xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” แฉ ก.ท่องเที่ยวหากินออกใบอนุญาตไกด์เถื่อน - ซัด “มาร์ค” มีปัญหาทางจิตอย่างมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ชี้ “อภิสิทธิ์” ปล่อยให้มีการโกงไปทั่วประเทศ รวมถึงข้าราชการกระทรวงท่องเที่ยวที่มีการสมรู้ร่วมคิดออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์เถื่อนเพื่อเอาเงินเซ่นนักการเมืองในการวิ่งเต้นตำแหน่ง พร้อมซัดนายกฯเป็นได้อย่างเดียวคือตัวตลก มีปัญหาทางจิตอย่างมาก ทั้งทัศนคติ-วิธีคิด-วิธีแก้ปัญหา ไร้ซึ่งคุณสมบัติในปกครองประเทศแล้ว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (26 ก.พ.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที  ว่า วันนี้ในทำเนียบมหาเศรษฐีของประเทศไทย นายวิชัย รักศรีอักษร อยู่ในอันดับที่ 26 รวมแล้วมีเงิน 6 หมื่นกว่าล้านบาท และอีกไม่นานคงมีเป็นแสนล้านอย่างแน่นอนถ้าประเทศเรายังเป็นอยู่อย่างนี้

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า การที่นายปิยะพันธ์ จำปาสุต ลาออกจากการเป็นประธานบอร์ดการท่าอากาศยานไทย (ทอท.) โดยอ้างว่าจะไปลงสมัครเป็น ส.ว.นั้น ตนเห็นว่าเป็นเพียงข้ออ้าง หากแต่ข้อเท็จจริงคือนายคนนี้มีบาดแผลเรื่องการทุจริตมากมาย เลยต้องเอาออกเพราะกลัวถูกตรวจสอบ แต่กลุ่มอำนาจก็ได้ตั้งนายธีพล นพรัมภา มาเป็นประธานบอร์ด ทอท.แทน ซึ่งนายธีรพลนี้ก็มีความสนิทแนบชิดกับนายวิชัย และนายเนวินเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าคนที่จะมาเป็นใหญ่ในท่าอากาศยานฯ ได้ต้องผ่านความเห็นชอบจากนายเนวิน นายวิชัย และนายสุเทพ โดยการแต่งตั้งคนใหม่เข้ามานั้นก็เพื่อเตรียมแสวงหาผลประโยชน์จากสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังจะมีการขยายเฟส 2 ซึ่งนายวิชัยหวังว่าจะได้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้โกงกันทุกพรรค หากฝ่ายค้านทำการบ้านดีๆ จะเห็นว่าการโกงมันน่าเกลียดน่าขยะแขยงกว่ารัฐบาลที่แล้วเสียอีก และการโกงนั้นไม่เพียงแต่สร้างความร่ำรวยให้ตัวเองและพวกพ้อง แต่กลุ่มนี้ยังทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า สินค้าแพงทุกตัว เดือดร้อนทุกอาชีพ

มีคนมาร้องเรียนตนเยอะถึงความเดือดร้อน หนึ่งในนั้นก็คือผู้ประกอบการ ไกด์  มัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้คนไทยเท่านั้น ต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถึงจะประกอบกิจการได้ แต่บัดนี้มีการซื้อใบอนุญาตปลอมกันเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมือง ซื้อกันที่ใบละไม่เกิน 4 หมื่นบาท เพราะถูกกว่าเข้าหลักสูตรอบรมตามกฎหมายที่ต้องใช้เงินเกือบแสน

ทีนี้มันมาเกี่ยวกับพรรคชาติไทยพัฒนา คือ จากตัวเลขมีผู้ประกอบการมัคคุเทศก์ที่ขอรับใบอนุญาตใหม่ 19,825 ราย และต่อใบอนุญาต 15,293 ราย แต่ปัญหาคือมัคคุเทศก์ทั้ง 2 ประเภทนี้มีจริงอยู่เพียง 35,018 คน แต่มีไกด์ผีเกินมา 7,797 คน หมายถึงว่าคนถือใบอนุญาตปลอมที่ขายในตลาดมืดเอา 7,797 คูณ 4 หมื่นบาท เป็นเงิน 311 ล้าน 8 แสน 8 หมื่นบาท มันหากินกันแบบง่ายๆแบบนี้ คนทำเรื่องนี้ก็คือข้าราชการเพื่อหาเงินไปเซ่นนักการเมืองในการวิ่งเต้นตำแหน่ง ไกด์ผี ไกด์เถื่อน นี้ก็จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประกอบการที่ถูกกฎหมาย และเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพคนไทย

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า การบริหารงานของนายอภิสิทธิ์ทำให้เกิดการโกงไปทั่วประเทศ ประชาชนไม่สมควรไว้วางใจให้เป็นนายกฯ อีกต่อไปได้แล้ว หวังว่าคนไทยที่ติดตามข้อมูลข่าวสารของพันธมิตรขณะนี้ ควรมีข้อสรุปร่วมกันได้แล้ว เอาแค่เรื่องขายชาติ ปล่อยให้มีการทุจริต ข้าวของแพง แค่นี้ก็น่าจะจบแล้ว ส่วนเรื่อง 2 สัญชาติ ไม่ว่าจะมีกี่สัญชาติก็ไม่ควรอยู่ปกครองประเทศได้อีกแล้ว

ขอสรุปว่านายอภิสิทธิ์ไร้ซึ่งความเป็นผู้นำ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ของประเทศไทยอีกต่อไปด้วยเหตุผล ดังนี้ คือ นายอภิสิทธิ์ ทะเยอทะยานอยากเป็นนายกฯ อย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติให้แก่ชาติบ้านเมือง นอกจากจัดฉากเล่นละครเป็นตัวตลก

ในวันที่แถลงผลงานในสภา นายอภิสิทธิ์เปิดประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ นั่งบริหารบ้านเมืองติดตามนโยบายรัฐบาลในห้องแอร์ สร้างภาพด้วยการให้ช่อง 11 ถ่ายทอดสด ตนนั่งดูด้วยความสะอิดสะเอียน นายอภิสิทธิ์ทำงานมา 2 ปีแล้ว ไม่เคยลงพื้นที่ตรวจตราการบริหารบ้านเมืองตามนโยบายของตัวเองเลย  ทำได้อย่างเดียวคือนั่งฟังรายงานในห้องแอร์ นี่คือการทำงานอันโง่เขลา และไร้สาระ เป็นคนคับแคบไม่เปิดโลกกว้าง อีโก้จัด ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ขาดความรู้ความสามารถ วันนี้นายอภิสิทธิ์เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นตัวตลก เป็นตลกมี่ไม่ตลกเลยสำหรับคนไทย

นายประพันธ์ยังกล่าวต่ออีกว่า นายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ มีปัญหาทางจิตอย่างมาก ทั้งทัศนคติ ทั้งวิธีคิด วิธีการทำงาน การแก้ปัญหา ถ้าให้บริหารประเทศต่อไปมีแต่จะทำความเสียหายให้บ้านเมืองมากเข้าไปอีก วันนี้ต้องมาร่วมกันคบคิดหาทางเอานายอภิสิทธิ์ออกไป เอาประเทศไทยเราคืนมา

