระรูป พี่น้องเห็นไหมครับที่รัชกาลที่ 5 ฉายพระรูปกับพระเจ้าซาร์ นิโคลัส แล้วก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อยู่ด้วยกัน พร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จะเดินทางมาที่ฝรั่งเศส ภาพนี้ได้เผยแพร่ไปในยุโรปหมดเลยครับ และก็ลงตีพิมพ์ในฝรั่งเศส หนังสือพิมพ์ที่ลงตีพิมพ์ คือหนังสือพิมพ์ Le Petits หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสก็ตีพิมพ์ภาพนี้เผยแพร่ไปในยุโรปหมด เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯ มาที่ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสตอนนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ยังมีความกังวลพระทัยอยู่ว่า ฝรั่งเศสจะต้อนรับพระองค์ท่านอย่างไร เพราะเรากับฝรั่งเศสมีปัญหากันมาตลอดเรื่องดินแดนและข้อพิพาท เพราะสองประเทศนี้เอาเรือปืนมาปิด แล้วก็รุกรานประเทศไทย บังคับให้เราทำสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ไม่ว่าสนธิสัญญาบาวริ่ง และสัญญาอื่นๆ แวร์ซายน์ บาวริ่ง ตามมาหมดประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย มาทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
พี่น้องเชื่อไหมครับ เมื่อท่านเดินทางมาถึงฝรั่งเศส ฝรั่งเศสมันต้อนรับพระองค์ท่านอย่างดีมาก ผิดไปจากความคาดหมายของพระองค์ท่านเลย เพราะมันกลัวอิทธิพลของรัสเซียครับพี่น้อง และด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเจรจาสนธิสัญญาแบ่งปันดินแดนระหว่างไทยกับราชอาณาจักรฝรั่งเศสมีข้อยุติ และเราก็จึงต้องเสียลาว เสียกัมพูชาไป และเราก็ยังคงแผ่นดินขวานทองอยู่ทุกวันนี้ รวมทั้งปราสาทพระวิหารนั้น ก็ได้แบ่งปันหลักเขตกันไปตามสนธิสัญญา 1904 , 1907 , 1919 ต่อเนื่องมา โดยถือสันปันน้ำ มันยุติไปแล้ว ที่ท่าน พ.อ.พูนพล พูดถึงนั้น คือเราได้แบ่งอาณาเขตจบไปแล้ว ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และกัมพูชา
ผมไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์นี้เป็นคนไทยหรือเปล่า เคยศึกษาประวัติศาสตร์ไทยบ้างหรือเปล่า เคยสำนึกถึงความรู้สึกของคนร่วมชาติมั้ยว่า บัดนี้ดินแดนไทยที่รัชกาลที่ 5 ล้นเกล้าฯ ปกป้องรักษาไว้ให้กับพวกเรานั้น กำลังจะสูญเสียไปเพราะน้ำมือของแก นายอภิสิทธิ์ คุณพึงสำนึกบ้าง ผมไม่รู้ว่าชาติตระกูลของคุณทำไมไม่อบรมสั่งสอนลูกหลานของคุณบ้าง ให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้รู้สึกรู้สา ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย กับการที่แผ่นดินไทยถูกทหารกัมพูชา ถูกคนกัมพูชามายึดครอง ไม่ได้คำนึงถึงอุดมการณ์ ไม่เคยคำนึงถึงเจตนารมณ์ ไม่เคยคำนึงถึงสิ่งที่บรรพบุรุษไทยเคยสู้ เคยทำมาเลย กับประเทศล่าอาณานิคม มันกลายมาเป็นขี้ข้าเขมร ซึ่งเป็นประเทศทาส ประเทศขี้ข้าของประเทศล่าอาณานิคม เสือกมาใหญ่กับประเทศไทยอีก มันเลวบัดซบมั้ยพี่น้อง ไม่น่าเชื่อเลย เขมรมันเป็นประเทศขี้ข้าของอาณานิคมฝรั่งเศส วันนี้ไอ้ขี้ข้าเขมร ไอ้ฮุน เซน เสือกทะลึ่งจะมาล่าอาณานิคมเอากับประเทศไทยอีก
พี่น้องครับ ผมอยากให้พี่น้องดูภาพอีกครั้งหนึ่ง ว่าปัจจุบันนี้บริเวณปราสาทพระวิหารนั้นเป็นอย่างไร อยากให้นายอภิสิทธิ์ อยากให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดูภาพนี้ไปพร้อมๆ กัน และผมจะถือโอกาสปุจฉาวิสัชชนา และวิพากษ์วิจารณ์ ติชมคุณด้วยความเป็นธรรม
ขอให้ได้ดูภาพเหตุการณ์บนปราสาทพระวิหารว่า ณ วันนี้มันเป็นอย่างไร ดูเอานะครับ ว่าขณะนี้ดินแดนที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เขียนไว้ พ.อ.พูนพล และผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายในบ้านเมือง รวมทั้งพวกเราที่เพียรพูดถึงนั้น เวลานี้ปราสาทพระวิหารเป็นอย่างไร พี่น้องดูเอาเองก็แล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวเราได้คุยกันต่อ ใช้เวลาดูนิดหนึ่ง
เวลานี้มันเป็นค่ายทหารไปหมดแล้ว เห็นหรือยังครับพี่น้อง ทหารกัมพูชาขึ้นมาอยู่บนนี้ แล้วก็ตัดถนนจากภูมะเขือขึ้นมา จากบ้านโกมุยขึ้นมาที่ภูมะเขือ แล้วเข้ามายังตัวปราสาทพระวิหาร และหมู่บ้านคนไทยที่เวลานี้อยู่อย่างไร เดี๋ยวดูกันให้จบ และผมจะถือโอกาสคุยและถามกับท่านนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ครับ เขาตัดถนนจากบ้านโกมุย ขึ้นมาและก็มาเป็นถนนคอนกรีตขึ้นมาจนกระทั่งถึงภูมะเขือ และก็เข้ามาจนกระทั่งถึงวัดสิกขาคีรีสวาระ และตัวปราสาท เขาจึงสามารถขนอาวุธและทหารขึ้นมาบนปราสาทพระวิหารได้ ภายใต้การบริหารการปกครองประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และภายใต้รัฐบาลที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ ไปแล้ว ก็มาต่อเนื่องด้วย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเสนาธิการทหาร เป็น รอง ผบ.ทบ.อยู่ใช่ไหมครับ พวกคุณดูแลบ้านเมืองกันอย่างไร ถึงเป็นอย่างนี้