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

“ก่อนจะพูดคุยกันในวันนี้ขออนุญาตใช้สิทธิ์พาดพิงเล็กน้อย เพราะว่าเมื่อคืนนี้พี่สนธิใช้สิทธิ์พาดพิงมาถึงผมว่า พันธ์ คี มูน ลา 1 วันไปเลี้ยงรุ่น ป่านนี้คงดื่มไวน์อย่างมีความสุข อะไรทำนองนี้ ความจริงขอกราบเรียนว่า ไม่ได้ดื่มเลยเพราะต้องถนอมเสียง สองคือ ไปงานของเพื่อนร่วมรุ่นนิสิตปริญญาโทสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 8 เผอิญผมเป็นประธานจัดงานการกุศลให้กับเพื่อนร่วมรุ่น และหารายได้ให้กับรุ่น ซึ่งรับภาระหน้าที่จัดงานมาก่อนที่จะมีการชุมนุม เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงต้องรับภาระไปจัดงาน ประกอบว่า วันนี้ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนกลางคืน เขามีงานเลี้ยงฉลองวันคืนสู่เหย้าของศิษย์เก่าปริญญาโทมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการนี้ โครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร ผมเป็นศิษย์เก่าคนหนึ่ง ถือว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นี้มีความกล้าหาญมาก คือเมื่อปี 2551, 52 ในช่วงที่เราชุมนุม 193 วันเสร็จสิ้นใหม่ๆ ไม่น่าเชื่อ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการปริญญาโท ได้คัดเลือกศิษย์เก่าดีเด่น 4 ท่านจากทุกสาขาอาชีพ ซึ่งมีนักศึกษาจบปริญญาโทรุ่นนั้น ทั้งหมดเกือบ 2,000 คน เขากรุณาเลือกผมเป็นศิษย์เก่าดีเด่นในสาขาผู้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคม ซึ่งต้องปรบมือให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และโครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร ที่กล้าหาญให้รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นกับผม ในฐานะผู้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคม แสดงให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยเล็งเห็นว่า ผมได้สร้างคุณงามความดี และทำประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมือง อย่างน้อยที่สุดคือ ไล่ทักษิณออกไปจากแผ่นดิน และเปิดโปงการบริหาร การทุจริต จนนำมาสู่การพิพากษายึดทรัพย์ และดำเนินคดีกับเขาหลายคดี ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ จนมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ สะท้อนให้เห็นว่า อย่างน้อยที่สุด มหาวิทยาลัยเล็งเห็นความสำคัญของนิสิตนักศึกษาที่จบออกไปแล้วบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม

ส่วนปีนี้เขาให้ศิษย์เก่าดีเด่นที่เป็นรุ่นน้อง 2 คน คือ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี คนที่ออกข้อกำหนดบอกให้เราออกจากพื้นที่นี้ แต่เราไม่ว่ากัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เรียนรุ่นน้องผม เรียนรุ่น 9 ปีนี้ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถือว่าเขาได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สมัยที่ผมได้เขายังไม่ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บารมียังไม่ถึง คนที่สองคือ คุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ เรียนรุ่นที่ 9 ได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีก็แทบตาย เพิ่งจะได้เป็นก็คราวนี้ ได้ศิษย์เก่าดีเด่นครั้งนี้เหมือนกัน นี่มีงานฉลองแต่ผมไม่ได้ไป คนที่ 3 คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณธีระ วงศ์สมุทร พี่ธีระเป็นรุ่นที่ 5 รุ่นก่อนผม 3 รุ่น ส่วนอีก 2 ท่านรุ่นที่ 9 ผมรุ่นที่ 8 ครับ เลยต้องมารายงานให้ทราบว่า ที่หายไปเมื่อวานนี้ด้วยเหตุฉะนี้

แต่ยังติดตามฟังและติดตามชมการปราศรัยของคุณสนธิอย่างระทึกใจ และทราบว่าเมื่อคืน คุณสนธิได้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปแล้วใช่ไหมครับ ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง และทุกเรื่องที่นายอภิสิทธิ์พูดในวันที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการลอกคราบนายอภิสิทธิ์ได้อย่างร่อนจ้อนทีเดียวครับ แต่ขอติงเล็กน้อยว่า ทำงานแทนผมไป 30 นาทีเท่านั้น ขอลาไปตั้ง 2-3 วัน รู้สึกจะกำไรเกินควรมากไปหน่อย ไม่เป็นไรถือว่าพี่สนธิมีความจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ เพราะว่าขายืนแทบจะไม่ได้

ก่อนจะพูดคุยกับพี่น้องในเรื่องต่อๆ ไป ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องคนไทย ท่านกรุณาให้เงินเอาเงินมาฝากและร่วมสนับสนุนการต่อสู้ของเรา และยืนยันว่าต้องมอบกับมือคุณประพันธ์ให้ได้ คนแรกผมคิดว่าน่านับถือน้ำใจท่านมากนะครับคือ พี่ทัศนีย์ นามสกุลท่าน ซิดนีย์ คุณทัศนีย์ ซิดนีย์ อายุประมาณ 65 ปี ท่านอยู่ที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย แล้วทำอาชีพ ถ้าบ้านเราคือ ช่างเย็บเสื้อผ้า ปะ ชุน ตัด เปลี่ยนซิบ มีบล็อกเล็กๆ อยู่ที่เมืองซิดนีย์ กว่าจะหาเงินมาได้ ถึงขนาดบริจาคมา 400 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็หมื่นกว่าบาท ต้องนับถือจิตใจท่านว่า ท่านติดตามรับชมรับฟัง ASTV และติดตามการปราศรัยของผมไม่เคยขาดเลย ท่านฝากเงินมาช่วย ASTV 200 เหรียญออสเตรเลีย ประมาณ 6 พันกว่าบาท และช่วยกองทุนเขาพระวิหาร 200 เหรียญ ทั้งสิ้น 400 เหรียญ จากพี่ทัศนีย์ ซิดนีย์ ปรบมือให้ท่านด้วย และทราบว่าพี่ทัศนีย์ไม่ค่อยสบาย ขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรง หายจากการเจ็บป่วย ท่านเป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติบ้านเมืองมาก แต่ยินดีและยืนหยัดร่วมต่อสู้กับพี่น้องจนกว่าเราจะได้ชัยชนะครับ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใหญ่มาเมื่อสักครู่ข้างเวที ขอมามอบด้วยตนเอง ท่านมาจากเมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา มากันหลายท่าน เมื่อกี้ผมไม่ได้จำชื่อไม่ได้จดชื่อ หลายท่าน ยังไม่กลับจะกลับวันที่ 1 ได้มาร่วมบริจาคและเป็นกำลังใจให้พันธมิตรฯ และให้ชาวไทยผู้มีหัวใจรักชาติทุกคน ขอให้จงสู้ต่อไปอย่าท้อถอย และเราจะต้องชนะพวกคนขายชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายอภิสิทธิ์ นายเทพเทือก และพล.อ.ประวิตร จะต้องแพ้ต่อประชาชนอย่างแน่นอน แล้วในนี้ท่านบริจาคเป็นเงินไทยให้ ASTV 5 พันบาท บริจาคให้กองทุนต่อสู้ทวงคืนเขาพระวิหาร และปกป้องแผ่นดิน 5 พันบาท ปรบมือให้พี่น้องชาวไทยจากพิตส์เบิร์ก ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง และกราบขอบคุณพี่น้องชาวไทยในอเมริกาทุกท่านที่ส่งเงินสนับสนุนการต่อสู้มา และบริจาคเงินสนับสนุนการต่อสู้ ทุกท่านบอกว่า อย่าท้อถอย จงมีความเชื่อมั่น และจงมีกำลังใจ พี่น้องชาวไทยผู้รักชาติทั่วประเทศและทั่วโลก ส่วนใหญ่และทุกคนสนับสนุนการต่อสู้ของพวกเรา อันนี้ยืนยันได้

วันนี้มีหลายท่านเขียนจดหมายมาถึงผมเยอะมาก ขออนุญาตทยอยมาอ่านให้พี่น้องได้รับฟังเป็นระยะตามสมควร แต่ที่อยากจะพูด ท่านผู้นี้เขียนมาผมคิดว่าน่าสนใจ ดีมาก คือว่า ท่านบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์โดยคุณอภิสิทธิ์ ได้ออกแผ่นปลิว แผ่นพับ เชิญพี่น้องประชาชนไปร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย ณ ห้องภาณุรังษี โรงแรมรอยัลริเวอร์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อนาคตประเทศไทยมันมีไม่ได้ถ้าคุณยังอยู่ ใช่ไหมครับพี่น้อง ถ้าจะเชิญพี่น้องประชาชนไปฌาปนกิจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะพอได้ ท่านผู้นี้ท่านได้รับแผ่นปลิวแล้วท่านมีความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจเป็นอย่างมากว่า ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเสียดินแดนและถูกกัมพูชารุกราน นานาชาติบุกรุกเข้ามาหวังจะฮุบแผ่นดินไทย และยึดครองแผ่นดินไทยไปแล้ว และนายอภิสิทธิ์ควรจะรู้ว่าบัดนี้ประเทศไทยได้เสียดินแดนไปแล้วภายใต้การปกครองและการบริหารประเทศของคุณ คุณถูกตราหน้าจากประชาชนแล้ว ท่านผู้นี้เขียนมาอย่างนี้ "ดิฉันเครียดมาก เราแพ้เขมรทุกประตู ทำไมคนไทยแท้ๆ เห็นดำเป็นขาว เห็นแก่เงิน ไม่นึกถึงประเทศชาติเลย กลุ้มใจจริงๆ เรียนคุณประพันธ์ที่เคารพ เขาจะหาเสียงกันหรือจะกลบเกลื่อนความผิดที่พันธมิตรฯ พูดอยู่ทุกคน คงจะหาทางออกไม่ได้แล้ว ดิฉันอยากไปฟังเขาแต่ใจมันไม่รับแล้ว จะรู้เขารู้เราได้อย่างไร เผาบ้านมันซะเลยดีไหม" คือท่านได้รับเชิญแต่ทำใจไม่ได้ คงไม่อยากจะไปเพราะไปแล้วคงจะเครียด คงจะโมโห เขียนส่งมาให้ผม อย่างน้อยก็รู้ว่า ในขณะที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะอย่างนี้ แทนที่เขาจะใส่ใจแก้ไขปัญหาใหญ่บ้านเมือง เขากลับสนใจอย่างเดียวว่า จะหาเสียงกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งได้อย่างไร ดูมันคิดซิครับพี่น้อง ผมถึงบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลือดยางหัวไม่ตกคงไม่มีวันสำนึก

มีมากมายหลายท่านเขียนมา และเห็นด้วยกับที่พวกเราพูดและยืนหยัดต่อสู้ ยินดีมาร่วมพลังขับไล่รัฐบาลทรราชและขายชาติ เป่านกหวีดเมื่อไหร่พร้อมมาทันที เรื่องนี้เราไว้รอจังหวะที่เหมาะสม เราจะตัดสินใจเรื่องนี้กันอย่างรอบคอบที่สุด

พี่น้องที่เคารพรัก ผมคิดว่าก่อนจะพูดในประเด็นของนายอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าเอาเรื่องเกี่ยวเนื่องที่ผมพูดมาซะก่อนดีกว่า เมื่อวันที่ 21,22 พี่น้องคงจำได้ ผมได้พูดและอภิปรายเพื่อเปิดโปงการโกงและการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับ โดยเฉพาะเรื่องของบริษัทคิงเพาเวอร์ และการทุจริตคดโกงทั้งหลาย หาประโยชน์ทั้งหลายของข้าราชการ เจ้าหน้าที่บริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และฝ่ายการเมืองที่เข้าไปใช้อำนาจเกี่ยวข้องกับการโกง การทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ พี่น้องครับทำไมผมถึงพูดเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก พี่น้องคงจำได้ว่า นักธุรกิจที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี อย่างทักษิณ ชินวัตร ก็สามารถสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองได้เป็นแสนล้าน ในช่วงเวลาไม่ถึง 10 ปี ทักษิณสามารถร่ำรวยได้มาถึงแสนล้าน พี่น้องครับ วันนี้คนที่เดินตามรอยทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 ปี 10 กว่าปี เขามีทรัพย์สิน มีความร่ำรวยเกือบนับแสนล้าน และวันนี้ในทำเนียบเศรษฐี มหาเศรษฐีของเมืองไทย เขาอยู่ลำดับที่ 26 ของประเทศไทย คือ นายวิชัย รักศรีอักษร ครับพี่น้อง ตามทำเนียบนี้อยู่ในลำดับที่ 26 ของประเทศไทย เป็นมหาเศรษฐี รู้สึกจะอยู่ประมาณ 195 ล้าน รวมแล้วประมาณ 6 หมื่นกว่าล้าน ซึ่งไม่นานนายคนนี้คงมีทรัพย์สินเป็นแสนล้าน ถ้าหากว่าประเทศเราและการเมืองประเทศเรายังเป็นอยู่อย่างนี้ นี่คือความร่ำรวยของนักธุรกิจกับการเมืองที่เกื้อหนุนกัน

หลังจากที่ผมพูดไปวันนั้น พี่น้องครับเมื่อวันที่ 23 เขามีการประชุมปรึกษาหารือกัน แก๊งที่ปรึกษาหารือกันก็คือ แก๊งที่ผมเคยเอาภาพมาให้ดู แก๊งวิชัย รักศรีอักษร แต่งชุดนักเรียนที่มีประธานบอร์ดการท่าอากาศยานคนใหม่ร่วมอยู่ในนั้นด้วย ที่มีรูปคุณธีรพล นพรัมภา ร่วมอยู่ด้วย พี่น้องครับ เขาประชุมกันเมื่อวันที่ 23 หารือกัน ทันที่สุดคือ ให้นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ลาออกจากประธานบอร์ด โดยอ้างว่า นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต จะไปสมัคร ส.ว. ปิยะพันธ์ จัมปาสุต คือประธานกรรมการบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ลาออกทำไม ก็เพราะหลังจากที่ผมพูดทำให้เห็นว่า นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นบุคคลที่มีบาดแผลเยอะ ทั้งเป็นคนที่เพิกถอนมติของคณะกรรมการบอร์ดชุดที่แล้ว เพื่อคืนสัญญาให้กับนายวิชัย รักศรีอักษร แล้วยังต่อสัญญาร้านค้าดิวตี้ฟรี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต่อไปอีก 2 ปี ตัวนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต มีประวัติเรื่องการถูกคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตหลายเรื่อง เขาเลยหารือกันที่จะเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบอร์ด เปลี่ยนประธานบอร์ด นั่นก็คือเอาคุณธีรพล นพรัมภา เข้ามาเป็นประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยาน กรุงเทพมหานคร แทนนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ให้นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ลาออกไป นี่คือผลจากการที่เรากดดันและเปิดโปงในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันผมทราบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำลังจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องทั้งหลายทั้งปวงที่มีการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างเอาจริงเอาจัง เราได้แต่ฝากความหวังและปรบมือให้กำลังใจ ป.ป.ช. ถ้าคิดจะทำจริง

พี่น้องครับ นายธีรพล นพรัมภา นี่เป็นใคร ทำไมถึงถูกเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่เสนอชื่อเข้ามาเป็นประธานบอร์ดคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เพราะนายธีรพล นพรัมภา เป็นหนึ่งในแก๊งออฟโฟร์ หรือ แก๊ง 4 คน สมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจำได้ไหมครับ เขาผู้นี้มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ในยุคสมัยนั้น และเป็นบุคคลที่เป็นคีย์แมน และเป็นเลขาธิการนายกฯ ที่มีบทบาทสำคัญในช่วงที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี และร่วมงานอย่างใกล้ชิด แนบแน่นกับนายเนวิน ชิดชอบ นายสมัคร นายธีรพล นพรัมภา และนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนได้รับสมญานามทั้ง 4 คนนี้ว่า เป็นแก๊ง 4 คน หรือแก๊งออฟโฟร์แห่งประเทศไทย ทั้ง 4 คนมีบทบาทสำคัญมากในช่วงรัฐบาลนายสมัคร และนายธีรพลมีบทบาทสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุที่ทำให้เนวินต้องสลับขั้วออกมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จัดตั้งรัฐบาลคราวนี้ ก็เพราะนายเนวิน ชิดชอบ ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หักหลังตอนจะโหวตเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ รอบที่ 2 พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้เนวินเดินสายเพื่อดันสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ขณะเดียวกัน ทักษิณไปเดินสายให้พรรคพวกสมาชิกในพรรคเพื่อไทยสนับสนุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงเกิดการหักกันในสภา และทำให้นายสมัครเสียหน้า เนวินก็เสียหน้าในคราวนั้น ถึงมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า เขาถูกทักษิณหักหลังต่างหากเขาไม่ได้เนรคุณทักษิณเหมือนอย่างที่กลุ่มคนเสื้อแดงด่านายเนวิน ชิดชอบ นี่คือที่มาของความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างเนวินกับธีรพล นพรัมภา ครับพี่น้อง