พี่น้องครับ พี่น้องเห็นภาพดังกล่าวนี้แล้ว ผมจึงเศร้าสะเทือนใจว่า จากวันนั้น เมื่อปี 2505 นับตั้งแต่ศาลโลกตัดสิน มาจนถึงวันนี้ ปราสาทพระวิหารเป็นอย่างไร เห็นหรือยังครับว่ามันได้กลายเป็นฐานทัพของคน ของทหารกัมพูชาไปแล้ว มันได้กลายเป็นชุมชนของคนกัมพูชาไปแล้ว มันได้กลายเป็นถนน เป็นฐานที่มั่นของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว คำถามก็คือ ประเทศไทยเสียดินแดนหรือยัง มีใครจะต้องมาเถียงเรื่องนี้อีกครับพี่น้อง
พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ คุณยังจะต้องเถียงประชาชนในเรื่องนี้อีกไหมว่าประเทศไทยเสียดินแดนให้กับกัมพูชาไปแล้ว ถ้าตราบใดคุณยังไม่ผลักไส ไม่ไล่คนพวกนี้ออกจากแผ่นดิน มันก็คือเราเสียดินแดนไปแล้วโดยพฤตินัย ใช่ไหมครับ
ในส่วนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น พี่น้องครับ ไม่ต้องพูดถึงอีกเลยว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์นั้นได้ทรยศต่ออุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ไปเรียบร้อยตั้งนานแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่รู้สึก รู้ร้อนรู้หนาว ต่อความรู้สึกของคนในชาติเลย เดินหน้าอย่างเดียว คือกูอยากจะกลับมาเป็นนายกฯ อย่างไร ทั้งๆ ที่ประชาชนประณามสาปแช่งทั้งบ้านทั้งเมือง ยังหน้าด้านจะกลับมาเป็นนายกฯ อีก
พี่น้องรู้มั้ยครับ คนในพรรคประชาธิปัตย์บอกผม และยืนยันได้ว่าวันนี้เขากำลังหาทางจะโค่นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับนายอภิสิทธิ์ กันอยู่ครับ แต่วันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับนายอภิสิทธิ์นั้น มันได้ถลำลึกไปสู่การเมืองแห่งความหายนะไปแล้ว คนในพรรคประชาธิปัตย์ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง และรักอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าวันนี้เงินไม่น้อยกว่าเป็นหมื่นล้าน มันโถมเข้าไปทับพรรคประชาธิปัตย์ จนอุดมการณ์แทบจะหายไปหมดแล้ว
ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์รับเงินไม่ต่ำกว่า 2 ทางครับ ส.ส.ที่อยู่ในสังกัดที่เขาสั่งให้ซ้ายหัน ขวาหัน ยกมือได้นั้น รับเงินไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2-3 แสน เกินครึ่งพรรคครับ ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนในพรรคประชาธิปัตย์ พี่น้องประชาธิปัตย์ที่ยังรักชาติ รักอุดมการณ์อยู่ จำเอาไว้ว่าพวกคุณเอาเงินมาจากไหนมาแจกกันทุกเดือน ถ้าคุณไม่ได้เงินสกปรกมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือมีนายทุนที่ทุจริตคดโกงบ้านเมือง เอาไปสนับสนุนพวกคุณ แล้วบรรดาพวกนกแล แก๊งไอติม กระดี๊กระด๊า สนุกสนาน แฮปปี้ กับการที่ได้เดินตามก้นนายอภิสิทธิ์ และคอยยกก้นประคับประคองนายอภิสิทธิ์ โดยไม่คำนึงถึงความหายนะของบ้านเมือง มันจึงทำให้เวลานี้ ผมบอกตรงๆ เมื่อก่อน พี่น้องชาวใต้อย่าโกรธผมนะครับ เมื่อก่อนพรรคนี้ ถ้าพี่ชวนไอนิดเดียวก็เป็นเรื่องแล้ว ถ้าพี่ชวนขยับกายนิดเดียวก็เป็นเรื่องแล้ว เวลานี้สุเทพมันขี่คอพี่ชวนไปแล้ว รู้มั้ย
มันไม่เคยเคารพเกรงใจพี่ชวนเลย คนใต้ทั้งหลายรู้ไว้บ้าง ว่านายชวน หลีกภัย ที่พี่น้องให้ความรักให้ความเคารพนั้น เคยเสนอนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นรัฐมนตรี เสนอชื่อเข้าไปในที่ประชุมพรรค มีคนยกมือสนับสนุนนายนิพิฏฐ์เสียงเดียวครับ นอกนั้นเอาตามนายสุเทพหมดเลยครับ แล้วเมื่อไรคนใต้จะลุกขึ้นมาจัดการกับคนที่ทรยศต่ออุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ครับพี่น้อง คุณปล่อยบ้านเมืองไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก วันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นหัวหลักหัวตอ นายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ ขี่คอ ข้ามหัว หลอกต้ม ใช้ผู้หลักผู้ใหญ่แ ละไม่เคยให้ความเคารพนับถือ พรรคประชาธิปัตย์มาถึงยุคที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ผมยืนยันได้เลยครับ
แล้วสมาชิกที่เขารักชาติ รักบ้านรักเมือง และรักพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ เขาอิดหนาระอาใจกับบรรยากาศในขณะนี้ที่สุด ผมเชื่อว่าวันหนึ่ง 2 คนนี้จะต้องเผชิญหน้ากับการลุกขึ้นสู้ของคนในพรรคที่จะต้องลุกขึ้นมาจัดการกับ 2 คนนี้อย่างแน่นอน
พี่น้องครับ ยังไงเราก็ต้องปรบมือให้กับคนที่ยังมีจิตวิญญาณ อยากจะสู้กับความไม่ถูกต้องที่มีอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์หน่อยครับ ผมรู้อยู่ว่ามีหลายคนที่เขาอึดอัดและไม่พอใจกับบรรยากาศในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์คุณพึงสังวรณ์ไว้เถอะ นี่คือพรรคประชาธิปัตย์ ขนาดหลักการ อุดมการณ์ของบรรพบุรุษ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มันยังไม่สนใจเลยครับพี่น้อง แล้วสัมหาอะไรกับพี่น้องประชาชนเขาจะมาสนใจ สิ่งที่เขาพูดไว้กับประชาชนล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกตอแหลทั้งสิ้น นี่คือความเป็นจริงของนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค นโยบายทั้งหลายที่มาหาเสียงกับประชาชน เป็นการหลอกลวง ต้มตุ๋น และเอาเงินประชาชนไปแจกไปหว่าน หาเสียง ซื้อเสียงล่วงหน้ากับประชาชน ทำเลวยิ่งกว่าทักษิณทำ นี่คือความจริงในบ้านเมืองซึ่งมันอัปยศ