นายธีรพล นพรัมภา เข้าเป็นประธานกรรมการบอร์ด เรียบร้อยแล้ว โดยมติของคณะกรรมการบอร์ด เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ลาออกโดยอ้างว่าจะไปสมัคร ส.ว. พี่น้องเชื่อไหมครับว่า นายปิยะพันธ์ ลาออกเพราะอยากเป็น ส.ว. เชื่อไม่เชื่อ เชื่อไม่เชื่อ พี่น้องครับ ตำแหน่ง ส.ว.เงินเดือนไม่เท่าไหร่ อย่างเก่งก็แสนบาท รวมเบ็ดเสร็จ แต่อยู่เป็นประธานบริษัทการท่าอากาศยาน ผลประโยชน์มหาศาลเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน แล้วเรื่องอะไรทะลึ่งอยากสมัครเป็น ส.ว. แค่นี้ก็มองออกแล้ว แสดงว่าถูกกลุ่มอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์นั้นบีบให้ลาออก เพราะต้องการเปลี่ยนตัว เนื่องจากนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต น่าจะมีแผลเหวอะหวะ และอาจจะต้องถูกตรวจสอบหลายเรื่อง ในระหว่างที่เป็นประธานคณะกรรมการบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ครับพี่น้องครับ ประกอบกับโครงการสนามบินสุวรรณภูมิกำลังจะมีการขยายโครงการเฟสที่ 2 ซึ่งมีมูลค่าของโครงการ 6-7 หมื่นล้านบาท เมื่อขยายสนามบินเฟสที่ 2 จะมีพื้นที่ในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก นั่นจะทำให้นายวิชัย รักศรีอักษร มีโอกาสได้พื้นที่เชิงพาณิชย์ในการบริหารสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นที่ทำมาหากินเพิ่มอีก นี่คือแหล่งผลประโยชน์ใหญ่ เขาจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวประธานบอร์ด เพื่อเอานายธีรพล นพรัมภา เข้ามาเพื่อภารกิจอีกหลายอย่างที่จะสวาปามและหาผลประโยชน์ในสนามบินสุวรรณภูมิ นี่คือที่มาที่ไป

และขณะนี้พื้นที่ในเชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นใหม่ คือพื้นที่ของสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดใช้แล้วขณะที่ยังไม่ผ่านการรับมอบ มีการพยายามทดลองและเปิดใช้ บริษัทที่ก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงก์ คือบริษัท Sino-Thai สร้างผิดระเบียบอะไรอย่างไรมีเยอะแยะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน วันนี้พยายามยัดเยียดให้การรถไฟฯ และเริ่มเปิดใช้ ทั้งๆ ที่สภาพของรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ ผมไปนั่งแล้วผมตกใจ เพราะเสียงเปิด-ปิดประตูอย่างกับระเบิดหรือปืนใหญ่จากเขมรที่ยิงจากปราสาทพระวิหารไปหมู่บ้านภูมิซรอล เลยครับพี่น้อง มันดังตึ้มๆ น่าตกใจมาก คือสภาพยังไม่พร้อมหลายอย่าง เราเคยนั่งรถไฟใต้ดิน ไม่ว่าที่ฮ่องกง ไม่ว่าที่อังกฤษ ที่ไหนก็แล้วแต่ สภาพเขาจะดีกว่านี้ แต่ของแอร์พอร์ตลิงก์ยังมีข้อบกพร่องอยู่หลายอย่าง แต่บริษัท Sino-Thai และการรถไฟฯ พยายามเอามาวิ่งเพื่อให้ประชาชนทดลองใช้ ท้ายที่สุดคือ เพื่อบีบบังคับให้มีการรับมองงาน ทั้งๆ ที่ยังมีปัญหาอยู่หลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ 6 สถานีนั้น ค่อนข้างฟันธงได้เลยว่า พื้นที่ค้าขาย พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่จะติดป้ายโฆษณาหรือหาประโยชน์ทุกสถานี จะเป็นบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ไปอย่างแน่นอน พี่น้องฟันธงได้เลย ผลประโยชน์ในสนามบินสุวรรณภูมิจึงยังมีอยู่เยอะ

เพราะฉะนั้นเมื่อหันมาดูประวัติและความสัมพันธ์ ถ้าเราอยากจะรู้ว่านายธีรพล นพรัมภา กับนายเนวิน ชิดชอบ เขามีความสนิทสนมกันอย่างไรนั้น ต้องดูคำพูดของนายวิชัย รักศรีอักษร นายวิชัย รักศรีอักษร ให้สัมภาษณ์เอาไว้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเนวิน และกับธีรพล นพรัมภา ไว้ว่า นี่เป็นคำพูดของนายวิชัย รักศรีอักษร ว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายธีรพล นพรัมภา ผู้ที่มาเป็นประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานฯ อย่างไร ทั้งนี้เพื่อผมจะชี้ให้พี่น้องเห็นว่า ใครก็ตามที่จะมาเป็นใหญ่ในบริษัทการท่าอากาศยานฯ นั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายวิชัย รักศรีอักษร และเนวิน ชิดชอบ เท่านั้นจึงจะมาเป็นประธานบริษัทการท่าฯ ได้ เมื่อมองอย่างนี้แล้วพี่น้องจะได้บทสรุปเอง นายวิชัย รักศรีอักษร ให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้"มีหลายคนถามว่า ทำไมไม่ไปคบคนอื่น ทำไมคบแต่คุณเนวิน"เขาก็บอกว่า "มันก็ลำบากที่จะพูด บังเอิญคุณเนวินคุยกับผมถูกคอแทบทุกเรื่อง อีกเรื่องก็คือฟุตบอล การเมืองก็มีคุยกันแต่ผมไม่มีความสามารถไปแนะนำเขาหรอก มีอย่างเดียว รู้จักกับเนวินก็ไม่มีใครมารักแกผมหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น" นี่คำพูดของนายวิชัย รักศรีอักษร แน่นอนครับ คุณรู้จักกับนายเนวิน คงไม่มีใครไปรังแกคุณในนาทีนี้ จนกว่านายเนวินจะหมดอำนาจ แต่ในระหว่างที่นายเนวินมีอำนาจ คุณก็ไปรังแก ปล้นเอาผลประโยชน์ของคนอื่นในสนามบินมาเป็นของคุณไปจนหมดสิ้นครับ นายวิชัย รักศรีอักษร

วันนี้ใครๆ ก็ต้องรู้จักโรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ ในฐานะเป็นโรงแรม 5 ดาว ในซอยรางน้ำใจกลางกรุง พูลแมนเป็นส่วนหนึ่งของคิงเพาเวอร์ ตกแต่งสวยงาม มีรสนิยมเลิศหรู ทันสมัย มีชื่อเสียงกระฉ่อนโลก ดูจะคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่นายวิชัยลงทุนไปกับโรงแรมนี้ ประมาณ 9 พันล้านบาท กับโรงแรมแห่งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้พูลแมนเป็นที่รู้จักและเป็นที่ร่ำลือก็คือ วันนี้โรงแรมพูลแมน กลายเป็นฐานบัญชาการการเมืองของกลุ่มเพื่อนเนวิน ไปแล้วครับพี่น้อง เนวิน ชิดชอบ ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะเคยสนิทสนมเป็นมือขวาให้กับทักษิณ วันนี้เปลี่ยนขั้วเรียบร้อยแล้ว วิชัย รักศรีอักษร เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ และเขาอ้างว่าเขาถูกการเมืองเล่นงานอย่างนั้นอย่างนี้ ที่สำคัญคือ สิ่งที่เขาพูดว่า