ส่วนที่เราเศร้าใจและเสียใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า ผมคิดไม่ถึงครับพี่น้องว่าทหารอย่างท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราก็คิดว่าเป็นทหารที่ประชาชนจะฝากผีฝากไข้ พึ่งพาได้ คิดว่าจะเป็นทหารเสือราชินีที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี แต่วันนี้ผมชักไม่แน่ใจ และต้องฝากคำถามดังๆ ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ แล้วว่าตกลงคุณจะยืนอยู่กับชาติ กับประชาชน หรือคุณจะเดินตามก้นนายอภิสิทธิ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุณจะเลือกเอาใคร ระหว่างชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน นี่คือคำถามที่คุณต้องตัดสินใจ เพราะสิ่งที่คุณแสดงออกมาในวันนี้คุณก็พูดไม่แตกต่างอะไรจาก พล.อ.อนุพงษ์ หรือพูดอะไรไม่แตกต่างจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลยแม้แต่น้อย
แสดงว่าคุณคงเห็นดีเห็นงามและชื่นชมไปกับการที่อดีตผู้บัญชาการของคุณ หรือผู้บัญชาการทหารบกของคุณ มาเล่นการเมืองแล้วได้มีอำนาจ ได้ดิบได้ดี มีความสุข เสวยสุข กว่าในอดีตที่เคยเป็น ผบ.ทบ. คุณคงอยากจะเดินตามรอย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บ้าง ใช่ไหมครับคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผมดูจากคำสัมภาษณ์ของท่าน เอาล่ะ เรื่องที่นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตนี้ ผมก็คิดว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทหาร พวกเราประชาชนในที่นี้ ไม่เคยปรักปรำทหารและกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่คราวนั้นเลย ก็ยืนยันว่าพวกผม และพี่น้องประชาชนพันธมิตรประชาชนฯ ให้ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจทหารที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนั้น ไม่ว่า พ.อ.ร่มเกล้า และนายทหารอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว หรือทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง พวกเราแสดงความเห็นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน และยังรวบรวมเงินทอง สิ่งของ ไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าด้วย เป็นจำนวนไม่น้อย
เราไม่เคยตำหนิทหารและไม่เคยตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน แต่ท่านจะโอดครวญก็ไมได้ ว่าไม่เห็นใจทหารบ้างเหรอที่เจ็บ ที่ตาย ที่เสียชีวิต การเจ็บ การตาย การเสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องรับผิดชอบ และอาสามาทำหน้าที่เมื่อบ้านเมืองเกิดเหตุวุ่นวาย เกิดเหตุจลาจล คำถามต้องถามย้อนกลับไปที่ท่านและรัฐบาล ท่านปล่อยให้บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์จลาจลเช่นนั้นได้อย่างไร ในฐานะดูแลความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ
ปล่อยให้ปัญหาบานปลายจนกระทั่งเกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนและทหารโดยไม่จำเป็นทำไม ถ้าท่านรู้จักแก้ไขปัญหา ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ปัญหาของชาติมันก็ไม่ลุกลามบานปลายมาจนกระทั่งถึงบัดนั้น นี่คือสิ่งที่อยากจะฝากให้คุณกลับไปคิด
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่านักข่าวญี่ปุ่นตายเพราะกระสุนปืนอาก้า และมีคนพยายามจะพูดไปให้เห็นว่าเป็นทหารทำ หรือใครทำนั้น มันก็ไม่ใช่พวกเราเป็นผู้ไปกล่าวหาท่าน ที่สำคัญท่านน่าจะตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลคนไหนปล่อยข่าวเรื่องนี้ และให้ข้อมูลกับสังคมในลักษณะใส่ร้ายทหาร และทำให้ทหารเป็นผู้ร้ายในสายตาของประชาชน ไม่ใช่พวกเราแน่นอนใช่ไหมครับพี่น้อง ท่านต้องไปติดตามเอาว่า รัฐบาลเขาวางยาคุณ เขาต้องการให้คุณมีชนักติดหลัง คุณยังไม่รู้อีกเหรอ เรายังรู้เลย
นักข่าวเขาก็ต้องถามตามหน้าที่ของเขา เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องเหตุการณ์ที่นักข่าวญี่ปุ่นตาย มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายในเหตุการณ์ 91 ศพนั้น มันเป็นความผิดของใคร มันเป็นความบกพร่องของใคร ท่านเคยถามหน้าที่ของคนที่รักษาความสงบเรียบร้อย ท่านเคยถามนายอภิสิทธิ์ เคยถามนายสุเทพ เคยถาม พล.อ.ประวิตร มั้ยว่าบริหารบ้านเมืองแบบไหน บ้านเมืองถึงฉิบหายแบบนี้ บริหารบ้านเมืองอย่างไร เขาถึงไปบุกพังทลายการประชุมอาเซียนได้ อายเขาไปทั้งโลก ดูแลบ้านเมืองแค่นี้ก็ไม่ได้ ให้กุ๊ยถ่อยอันธพาลไปบุกได้อย่างไร คุณต้องดูตัวเองในมุมนี้ด้วย
ถ้าหากมีการดำเนินการกับผู้ชุมนุม หรือผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีประชาชนคนไหนตำหนิติเตียนคุณเลย มีแต่เขาตำหนิว่าปล่อยให้บ้านเมืองมีการละเมิดกฎหมาย ไม่มีขื่อมีแปอย่างนี้ได้อย่างไร ต่างหาก ใช่ไหมครับ
ส่วนประเด็นที่ 2 ที่คุณพูดถึง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญก็คือว่า ท่านพูดถึงการชุมนุม การเรียกร้องของพี่น้องประชาชน และก็บอก 2 ตอน ตอนแรกท่านบอกว่า พอมีคนไปถามเรื่องนี้ท่านก็บอกว่า ต้องแยกให้ออก ระหว่างการเมืองกับข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม อยากให้คนไทยวิเคราะห์แยกแยะให้ออก ถ้าทุกคนเอาเรื่องการเมือง การทหาร และความมั่นคงมาพ่วงกันไปหมด มันก็จะล้มกันไปหมด ประเทศก็ล้มไปทั้งประเทศ อยากฝากทุกคนว่า การทำอะไรก็ตามให้นึกถึงประเทศชาติไว้ก่อนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเอาแพ้หรือเอาชนะก็ตาม ต้องนึกถึงประเทศชาติ จะอยู่กันอย่างไร
นี่คำสัมภาษณ์ของท่าน คำสัมภาษณ์ของท่านตอนนี้ผมอยากจะตอบว่าอย่างนี้ ท่านต้องแยกแยะการชุมนุมของประชาชนให้ออก การชุมนุมของประชาชนแต่ละกลุ่มแต่ละพวกนั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น และเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ท่านต้องแยกแยะและดูเป้าหมายของผู้ชุมนุมให้ออก การชุมนุมของพันธมิตรฯ 193 วัน เขาชุมนุมเพื่อเรียกร้องเพื่อประโยชน์ตัวเองหรือเปล่า หรือเขาเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของชาติ ของบ้านเมือง ขจัดนักการเมืองชั่ว นักการเมืองโกง ใช่ไหมครับ ถ้าท่านไม่มีวิจารณญาณแยกแยะออก มันก็ยากที่จะดูแลความมั่นคงของชาติได้
การชุมนุมของพวกเราในวันนี้ ท่านต้องแยกให้ออกเขามาเรียกร้องเอาประโยชน์อะไรเพื่อตนเองหรือเปล่า หรือเขามาเรียกร้องเพื่อประโยชน์ชาติ ประโยชน์ของแผ่นดิน เขามาเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินของประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแม้แต่น้อย
เราคิด เรานึกไงว่า ถ้าหากแผ่นดินถูกสูญเสียไป แล้วปล่อยให้กัมพูชามารุกรานเช่นนี้ ท่านเองควรจะมีความสำนึกก่อนพวกเราด้วยซ้ำไปว่า ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ไม่ใช่มาถามเรา
ส่วนการชุมนุมของพี่น้องเกษตรกร ของคนที่เดือดร้อนเรื่องปัญหาสัญชาติ คนที่เดือดร้อนเรื่องที่ดิน เรื่องที่ทำกิน เรื่องโฉนดที่ดิน เรื่องปัญหาหนี้สิน นั่นก็เป็นการชุมนุมที่เขามีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติจากรัฐบาลอย่างเป็นธรรม ตามแนวนโยบายแห่งรัฐที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของเขา เขาไม่มาชุมนุมเพื่อเอาชนะคะคานใคร ใช่ไหมครับ
ส่วนการชุมนุมซึ่งบางกลุ่มบางพวกอาจจะมีการชุมนุมในลักษณะเพื่อประโยชน์ของตัวบุคคลใดคนหนึ่ง หรือก่อเหตุวุ่นวาย ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองนั้น คุณก็ควรจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มไหน ทำไมคุณถึงปล่อยให้เขาซ่องสุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ดี ไม่ดี เขาปล้น เขาขโมยไปจากคลังของทหาร ทหารต่างหากที่ขโมยอาวุธมาขายให้ประชาชนผู้ก่อการร้าย
มีประชาชนที่ไหนเขาจะมีจรวดอาร์พีจีไปยิงคลังสรรพาวุธ ไปยิงคลังน้ำมัน ไปโยนระเบิดใส่ประชาชน ไปยิง M79 ใส่พี่น้องผู้บริสุทธิ์ คุณปล่อยได้ยังไง นี่ไงครับ ปัญหาก็คือกลุ่มไหนล่ะ มันไม่ได้มีประชาชนอย่างเดียว มันมีคนมีสีอยู่ในกองทัพคุณด้ว แล้วพวกคุณเคยจัดการคนของพวกคุณเองมั้ย ไม่ใช่มายิงประชาชนธรรมดา กองบัญชาการทหารบกมันยังยิงเข้าไปแล้ว แล้วใครล่ะไม่คำนึงถึงความสงบของชาติบ้านเมือง คุณเคยแยกแยะมั้ย ถ้าแยกแยะ จัดการโดยเด็ดขาด บ้านเมืองมันก็สงบใช่มั้ยครับพี่น้อง ที่มันไม่สงบ ไม่ต้องมาฝากถามพวกผมหรอก ฝากถามพวกคุณ ว่าพวกคุณได้ทำหน้าที่ฐานเป็นทหารผู้ปกป้องดินแดน เอกราช อธิปไตย และรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแล้วหรือยัง
เราไม่ได้มาชุมนุมเพื่อเอาแพ้เอาชนะใคร แต่ว่ายอมรับ ว่ามันมีบางกลุ่มบางพวก แต่คุณก็ต้องแยกแยะให้ถูกสำหรับการชุมนุมของคนพวกนั้น
ส่วนประเด็นที่ 2 ท่านมาถามบอกว่า สังเกตดูดีๆ นะ วันนี้ทุกกลุ่มออกมาเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ อยากถามว่ารัฐธรรมนูญมีหมวดเดียวหรือ หมวดสิทธิ หรือที่เขียนคำว่าหน้าที่ของประชาชนชาวไทยที่มีต่อประเทศ หน้าที่ต่อสังคม ต่อครอบครัว ต่อสาธารณะ มีหรือไม่ ชุมนุมต้องไม่ปิดกั้น กีดขวาง หรือทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายต่อบ้านเมือง ตนไม่ได้ว่าใคร แต่ทุกพวก คือจะทำอะไรก็ตามอย่าให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ประเทศไหนที่มีการประท้วง ทุกประเทศ แต่ไม่เห็นจะมีการยืดเยื้อเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าเหมือนบ้านเรา ใครผิดหรือถูกต้องว่ากัน และหาทาง จะทำอย่างไรให้ยุติโดยเร็ว ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า หวังว่าจะมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง เศรษฐกิจที่ดี มีเสถียรภาพ แต่ทุกคนไม่ยอมกัน เอาจุดใดที่ได้เปรียบ หรือจุดใดที่เป็นช่องว่างกฎหมาย ก็มาต่อสู้กัน แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะจบ ใครจะเป็นคนตัดสิน แล้วมาถามเจ้าหน้าที่ทหารหรือถามคณะกรรมการกลาง คิดว่ามันไม่ถูก