วิชัยนั้นเขามีสายสัมพันธ์อันดีมากกับนายเนวิน ขณะที่กับคนอื่นๆ อย่างนายทหารคนอื่นๆ นั้น เขาพยายามปฏิเสธว่าเขาไม่รู้จัก ยังไม่ค่อยสนิทสนม ส่วนธีรพล นพรัมภา เขามารู้จักในภายหลัง ตอนนี้คือ ยอมรับแล้วว่ารู้จัก สนิทสนม แล้วก็เป็นแขกประจำของกลุ่มคิงเพาเวอร์ ธีรพล นพรัมภา ส่วนกนกศักดิ์ ปิ่นแสง เป็นคนสนิท เป็นคนสำคัญของคุณเนวิน วันนี้เป็นทั้งกรรมการบอร์ดการบินไทย กรรมการบอร์ดบริษัทการประปาภูมิภาค บริษัทอีสวอเตอร์ เป็นที่ปรึกษาบริษัทเชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น พ่อเลี้ยงคะแนน กนกศักดิ์ ปิ่นแสง จึงเป็นมือขวาที่สำคัญของเนวิน และเมื่อเนวินมาเป็นรัฐมนตรีช่วย ก็เอากนกศักดิ์ ปิ่นแสง มาเป็นที่ปรึกษา ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นกลุ่มก๊วนเดียวกันกับวิชัย รักศรีอักษร อย่างเหนียวแน่นครับพี่น้อง ปัจจุบันนี้ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง มือขวาของเนวิน เป็นอุปนายกสมาคมโปโล โดยมีวิชัย รักศรีอักษร เป็นประธานสมาคม ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของกลุ่มนี้จึงเป็นความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและการเมืองอย่างเหนียวแน่น และผลประโยชน์ใดๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิจะต้องตกอยู่ภายใต้การบริหารและบงการของกลุ่มนี้เท่านั้นครับพี่น้องครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ ธีรพล นพรัมภา ที่กลายมาเป็นประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานฯ จึงมาในนามตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของวิชัย รักศรีอักษร และบริษัทคิงเพาเวอร์ เท่านั้นครับไม่มีอย่างอื่นครับพี่น้อง

เพราะฉะนั้นเรื่องราวในสนามบินสุวรรณภูมินั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราจะต้องติดตาม ส่วนประวัติของนายธีรพล เป็นใครมาจากไหน ไม่ยากครับพี่น้อง เราสามารถสืบค้นหาประวัติบุคคลผู้นี้ได้ไม่ยากเลย เพราะว่าเขาจบวิศวะจุฬาฯ เป็นนักเรียนอัสสัมชัน ศรีราชา น่าจะเป็นรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ใกล้เคียงกับคุณสนธิ แต่เกินปี 2492 ครอบครัวอยู่แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา เป็นญาติฝ่ายเมียของนายสมัคร สุนทรเวช นายธีรพล นพรัมภา เคยทำงานเป็นเลขานุการ นายสหัส บัณฑิตกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะจุฬาฯ กับเขา หลังจากนั้นเมื่อนายสมัครมาเป็นนายกฯ นายธีรพล นพรัมภา ผันตัวเองมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี วันนี้นายธีรพล นพรัมภา ผ่านการทำงานในบริษัทเอกชนมาหลายแห่ง เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลศิขรินทร์ ถนนศิขรินทร์ บางนา และมีธุรกิจหลายอย่าง นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ร่วมก๊วนนี้ และ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เวลานี้มีทรัพย์สินเป็นเซียนหุ้น มีเงินหลายร้อยล้าน ผมคิดว่าน่าจะใกล้ๆ พันล้าน มีหุ้นอยู่ในบริษัทปิกนิก บริษัทแก๊ส และมีหุ้นอยู่หลายบริษัท วันหลังจะเอารายละเอียดมาเล่าให้พี่น้องฟัง

แต่ทั้งหมดที่พูดเรื่องคุณวิชัย รักศรีอักษร และการก้าวมาเป็นตำแหน่งประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยาน ของนายธีรพล นพรัมภา นั้น พี่น้องเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า แม้ว่านายปิยะพันธ์ จัมปาสุต จะออกไป แต่คนที่มาเป็นประธานบอร์ดคนใหม่ยังเป็นคนที่อยู่ในก๊วนในแก๊งของบริษัทคิงเพาเวอร์เท่านั้น และใครจะมาเป็นกรรมการบอร์ด หรือเป็นอะไรในบริษัทการท่าอากาศยาน ต้องผ่านความเห็นชอบจากนายวิชัย บริษัทคิงเพาเวอร์ และเนวิน ชิดชอบ เท่านั้นครับพี่น้อง

ผมลืมพูดไป นายวิชัย รักศรีอักษร ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จริงๆ แล้วคนที่เขามีความสนิทสนมลึกซึ้ง ใกล้ชิดมาก่อนนั้น คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ครับ นายเนวินมาสนิทกับวิชัย รักศรีอักษร ในภายหลัง กับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ มีความสนิทสนม ไปมาหาสู่กันค่อนข้างจะเหนียวแน่นมาก่อน เพราะฉะนั้นการก้าวมาของธีรพล นพรัมภา ต้องได้รับความเห็นชอบจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ และรัฐมนตรีคลัง พรรคแกนนำรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเห็นได้ว่า การเมืองวันนี้เขาสมคบกันทำทุกเรื่องที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองและนักการเมืองเท่านั้นครับพี่น้องครับ

ดังนั้นใครก็ตาม บรรดาผู้ที่ยังหลงคารม หลงเชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่านายอภิสิทธิ์ไม่โกงไม่กิน ไม่จริงครับ นายอภิสิทธิ์ไม่โกงไม่กิน แต่ปิดตาหลิวตาให้พรรคพวกในพรรคตัวเองไปโกงไปกินเพื่อไปหาเงินเตรียมไว้เลือกตั้งให้กูเป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ไม่ต้องลงมือซื้อเสียง เดี๋ยวจะมีคนจัดการซื้อเสียง รวบรวมไพร่พล จำนวน ส.ส.มาเพื่อเชิดนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ หุ่นต่อไป นี่คือปัญหาการเมืองของประเทศเรา ที่ตกอยู่ในวังวนน้ำเน่าแบบนี้

เอาละครับผมพูดถึงเรื่องของบริษัทคิงเพาเวอร์แล้ว วันนี้มีเรื่องใหม่มาแถมให้ท่าน เพราะว่ามีคนบอกว่า ทำไมพูดเรื่องทุจริตแต่พรรคประชาธิปัตย์ หรือว่าพรรคของคุณสุวัจน์ วันนี้พูดพรรคภูมิใจไทย แล้วพรรคชาติไทยพัฒนา ของคุณบรรหารไม่มีหรอ ผมก็บอกให้รู้ว่า พี่น้องครับ มันโกงทุกพรรคครับพี่น้องครับ และทุจริตทุกพรรค เรื่องหนึ่งที่คุณสนธิพูดและอภิปรายเมื่อวานนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า พรรคฝ่ายค้านที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ ถ้าเขาทำประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ และทำการบ้านจริงๆ รับรองจะเห็นว่า ความชั่วของรัฐบาลนี้มากกว่าความชั่วของรัฐบาลที่แล้วด้วยซ้ำไป การโกงการทุจริตน่าเกลียด น่าขยะแขยงกว่ารัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลที่แล้วว่าโกงรัฐบาลนี้โกงยิ่งกว่า และการโกงการทุจริตของเขานั้น ไม่เพียงแต่สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเขาเอง และธุรกิจในเครือของเขา แต่นักการเมืองพวกนี้ คือถ้าเทียบทักษิณ มันโกงมันรวยกับตัวเอง กับทุจริตในธุรกิจของตัวเองได้ประโยชน์ แต่กลุ่มนี้มันโกง ธุรกิจของตัวเองและพรรคพวกก็ได้ประโยชน์ แต่ความเดือดร้อนของประชาชนก็เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