พี่น้องฟังแล้ว ผมก็อยากจะถามท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ประชาชนที่มาชุมนุมอยู่ที่นี่ หรือที่เขาชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิของเขานั้น เขารู้หน้าที่ของเขาครับ ท่านไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา หมวดว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนดูใหม่ก็ได้นะครับ ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่หมวด 3 มาตรา 26 ไล่ลงไปถึงมาตรา 70-70 ไล่ลงมา หมวดว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและมีหน้าที่อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เขาได้ทำตามสิทธิหน้าที่ของเขาแล้ว
ถ้าใครเอาแต่เรียกร้องสิทธิหน้าที่ เอาแต่เรียกร้องสิทธิ ไม่คำนึงถึงหน้าที่ของตัวเองและความรับผิดชอบของตัวเอง ท่านก็บอกมาสิว่ากลุ่มไหน มันเอาแต่เรียกร้องโดยไม่คำนึงถึงหน้าที่
ที่เรามานี่ เรามาใช้สิทธิและมาทำตามหน้าที่ของเราหรือเปล่า ท่านไปดูรัฐธรรมนูญได้ มาตรา 63 มาตรา 70 มาตรา 71 ประชาชนมีหน้าที่ในการปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตยของตน มีหน้าที่ปกป้องชาติ ใช่หรือไม่ ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ แล้วที่มาชุมนุมอยู่ที่นี่ เป็นการชุมนุมเพื่อรักษาเอกราช และอธิปไตยดินแดนของตนเองหรือเปล่า
ไม่มีใครมาทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เป็นประโยชน์ของส่วนรวม ปัญหาก็คือมันอาจจะมีบางกลุ่ม บางพวกที่ทำอะไรเลยเถิด กลายเป็นอนาธิปไตย ผมก็กล่าวแล้วว่ามันเกิดจากการปล่อยปละละเลย ไม่จัดการตามกฎหมายของท่าน และผู้ที่มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่พวกเรา จะเอามาปะปนกันตีลวดกวดเพียงให้เป็นพวกเลว พวกก่อความวุ่นวายไปหมด เห็นจะไม่ได้ โดยไม่จำแนกแยกแยะ เห็นจะไม่ใช่
เพราะฉะนั้นการชุมนุมของพี่น้อง ท่านบอกว่า จะไม่ต้องให้ไปกีดกั้น กีดขวาง หรือทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน ก็ต้องดูสิ มีการชุมนุมที่สาธารณะที่ไหนมันก็ต้องมีการชุมนุม มันต้องชุมนุมในที่สาธารณะ แม้จะมีการชุมนุมกีดกั้นกีดขวาง แต่มันเป็นไปตามความเหมาะสมความจำเป็นหรือไม่ จริงๆ แล้วแม้ไม่มีการชุมนุมของพี่น้องประชาชนที่นี่ การจราจรมันก็ติดขัดทุกวัน บนทางด่วนน่ะเป็นที่จอดรถ รถจอดเต็มไปหมด ถนนไหนบ้างรถไม่ติด คุณช่วยบอกประชาชนมาหน่อยสิครับ
แต่การที่จราจรติดขัดบ้าง เพื่อแลกกับการที่เราจะเรียกร้องในสิ่งที่เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง มันสมควรมั้ย และมันไม่ได้ก่อความเดือดร้อนเกินสมควรแก่เเหตุ ก็ต้องยอมรับและเข้าใจว่า เรายังไม่มีกฎหมายให้มีการอนุญาตชุมนุมในที่สาธารณะ แล้วที่รัฐบาลนี้จะออกกฎหมายอนุญาตให้มีการชุมนุมในที่สาธารณะ พวกคุณก็ทะลึ่งไปร่างกฎหมายในลักษณะลิดรอนเสรีภาพของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์กำลังร่างกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ จะเสนอเข้าสภา แต่มันบอกว่าจะชุมนุมได้ต้องไปขออนุญาตตำรวจก่อน มึงบ้าแล้วอย่างนี้
จะใช้เครื่องขยายเสียง จะเคลื่อนไปไหนต้องขออนุญาต ตกลงก็ไปร่างกฎหมายให้ตำรวจมาเป็นใหญ่เหนือหัวประชาชนอีกฉบับหนึ่ง และกฎหมายฉบับนี้ เมื่อตอนที่ผมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ผมก็คัดค้านและก็ไม่เห็นด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นคนเสนอมาในสมัยที่คุณเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ผมก็เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ และผมอภิปรายคนเดียวในวาระรับหลักการกฎหมายฉบับนี้ก็ตกไปในชั้นรับหลักการ สภาไม่รับหลักการครับ วันนี้กฎหมายฉบับนี้ไปผัดหน้าทาแป้งเอาเข้ามาใหม่ วันนี้ประชาธิปัตย์จะมาเป็นเจ้าภาพเสนอกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะ โดยเป็นกฎหมายลิดรอนเสรีภาพและขี่หัวประชาชน ให้อำนาจตำรวจเป็นเทวดาเหนือรัฐธรรมนูญ
เพราะฉะนั้น วันนี้มันยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ การชุมนุมของประชาชนจึงจำเป็นต้องเกิดขึ้นในจุดที่ใกล้เคียงกับผู้บริหารประเทศ เพื่อให้รับรู้รับทราบปัญหา มันไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ไม่ได้หนักกบาลใครเลย ที่ชุมนุมอยู่ที่นี่ แต่ถ้าการชุมนุมอย่างนู้น ไปปิดที่โน่น ปิดที่นี่ ไปตรวจไปค้นบัตรประชาชน คุณก็นั่งดูตาปริบๆ มาตั้ง 3-4 เดือน แล้วคุณนั่งดูอยู่ได้ ประชาชนเดือดร้อน โรงพยาบาลถูกบุกคุณไม่ว่า ไอ้อย่างนั้นเราเห็นด้วยว่ามันไม่ถูก แต่อย่างเราชุมนุมอยู่ที่นี่ คุณก็ต้องแยกแยะให้ถูก แน่นอนคุณก็พยายามพูดดีล่ะ ไม่ได้พูดมาพาดพิงถึงเราล่ะ แต่ผมก็ต้องฝากว่า ต้องแยกแยะนะครับ
ส่วนประเด็นต่อมาที่บอกว่าอยากให้รัฐบาลเข้มแข็ง อยากจะให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไป ผมถามท่านหน่อยครับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้ารัฐบาลมันโกงและมันขายชาติ คุณอยากให้มันเข้มแข็งมั้ย รัฐบาลมันโกง มันขายชาติ มันทุจริต มันบริหารบ้านเมืองจนประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า สินค้าราคาแพง มีแต่คุณควรจะรีบถีบมันลงจากอำนาจ ไม่ใช่ไปทำให้มันเข้มแข็ง รัฐบาลแบบนี้เอาไว้ทำซากอะไร ใช่มั้ยครับพี่น้อง