เมื่อวานนี้ท่านได้ฟังเรื่องน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง สินค้าราคาแพง วันนี้แพงทุกตัว แต่วันนี้มาฟังเรื่องการทำมาหากินของคนอาชีพกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเขาร้องเรียนมาแล้วเป็นความจริง ว่าทุกอาชีพได้รับผลกระทบจากการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ อาชีพหนึ่ง ซึ่งเมื่อเย็นมีคนพูดไปบ้างแล้วแต่อาจจะยังไม่มีข้อมูลในเชิงรายละเอียด มีคนมาร้องเรียนผมเยอะ ผมก็เลยไปตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล คนที่มาร้องเรียนกลุ่มหนึ่งก็คือ ผู้ประกอบธุรกิจเป็นไกด์ มัคคุเทศก์ คนที่ทำอาชีพไกด์ทัวร์ อาชีพมัคคุเทศก์ เป็นอาชีพสงวนและหวงห้ามไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น และการจะประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ จะต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยเขามีฝ่ายออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 50 (ค) กำหนดว่า ผู้ต้องการประกอบอาชีพนำเที่ยวจะต้องขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศ โดยต้องได้รับวุฒิบัตร หรือหนังสือรับรองว่าผ่านการอบรมวิชามัคคุเทศก์ ตามหลักสูตรที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาเขาจะจัดอบรมมัคคุเทศก์ โดยมีเวลาอบรมหลักสูตร 6-8 เดือน ค่าลงทะเบียน 3.2 - 3.6 หมื่นบาท รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว จะจบหลักสูตรใช้เงินเกือบแสนกว่าจะเป็นมัคคุเทศก์ได้โดยถูกต้อง ได้รับใบอนุญาต

หากผู้ใดประกอบอาชีพดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ฉะนั้นการซื้อใบอนุญาตและบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ปลอม เวลานี้เกิดขึ้นแล้ว นั่นก็คือ สามารถซื้อได้ใบละไม่เกิน 4 หมื่นบาท ถ้าใครอยากมีใบอนุญาตปลอมเป็นมัคคุเทศก์ปลอมก็ไปซื้อ เพราะลงทุนถูกกว่าไปเรียน อบรมและสอบเพื่อขอใบอนุญาต ซึ่งต้องลงทุนเป็นแสน บัดนี้ใบอนุญาตปลอมจึงเกิดขึ้นเกลื่อนเมือง เกลื่อนประเทศ ความต้องการมัคคุเทศก์ปลอมจึงมีสูงมาก และเป็นช่องทางทำมาหากิน ที่แย่งช่องทางทำมาหากินของคนที่ทำโดยถูกต้องตามกฎหมาย และยังเปิดช่องทางให้คนต่างชาติเข้ามาเป็นไกด์เถื่อน ไกด์ผี มัคคุเทศก์ปลอม หากินอยู่ในประเทศไทยเต็มไปหมด ทั้งที่พัทยา และภูเก็ต ผู้ประกอบการร้องเรียนมาทั้งนั้นเลย ผมถึงรู้ว่า คนที่มาชุมนุมอยู่ที่นี่มีผู้ประกอบการทำอาชีพนี้เยอะ แวะเวียนหมุนเวียนกันมาร่วมชุมนุมกับเรา และทุกคนพูดตรงกันว่า การชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ และกลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ไม่ได้ทำให้การประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ประสบความเดือดร้อน แต่ที่เขาเดือดร้อนที่สุดก็คือ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อ พ.ค. เพราะชุมนุมที่ราชประสงค์ และราชดำเนิน เรื่องรถติด บริเวณนี้รถไม่ติดเลย และยืนยันได้ว่า การชุมนุมที่นี่สงบเรียบร้อย และไม่เป็นปัญหารบกวนนักท่องเที่ยวเลยครับพี่น้อง

นอกจากนี้ผลพลอยได้คือว่า หลังจากไทยกับกัมพูชามีปัญหาพิพาทกัน ปรากฏว่านักท่องเที่ยวไม่ไปกัมพูชา คนญี่ปุ่น คนเกาหลี ถึงแม้ว่าจะญี่ปุ่นบางคนไปช่วยเกาหลีก็ตาม เขาไม่ไปเที่ยวกัมพูชา เพราะเขากลัวสงครามจากฝั่งกัมพูชามากกว่า และเขากลัวความไม่แน่นอนของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากฝั่งกัมพูชามากกว่า เขาหันมาเที่ยวเมืองไทย ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เมืองไทยเลยได้ผลพลอยได้จากนักท่องเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่นมาทางเมืองไทยเยอะขึ้น การชุมนุมของพวกเราไม่เป็นปัญหาเดือดร้อนแก่การประกอบอาชีพของมัคคุเทศก์ไทยเลยแม้แต่น้อย

ทีนี้ปัญหาคือว่า มันมาเกี่ยวกับพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างไร นี่ผมเอาแค่น้ำจิ้มมาก่อน เรื่องพรรคชาติไทยพัฒนายังมีอยู่เยอะหลายเรื่อง แต่เรื่องน้ำจิ้มอย่างนี้ยังทำมาหารับประทานกันอย่างน่าละอายที่สุด นั่นก็คือ ขณะนี้มีผู้ขอรับใบอนุญาตใหม่ จำนวน 19,825 ราย มีผู้มาขอต่อใบอนุญาต จำนวน 15,293 ราย คำขอถ้าต่อใบอนุญาตใหม่ ใบละ 200 ถ้าขอต่อใบอนุญาต รายละ 100 ปัญหาคือ มัคคุเทศก์ทั้ง 2 ประเภทนี้ที่มีอยู่จริง มีอยู่เพียง 35,018 คน แต่มีไกด์ผี พอเข้าไปดูตัวเลขทะเบียนว่ามีผู้ประกอบการมัคคุเทศก์อยู่เท่าไหร่ ปรากฏว่ามีเกินมาเป็นไกด์ผี อยู่ 7,797 คน หมายถึงว่า จำนวนผู้ถือใบอนุญาตและบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ปลอม ที่ขายในตลาดมืด ใบละ 40,000 คูณด้วย 7,797 คน จึงเป็นเงินทั้งสิ้น 311,880,000 บาท หากินกันแบบง่ายๆ อย่างนี้ แล้วคนที่ทำเรื่องนี้กลายเป็นข้าราชการที่จะต้องหากินไปเซ่นไหว้นักการเมืองเพื่อวิ่งเต้นเอาตำแหน่งด้วยครับพี่น้อง และหาเงินเข้าประโยชน์ตัวเอง หาเงินให้นักการเมืองด้วย พี่น้องเชื่อผมไหมครับ ทุกตำแหน่งเวลานี้ เมื่อก่อนเรานึกว่าแค่ตำแหน่งตำรวจ แค่ตำแหน่งศุลกากร แค่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ดินที่มีการวิ่งเต้น แต่เวลานี้ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง ตำแหน่งอธิบดี ทุกกระทรวง ทบวง กรม มีผลประโยชน์ และต้องวิ่งเต้นจ่ายเงินทั้งนั้นจึงจะได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นอธิบดี หรือเป็นผู้อำนวยการกอง หรือมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ นี่คือปัญหาของประเทศเรา การทุจริตคดโกงในเรื่องนี้เป็นทุกกระทรวง ทบวง กรม บางกระทรวง ค่าวิ่งเต้นเฉพาะตำแหน่งผู้อำนวยการ เขาเรียกว่า สำนักงานอุทยานแห่งชาติ บางทีล่อไปถึง 200-300 ล้าน พี่น้องคิดไหมครับว่าเขาเอาประโยชน์มาจากไหน เพราะฉะนั้นการอนุญาตให้ทำรีสอร์ท ทำร้านอาหาร ภัตตาคาร ปลูกป่า เช่าที่ดินในป่า ตัดไม้ สารพัดอย่างที่จะมีประโยชน์ สามารถเอามาคิดเป็นเงินและเรียกเอาเงินจากผู้ที่ต้องการจะมากินตำแหน่งต่างๆ ได้ทั้งสิ้น ทุกกระทรวง ทบวง กรม พูดได้เลยครับ ไม่ใช่เฉพาะมหาดไทย ตำแหน่งนายอำเภอ ตำแหน่งผู้ว่า เสียงเงินหมดทุกกระทรวง