คุณก็รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลพวกนี้มันโกง มันทุจริต มันขายชาติ แล้วจะมาขอให้รัฐบาลมันอยู่อย่างเข้มแข็งทำไม เป็นสมัยก่อน ป่านนี้ทหารเขาเอาปืนจี้มันลงมาแล้ว ไม่ปล่อยให้มันมา แหม ลีลาท่าทางรำมวยอยู่ ฟ้อนเล็บอยู่หรอก เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาเรียกร้องตามสิทธิ รัฐธรรมนูญ เรื่องที่ท่านพูดนี่ท่านต้องกลับไปทบทวนใหม่นะครับว่า อะไรผิด อะไรถูก ประชาชนเขารู้ แต่รัฐต่างหากที่ไม่รู้ ทีนี้เมื่อคุณมาถามเรื่องหน้าที่ของประชาชน คุณควรจะไปถามหน้าที่ของรัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และไปถามหน้าที่ของคุณในฐานะผู้บัญชาการทหารบก และไปถามหน้าที่ของกองทัพ ในฐานะกองทัพ ว่าคุณไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ดูซิว่า ทหารมีหน้าที่อะไร
ขอดูภาพหน่อยสิครับที่ปราสาทพระวิหาร และดูภาพพี่น้องประชาชนที่ต้องหนีกระสุนอาวุธ และต้องซ้อมหลบภัยวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ พี่น้องครับ ประเทศไทยมันอัปยศขนาดไหน ที่เรามีกองทัพเป็นอันดับ 2 ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ประชาชนทำไมต้องไปมุดหัวอยู่ในอุโมงค์หลบเขมรกระจอก ทำไมต้องมาซ้อมหลบภัยเขมร ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็น ผบ.ทบ.ท่านอายชาวโลกมั้ยว่าคนไทยต้องหลบไอ้เขมรเฮงซวย ทำไมต้องมาหลบไอ้เขมรเฮงซวย ฮุน เซน ทำให้ต้องปล่อยให้เขามาตั้งฐานทัพ ปืนใหญ่อยู่บนเขาพระวิหาร และยิงมาใส่ประชาชน ทำไมประชาชนต้องมาทะลึ่งซ้อมหลบเข้าหลุมหลบภัย
คุณไม่อายบ้างเหรอที่ประเทศไทยมีแสนยานุภาพอันดับ 2 ของเอเชีย อันดับ 28 ของโลก ทะลึ่งมาซ้อมหลบภัย หนีภัยจากการรุกรานของเขมร ผมอยากเอาปี๊บคลุมหัวครับ
โธ่ รัฐมนตรีกลาโหม ผบ.ทบ. คุณควรจะเอาปี๊บคลุมหัว ที่ประชาชนต้องตกอยู่ในสถานะอย่างนี้ คุณดูโรงเรียนซิ ปล่อยให้เขมรมันยิงเข้ามาใส่บ้านเรือนราษฎร ตั้งฐานทัพอยู่ตรงนั้น คำถามก็คือ หน้าที่ของคุณทำอะไรครับ ก่อนคุณจะมาถามหน้าที่ประชาชน คุณควรจะถามหน้าที่ตนเอง และก่อนจะมาอบรมประชาชน ควรจะไปอบรมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วตบกบาลมันซิว่ามึงเป็นรัฐบาลประสาอะไร ทำให้กูต้องถูกด่า
ผมอายมากครับพี่น้อง ที่คนไทยทำไมต้องมาหลบภัยเขมร เกิดมารอดท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยได้เห็นเลย มันน่าอัปยศอดสูแค่ไหน เรามีกองทัพที่มีแสนยานุภาพ แต่คนไทยต้องเอาหัวไปมุดใต้อุโมงค์เพื่อหลบเขมร
แล้วที่สำคัญ คุณประยุทธ์ กลายเป็นทหารไทยไปขุดหลุมหลบภัยให้ประชาชน ผมอายจริงๆ ผมจะบอกคุณให้นะ ผมไม่ได้เป็นทหารหรอก แต่การตั้งรับที่ดีที่สุดคือการบดขยี้ข้าศึก การขจัดภัยรุกรานและคุกคามประเทศ การรุกข้าศึกคือการตั้งรับที่ดีที่สุด
ตำราพิชัยสงครามฉบับไหนเขาก็เขียนแบบนี้ คุณปล่อยให้เขามาตั้งฐานทัพ ตั้งปืนใหญ่อยู่ แล้วตัวเอง ทหารพาชาวบ้านไปขุดซ้อมหลบภัย ผมอายจริงๆ ครับพี่น้องครับ
ผมไม่อยากจะพูด แต่มันสะเทือนใจ ที่ทำไมพี่น้องคนไทยต้องหลบภัยเขมร
วันนี้คุณมีหน้าที่จะต้องเอากำลังขึ้นไปยึดบนปราสาทพระวิหาร และไล่กระทืบทหารเขมรออกไปจากแผ่นดินไทย ไม่ใช่มาถามหน้าที่พวกเรา คุณสนุกนักหรือที่พี่น้องประชาชนจะต้องอพยพมาตั้งค่ายอยู่ในประเทศไทย คุณไม่อายชาวโลกเหรอที่เขมรทำให้คนไทยต้องตกอยู่ในสถานะอย่างนี้
ผมไม่เห็นประชาชนฝั่งเขมรมันต้องซ้อมหลบภัยเลย ไม่เห็นมันมีหลุมเพาะเลย ทหารเขมรไม่เห็นมันต้องเดือดร้อนกับประชาชนของเขาเลย อายมั้ยครับพี่น้องครับ
แล้วคุณมาขออาวุธยุทโธปกรณ์ ของบประมาณไปซื้ออาวุธทำไม นี่เป็นเรื่องที่เศร้าใจและละอายใจที่สุด ผมไม่เคยเห็นเลยครับ มันเบื่อที่จะมาพูดกับคนไทยด้วยกันที่ไม่รู้สำนึกในหน้าที่ คนที่ไม่รู้หน้าที่คือพวกคุณต่างหากครับ
ทหารส่วนใหญ่ ผู้ใต้บังคับบัญชาคุณนั้นผมเชื่อว่าเขาอึดอัด เขารู้หน้าที่ แต่ที่ไอ้เลวที่สุดคือรัฐบาล นโยบายบัดซบ ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน คนไทยต้องหลบสงคราม คำถามก็คือ คุณพูดว่ากองทัพต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล ผมถามหน่อยครับ ถ้ารัฐบาลมันโกง มันชั่ว มันขายชาติ แล้วมันขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ เหมือนกับตอนชุมนุมแล้วมันปล่อยให้ทหารมือเปล่าไปถูกคนยิง คนแทง คนฆ่าตาย คุณจะปฏิบัติตามมันต่อไปจนดักดานอีกเหรอครับพี่น้องทหารหาญ
คนอย่างนายอภิสิทธิ์มันมานำทหารไม่ได้ ตัวมันเองยังหนีเลย ไม่อยากเป็นทหารเลย มันจะมาบัญชาทหารได้ยังไง คุณปล่อยให้ไอ้เด็กวานซืนมาบัญชาคุณได้ยังไง คุณประยุทธ์ คุณเป็น ผบ.ทบ. ไอ้นักการเมืองซังกะบ๊วยพวกนี้ ไปให้มันมาบัญชาการคุณได้ยังไง มันให้ทหารมาตาย รักษาประเทศชาติเอาไว้ ทหารมึงจงไปตายเพื่อพวกกูจะได้มั่นคงแข็งแรงและทุจริตคดโกงต่อไป 7 ชั่วโคตร