กระทรวงท่องเที่ยวฯ นี้ก็เช่นกัน คนที่จะมาเป็นนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง ถ้าใครมีความซื่อสัตย์สุจริต และทำงานดีตรงไปตรงมา จะถูกเขาเตะออกไป คนที่อยากวิ่งเต้นได้ตำแหน่ง ก็หากินโดยออกใบอนุญาตปลอมแล้วเอาเงินมาวิ่งเต้นนักการเมือง แล้วได้เป็นนายทะเบียน หาเงินกันแบบที่ผมว่า ดื้อๆ ง่ายๆ อย่างนี้ละครับ คือ ออกใบอนุญาตปลอมให้มัคคุเทศก์ กินใบละ 4 หมื่น ถ้า 7 พันกว่าคน ก็ 300 กว่าล้าน เพราะฉะนั้นการทำมาหากินในกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ซึ่งอยู่ในความดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา แม้เรื่องอย่างนี้ยังทำมาหากิน แต่พี่น้องรู้ไหมครับมันสร้างความเดือดร้อนและเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างไร พวกไกด์ผี ไกด์เถื่อนเหล่านี้ จะก่อปัญหาเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว เช่น ขโมยของ หลอกลวงนักท่องเที่ยว แย่งอาชีพมัคคุเทศก์ไทย พี่น้องไปดูตามพัทยา กลายเป็นมาเฟีย มีตำรวจคุม อันนี้ต้องโทษนะครับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจการท่องเที่ยวบางคนมีส่วนทำมาหากินอย่างนี้ด้วย ที่ภูเก็ต ที่พัทยา ได้รับร้องเรียนเรื่องนี้มาเยอะมาก เวลานี้ไกด์เถื่อน ไกด์ผี และไกด์ต่างชาติ มาทำมาหากินแย่งอาชีพคนไทยอย่างหน้าตาเฉย ภายใต้การเก็บส่วยคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกทอด ทำให้ผู้ประกอบการอาชีพนักท่องเที่ยวไทยหรือมัคคุเทศก์ไทย ได้รับผลกระทบกระเทือนเดือดร้อน นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่เขาฝากมาว่า คุณประพันธ์ ช่วยพูดให้พี่น้องประชาชน และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้สำนึกหน่อยว่า เวลานี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ขายชาติขายแผ่นดิน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ขายชาติโดยการเปิดให้ไกด์ผี ไกด์เถื่อนต่างชาติมาแย่งอาชีพคนไทย

มันกลายเป็นว่า การหากินโดยทุจริตไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของคนในชาติ เป็นวัฒนธรรมการทุจริตนิยมในวงการราชการ และวงการนักการเมืองไปหมดทุกโครงการ จึงเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ ว่าประเทศนี้ ถ้าเราไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีนายกฯ ที่มีความกล้าหาญ และมีความรักชาติ รักบ้านรักเมืองนั้น เราไม่มีวันจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เลยครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ผมพยายามชวนพี่น้องมาคุย มาเข้าใจปัญหาเรื่องการบริหารบ้านเมืองที่ล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่ามันเกิดการโกงการทุจริตไปทั่วประเทศนั้น ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบุคคลที่ประชาชนไม่สมควรที่จะไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปได้แล้วครับ ผมหวังว่าคนไทย ประชาชนไทยที่ติดตามข้อมูลข่าวสารของพวกเราอยู่ในขณะนี้ คงน่าจะมีข้อสรุปร่วมกันได้แล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นไม่น่าจะอยู่ในสภาพที่จะเป็นนายกฯ ประเทศนี้ได้อีกต่อไปเลย เฉพาะเรื่องที่ขายชาติ เรื่องโกง ทุจริต ปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลโกง รัฐบาลทุจริต และบริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนนั้นมันก็น่าจะจบแล้ว แทบไม่ต้องไปพูดถึงว่า นายอภิสิทธิ์มีสัญชาติ 2 สัญชาติ 3 สัญชาติ มันจะมีกี่สัญชาติก็ไม่ควรอยู่ปกครองประเทศนี้ได้แล้วครับ

คุณสนธิได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องหนึ่งไปแล้ว เรื่องการบริหารบ้านเมืองที่ล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ เรื่องความเป็นคนโกหกตลบตะแลง พูดจากไม่รักษาคำพูด ไม่รักษาคำมั่นสัญญากับประชาชน บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว พี่น้องครับ ผมขอสรุปและขออภิปรายในจุดที่ว่า นายอภิสิทธิ์ไร้สิ้นซึ่งภาวะความเป็นผู้นำ ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อีกต่อไปด้วยเหตุผลดังนี้ 1. นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอยากเป็นนายกฯ อย่างเดียว อยากจะอยู่ในตำแหน่งอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตัวเองควรจะต้องปฏิบัติ สิ่งที่ตัวเองควรจะต้องทำให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ไม่เคยคิด ไม่เคยคำนึง ไม่เคยทุ่มเท ไม่เคยเสียสละจริง นอกจากจัดฉากเล่นละครเป็นตัวตลกเท่านั้น พี่น้องจำได้ไหมครับ ในวันที่เขาแถลงผลงานในสภา มีการอภิปรายสอบถาม พูดง่ายๆ เท่ากับเป็นการซ้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องผลงานของรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านก็อภิปรายเรื่องโน้นเรื่องนี้ ตื่นเช้าขึ้นมาผมดูทีวี ปรากฏนายอภิสิทธิ์ทำอะไรครับ นายอภิสิทธิ์เปิดประชุมคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการทั่วประเทศ ตัวเองนั่งอยู่ในทำเนียบ และเปิดประชุมคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการทั่วประเทศ ให้ผู้ว่าฯ จังหวัดนั้นรายงานปัญหาเรื่องนโยบายที่ทำไปเป็นอย่างไร จังหวัดนี้รายงาน มันนั่งบริหารบ้านเมือง บอกติดตามการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในห้องแอร์ครับพี่น้อง สร้างภาพโดยให้ทีวีช่อง 11 ถ่ายทอดให้พี่น้องประชาชนชม ผมดูด้วยความสะอิดสะเอียนว่า คุณเป็นนายกฯ ประสาอะไร ทำงานมาจะ 2 ปีแล้วยังไม่เคยลงพื้นที่ตรวจตราดูการบริหารราชการบ้านเมืองตามแนวทางและนโยบายของตัวเอง ว่าที่สั่งที่มอบนโยบายราชการไปนั้นมันได้รับผลสำเร็จไปถึงไหน ทำได้อย่างเดียวคือ นั่งฟังรายงานอยู่ในห้องแอร์แล้วให้ผู้ว่าราชการรายงานเข้ามา นี่คือวิธีการทำงานอันโง่เขลาและไร้สาระของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาเป็นคนคับแคบ ไม่เปิดโลกกว้าง ไม่เปิดความคิดกว้างจริง เป็นคนที่มีอีโก้จัด มีอคติไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น จึงไม่เหมาะสมที่จะมีภาวะผู้นำประเทศ ที่จะต้องใส่ใจสนใจต่อปัญหาประชาชน ขาดความรู้ความสามารถ โกหกไร้สัจจะ ทั้งหมด 27 อย่างที่ผมพูด ผมถือว่า นายอภิสิทธิ์วันนี้น่าจะหมดสภาพการเป็นนายกฯ แล้ว และผมคิดว่าวันนี้เขาเหมาะสมที่สุดก็คือ เป็นตัวตลก เป็นตลกคาเฟ่ เป็นตลกที่ไม่ตลกเลยสำหรับประชาชนไทย ความไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศของเขาทั้งหลายทั้งปวง ผมคิดว่าที่ผมบรรยายมา 27 อย่าง น่าจะเป็นบทสรุปว่า นายอภิสิทธิ์ไม่เหมาะที่จะเป็นนายกฯ แล้ว