แล้วคุณมาโอดครวญว่าทหารต้องไปเจ็บ ไปตาย ไม่เห็นใจทหารบ้างเหรอ ประชาชนน่ะเขาเห็นใจอยู่แล้ว แต่คุณทะลึ่งโง่ให้รัฐบาลหลอกใช้ทำไมล่ะ คุณต้องนึกสิครับว่าคนไทยเขากินข้าว ไม่ได้กินแกลบ เขาทำไมจะไม่รู้ว่าวันนี้ทหารมันไปมุดหัวให้นักการเมือง โดยเฉพาะทหารชั้นผู้ใหญ่ ร่ำรวย หารับประทานกัน แล้วก็ลืมชาติบ้านเมือง ลืมประชาชน นี่คือปัญหา
วรรคต่อมา ยังไม่หมด เหลืออีกนิดครับ วันนี้ก็ขอเอาวิสัชชนาทหารกับรัฐบาลอย่างเดียวพอแล้ว ท่านบอกว่า ผมอยากให้ย้อนกลับไปดู ลืมหรือยัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บุกโรงพยาบาล บุกอะไร โอเค ไม่ต้องย้อนหรอก มันเป็นความบกพร่องผิดพลาดของคุณเอง คุณจะไปโทษประชาชนที่เขามาชุมนุมไม่ได้ เพราะคนพวกนี้ถูกไอ้คนชักใยอยู่ข้างหลังมันหลอกใช้พี่น้องประชาชนมาเจ็บมาตาย ใช่มั้ยครับ คุณปล่อยให้ประชาชนตกเป็นเครื่องมือเขาได้ยังไง คุณทำไมไม่ไปสลาย ไปแยกแยะ เอาประชาชนออกจากกลุ่มคนเหล่านั้น มีวิธีทำงาน วิทยุทหารของคุณน่ะ มีตั้งกี่ร้อยสถานี เคยให้ข้อมูลข่าวสารความรู้อะไรนอกจากเอาไปให้เขาประมูลเอาเวลาไปปลุกระดมประชาชนอีกต่างหาก ไม่ได้ทำอะไรเลย
ท่านบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ต้องย้อนกลับไป ว่าประเทศเรามี 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ให้ไปใช้อำนาจทางนั้น สร้างความเข้าใจกับประชาชนโดยรวม ต้องทำอย่างไรจะทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้า ทหารมีหน้าที่ดูแลประเทศชาติ ทั้งชายแดน เพื่อนบ้าน และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัญหาพอสมควร สถานการณ์ในขณะนี้มีความเดือดร้อน ทหารต้องเป็นผู้ช่วยเหลือ แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นมาตกเป็นจำเลยของผู้ชุมนุม อย่างที่ใครๆ เขาถาม สังคมจะเป็นคนดูแล หรือใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ขอฝากความเป็นธรรมกับทหารที่เสียชีวิตด้วย
ถูกต้องแล้ว ทหารมีหน้าที่ดูแลชายแดน มีหน้าที่ดูแลปัญหาภาคใต้ ถามว่าเวลานี้ประชาชนเขาพอใจกับผลงานท่านมั้ยในการดูแลชายแดน ท่านดูแลชายแดนดีแล้วหรือยัง ดูแลอย่างไร จึงให้นายพลกุนเชียง ไปเจรจา เอากุนเชียงไปส่งให้เขาทุกเดือน
2. ปัญหาภาคใต้ ใช้งบประมาณไปประมาณ 4 แสนล้านแล้ว ป่านนี้กลายเป็นปัญหาพัฒนามาจนกระทั่งถึงคาร์บอมบ์แล้ว ตายกันไม่เว้นแต่ละวัน ดูแลอย่างไรครับ ผมไม่ได้ จะบอกว่าเราตำหนิ มันก็ไม่ใช่ แต่ว่าผลงานมันชี้ให้เห็นว่าล้มเหลว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชายแดน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ ถ้าทหารทุ่มเทเอาใจใส่เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนและปัญหาภาคใต้จริง สถานการณ์บ้านเมืองมันจะเป็นอย่างนี้หรือ
และที่คุณต้องตกเป็นจำเลยในที่ชุมนุม คุณไมได้เป็นจำเลยของพวกเรา แต่คุณเป็นจำเลยของรัฐบาลนี้ต่างหาก มันหาเรื่องเสี้ยมให้คุณ คุณควรจะรู้ไว้ด้วย
นักข่าวที่มาถามก็เป็นนักข่าวสายใกล้ชิดกับรัฐบาล มันก็เสี้ยม เพื่อจะโยนความผิดไปให้คุณ ไอ้คนที่มันลอยนวลอยู่คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไมไม่ไปลากคอมันมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้างล่ะ นี่คือปัญหา เพราะฉะนั้นเราไม่เคยว่า ไม่เคยตำหนิ ถามว่าเห็นใจทหารมั้ย ประชาชนเขาเห็นใจทหารอยู่แล้ว แต่ที่เขาต้องวิพากษ์วิจารณ์ก็คือทหารหลายคน บางคน โดยเฉพาะตัวใหญ่ๆ ทำตัวไม่สมกับเป็นทหารของชาติ ไม่สมกับกินเงินเดือนภาษีของประชาชนต่างหาก
เอาล่ะ พี่น้องครับ ก็พูดมาเยอะ มามากแล้ว ก็ถือว่าผมอยากจะให้ท่านเข้าใจ ที่ท่านมาบอกว่าการชุมนุมจะต้องมีกฎหมาย จะต้องมีระเบียบ ต้องเห็นใจตำรวจ คุณกลับไปทบทวนเสียใหม่ เรื่องกฎหมาย เรื่องพระราชบัญญัติความมั่นคง เรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจเวลานี้ ตำรวจที่ดีก็มี แต่ตำรวจที่ไม่ดี โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำงานสนองรับใช้นักการเมืองนั้น มันทำให้ประชาชนเดือดร้อน ประเภทสร้างสถานการณ์ สร้างข่าว สร้างเรื่องว่าจับอาวุธที่โน่นที่นี่ และใช้กฎหมายมายัดเยียดให้ประชาชน พระราชบัญญัติความมั่นคงนี้ตอนที่ผมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ก็เสนอไม่ได้ เพราะพวกผมคัดค้านมาโดยตลอด ในวิปของสมาชิก ไม่เคยให้การยินยอมในการเสนอเลย เพราะเสนอขึ้นมามันจะเป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจมากลั่นแกล้งประชาชนผู้ชุมนุม แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่พวกผมพูด
วันนี้พอคล้อยหลังพวกผม ลาออกมา เขาก็เสนอกฎหมายนี้ผ่านสภา ทั้งๆ ที่ประชาชนคัดค้าน และพวกเราก็คัดค้านมาโดยตลอด