วันนี้ที่ถูก อ.ปานเทพ ซัดเข้าไปในการออกมาสัมภาษณ์เรื่องยูเนสโก เรื่องที่ตัวเองกำลังถลำลึกไปสู่การเสียดินแดน ผมเลยจะใช้เวลาให้พอดี 1 ชั่วโมง ผมเลยเตรียมเพลงมามอบให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชื่อเพลงเจ้าตัวตลก พี่น้องอาจจะไม่เคยฟังเพลงนี้ แต่ถ้าพี่น้องเป็นคอฟังเพลงเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพลงเจ้าตัวตลก เนื้อร้องแต่งโดย คุณบุญศักดิ์ ทองน้อย คนที่ให้ทำนองและร่วมแต่งเนื้อร้อง คือ คุณชุมพล เอกสมญา เป็นลูกชายของจ่าเพียร พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา จำได้ไหมครับพี่น้อง เป็นผู้แต่งเพลงนี้ คุณพ่อของเขาถูกระเบิดจากผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต คือ ผู้กำกับ สภ.บันนังสตา จ.สงขลา คุณชุมพลหายไปประมาณ 10 ปีจากวงการเพลง เขากลับมาอีกครั้ง เคยออกอัลบั้มเมื่อปี 42 สังกัดมายสโตน ของคุณมาโนช พุฒตาล แต่โดยคุณบุญศักดิ์ ทองน้อย ซึ่งเป็นกวีหนุ่มที่มีอนาคตและมีสำนวนในการเขียนบทกวี และบทเพลง บทกลอนได้ดีมาก บทเพลงนี้ผมคิดว่าเหมาะกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตายแล้วบอกเพลงเปิดไม่ได้ พรุ่งนี้ค่อยเปิด ผมอ่านเนื้อให้ฟังดีกว่า เสียดายจริงๆ เนื้อร้องแล้วกันนะครับ ถ้าเพลงเปิดไม่ได้ขึ้นภาพเจ้าตัวตลกให้ดูก็ได้ ภาพที่ใส่หมวกถุงยางอนามัย ภาพต่างๆ ที่เตรียมไว้ ขึ้นให้พี่น้องดูหน่อย ประกอบผมอ่านเพลง เนื้อเพลงว่าอย่างนี้

"หมดเวลาของแกแล้วไอ้ตัวตลก หมดเวลาของแกแล้วได้ตัวตลก แกแสดงได้ดีมาก แกแสดงดีเกินไป แกแสดงได้ดีมาก แกแสดงได้ดี นั่นยังไงความผิดของแกที่ทำให้เสียแผ่นดิน จึงหมดเวลาของแกแล้ว จึงหมดเวลาของแก วันเวลาจะยังมีอยู่อีกหรือ วันเวลาระเหยหายไปในใบหน้าของแกแล้ว แต่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แต่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แต่ฉันก็รักเธอ แต่ฉันก็รักเธอ เจ้าตุ๊กตาใส่หมวกถุงยางอนามัย "ตอนหลังนี่ผมเติมให้ "มันหมดเวลาของแก มันหมดเวลาของแก สวัสดี ตัวฉันที่เกิดในยุคมดเอ็กซ์ ซุปเปอร์วันลาก่อนเจ้าโดเรอาม่อน ลาก่อนมดเอ็กซ์ ซุปเปอร์วัน สวัสดีเธอผู้มาใหม่ชินจัง" ความหมายก็คือว่า มันหมดเวลาแล้วเจ้าตัวตลกอภิสิทธิ์ มันเป็นเวลาของคนที่จะมาใหม่แทนแก ครับพี่น้องครับ แต่ตอนต่อมาเจ็บปวดดีมาก เขาบอกว่า "ฉันคือประชาชน ก็เป็นได้แค่ของเล่น คือประชาชนก็คือของเล่น วันนี้กำลังระเหยหาย ดอกไม้ที่ไม่จริงอย่าทอดทิ้งฉัน ฉันคือประชาชนก็เป็นได้แค่ของเล่น คือประชาชน ก็คือของเล่น หยุด ยกมือขึ้น ความเศร้าได้ล้อมคุณไว้หมดแล้ว ดูเหมือนมันจะจบลงอย่างขาดเขลา" บอกให้รู้ว่า ความเศร้ากำลังล้อมรอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชีวิตทางการเมืองของคุณจะจบลงอย่างขาดเขลาครับพี่น้อง แต่สุดท้ายเขาบอกว่า "แต่ฉันก็รักเธอ แต่ฉันก็รักเธอ เจ้าตุ๊กตา แต่ฉันก็รักเธอ แต่ฉันก็รักเธอ เจ้าตัวตลก มันหมดเวลาของแก มันหมดเวลาของแกจริง ลาก่อน" นี่คือเพลง ถ้าได้ฟังเนื้อร้องทำนอง ประกอบ MV มิวสิก จะดีมาก และจะสอดคล้องกับบรรยากาศวันนี้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันนี้เป็นตัวตลกของคนไทย และเป็นตัวตลกของชาวโลก เป็นนายกฯ หุ่นเชิดตัวจริง และเป็นหุ่นเชิดที่ไม่รู้สำนึกเลยว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิด น่าสมเพชเวทนาจริงครับพี่น้อง

เอาละครับพี่น้อง วันนี้ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมง ท่านผู้ฟังทางบ้านบอกว่า คุณประพันธ์อย่าพูดเอามันมาก เพราะอยากให้พูดเนื้อหาสาระมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโกง เรื่องทุจริตของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลชุดนี้ ท่านบอกว่า คุณพูดอย่างไรพวกเราก็เชื่ออยู่แล้วว่าคุณพูดด้วยความจริงใจ และ 2.คือ นายอภิสิทธิ์ไม่จำเป็นจะต้องไปเอาปืนยิงมันอีก ไม่จำเป็นเอามีดไปแทงมันอีก เพราะมันตายไปตั้งนานแล้ว และเขาได้ตายไปจากความทรงจำ จากความชื่นชมที่เราเคยมีอยู่ไปหมดสิ้นแล้ว วันนี้พวกเรากำลังคิดอย่างเดียวว่า จะหาทางทำอย่างไรให้นักการเมืองเก่าที่เลวๆ เหล่านี้ไปลงนรกให้หมดเท่านั้นเอง จะหาทางทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศไทยมีผู้นำประเทศที่ฉลาด รอบรู้ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความสามารถ มีความกล้าหาญ มาก่อบกู้ชาติบ้านเมืองของเรา ถ้าไม่ได้นักการเมืองที่ดี มีความรู้ความสามารถ มีผู้นำประเทศที่มีความกล้าหาญมาแล้ว ปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ปกครองบ้านเมืองต่อไป เราจะต้องสูญเสียแผ่นดิน และมันได้สูญเสียแผ่นดินแล้ว

วันนี้นายอภิสิทธิ์ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่า ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน ได้เสียดินแดนไปแล้วแน่นอน เหลือเพียงอย่างเดียวก็คือ พวกเราจะหาทางเอาแผ่นดินคืนอย่างไรเท่านั้นครับ และเราไม่ควรจะไปฝากความหวังใดๆ ไว้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถ เป็นคนที่มีปัญหาสภาวะทางจิตอย่างมาก ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศในสถานการณ์นี้เลย ทัศนคติ วิธีคิด วิธีทำงาน วิธีตัดสินใจ และวิธีแก้ไขปัญหาของเขา มีแต่จะนำความล้มเหลวและเสียหายมาสู่ชาติบ้านเมืองเราหนักขึ้นๆ ต่อไปอีก ปล่อยให้บริหารบ้านเมืองแม้เสี้ยววินาทีเดียวก็หายนะของชาติบ้านเมืองเท่านั้น วันนี้เราต้องมาร่วมกันขบคิดและหาทางเอานายอภิสิทธิ์ออกไปเอาประเทศไทยของเราคืนมาครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ขอพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้มาพูดคุยกันใหม่ สวัสดีครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น