พี่น้องครับ ผมอยากจะสรุปในตอนนี้เลยว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่คัดค้านกฎหมายพระราชบัญญัติความมั่นคง และเป็นคนคัดค้าน พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ตอนที่ทักษิณออกกฎหมายฉบับนี้ 2548 เขาก็คัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตอนที่สภานิติบัญญัติจะออก พ.ร.บ.ความมั่นคง พรรคประชาธิปัตย์ก็คัดค้าน พี่น้องจำไว้ พรรคนี้ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ มันตอแหลที่สุด มันเป็นคนคัดค้านกฎหมายนี้ แต่คนเสื้อแดง หรือพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ค่อยฉลาดในการพูด การตอบโต้กับอภิสิทธิ์ ทำไมไม่เอากฎหมายนี้ไปยัดปากนายอภิสิทธิ์ วันนั้นคุณคัดค้าน แต่ว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนประกาศใช้ พ.ร.ก.นานที่สุด ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว มาจนกระทั่งถึงเดือนธันวาฯ ประมาณ 10 เดือน ใช้ พ.ร.ก.ความมั่นคง
ทักษิณเป็นคนออก พ.ร.ก.ความมั่นคง ได้ประกาศครั้งเดียว คือวันที่ 19 กันยาฯ ประกาศไม่กี่นาทีก็ถูกทหารปฏิวัติ ปิดช่อง 9 ไป ได้ประกาศครั้งเดียว ใช้แค่นั้น
นายสมัครมาได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ความมั่นคง ไม่กี่วันก็ยกเลิก เพราะถูก พล.อ.อนุพงษ์ และประชาชนคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ใช้มากที่สุด พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน 10 เดือน
ไอ้คนที่ตอแหลอภิปรายคัดค้านเขาตอนเขาออกกฎหมายนี้ มันเป็นคนใช้กฎหมายนี้กับประชาชน ลิดรอนเสรีภาพประชาชนมากที่สุดดครับพี่น้อง และมา พ.ร.บ.ความมั่นคง พอเขาจะเสนอ พ.ร.บ.ความมั่นคง โอ้โห ทำหน้าตาเป็นนักประชาธิปไตยจ๋า คัดค้าน พ.ร.บ.ความมั่นคง พอเขาเอากฎหมายความมั่นคงออกมา นายอภิสิทธิ์ก็ใช้มากที่สุดครับ
ส่วนอันที่ 2 นายนพดล และนายสมัคร ไปทำ Joint Communique เป็นเพียงไปรับรองแผนที่บริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ กินพื้นที่นอกปราสาทพระวิหารมาไม่มาก นายอภิสิทธิ์อภิปรายด่านายนพดล นายสมัคร จำได้ใช่มั้ยในสภา วันนี้นายอภิสิทธิ์ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนบนปราสาทพระวิหารไปหมดเลย พรรคเพื่อไทยหุบปากอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ไปอภิปรายในเรื่องนี้
ทำไมคุณไม่ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ แล้วทำไมไม่เสนอชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในเรื่องบกพร่องในการรักษาดินแดนและอธิปไตยของประเทศ
ปรากฏว่ามันด่าเขาฉอดๆ ตอนนี้ตัวเองทำให้ไทยเสียดินแดนมากกว่านายนพดล มากกว่านายสมัครอีกครับ
3. นายอภิสิทธิ์ด่านายสมัคร ด่าฝ่ายค้าน ว่าไม่ฟังเสียงประชาชน เวลาประชาชนมาชุมนุม แล้วตอนที่เราชุมนุม 193 วัน ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลสมัคร ผมมีหลักฐานอยู่ ด่านายสมัคร พอมีการปราบปรามประชาชน ตำรวจมารื้อมาไล่เราที่นี่ นายอภิสิทธิ์เป็นคนไปเสนอหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิฯ ให้ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ วันนี้ทะลึ่งเสือกจะมาไล่พวกเราเสียเองครับ ดูคนมันตอแหลสิครับ พลิกไปพลิกมา
สุดท้าย ด่าว่ารัฐบาลที่แล้ว เขาปราบปรามประชาชน ลิดรอนเสรีภาพประชาชน วันนี้นายอภิสิทธิ์ลิดรอนเสรีภาพประชาชนมากที่สุด ด่าว่าเขาโกง ด่าว่ารัฐบาลที่แล้วโกง โคตรโกง ตัวเองอภิมหาโคตรโกงเลยครับ ผมถึงบอกว่าทั้งหมดนี้ถ้าฝ่ายค้านรู้จักทำงานบ้าง ประชาชนก็คงจะได้ประโยชน์ คนเสื้อแดงก็จะได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าทำไม่เป็นก็ถอดเทปที่ผมอภิปรายไปค้นข้อมูลแล้วอภิปรายครับ
เอาล่ะ วันนี้ผมรู้อย่างเดียวว่า ในเว็บไซต์ของผู้จัดการ ในคำอภิปรายของผม พรรคเพื่อไทยเข้ามามากที่สุด มาเอาข้อมูลจากการอภิปรายเพื่อเตรียมจะไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ครับ ก็ขอให้ทำหน้าที่ให้มันสมกินเงินเดือนประชาชนแล้วกันนะครับ พี่น้องครับผมใช้เวลามาประมาณชั่วโมงกว่า ก็ต้องกราบขออภัยที่เลยเวลามานะครับ วันนี้ก็ถือโอกาสพูดถึงนายอภิสิทธิ์และ ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ขอกราบเรียนนะครับว่าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมพูดถึงท่านด้วยความเคารพและยังให้โอกาสท่านอยู่ ยังไม่ได้ประณามไปถึงแบบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น ผมไม่นับถือว่าเป็นนายกฯ ประเทศไทยมานานแล้ว
ถ้าคุณยังคิดว่าเขาควรจะเป็นนายกฯ ประเทศไทยอยู่ คุณควรจะกลับไปทบทวนเสียใหม่ครับ แล้วถ้าคุณยังคิดว่าคุณอยากจะฟังคำสั่งของรัฐบาลนี้อยู่ คุณก็ควรกลับไปนอนคิดเสียใหม่ ความจริงแล้วอย่างคุณไม่ควรจะไปตกอยู่ใต้อาณัติของนักการเมืองเลวๆ แบบนี้เลย ผมบอกได้เลยนะครับว่าวันนี้ถ้าผมตายไป เกิดมาอีกชาติหนึ่ง แล้วผมได้มีโอกาสเป็น ผบ.ทบ.แบบ พล.อ.ประยุทธ์ อภิสิทธิ์กลับไปเป่าฝุ่นได้ตั้งนานแล้วครับ ไม่ได้มาลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนี้แน่นอน ผมถึงบอกว่า ผมฝันว่าสักวันหนึ่ง กูจะได้เป็น ผบ.ทบ.มั้ยเนี่ย จะได้จัดการไอ้พวกนี้เสียทีนะครับ
หวังว่าคนที่ยังมีสำนึกต่อการรักชาติ รักบ้านรักเมืองในประเทศนี้คงจะยังมีอยู่ เราต้องลุกขึ้นมาช่วยกันขจัดคนชั่วไม่ให้ครองเมือง หาทางให้คนดีขึ้นมาปกครองบ้านเมืองครับ