ที่ประชุม ครม.อนุมัติสร้างบ้านมั่นคง คนไร้บ้าน ตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯเสนอ ในพื้นที่ 3 จังหวัด กทม.-ขอนแก่น และ เชียงใหม่ โดยใช้งบกลางปี 54 ด้าน “อภิสิทธิ์” เผยผลประชุมนโยบายน้ำมันปาล์ม อาจจำเป็นต้องหว่านงบตรึงราคา ไม่ผลักภาระให้ ปชช. ยอมรับยการบริหารจัดการนำเข้ามีปัญหา เพิ่งตื่นลั่นเดือน มี.ค.จะไม่เห็นคนเข้าแถวซื้อน้ำมัน
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.มารุต มัสยวานิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขอสนับสนุนเพื่อดำเนินการตามโครงการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน จัดสร้างที่พักอาศัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไร้บ้าน โดยใช้งบประมาณอุดหนุนในมาตรฐานเดียวกันกับโครงการบ้านมั่นคง ประมาณ 80,000 บาทต่อหลัง ซึ่งในการนี้เกิดจากเครือข่ายสลัมสี่ภาค และเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ที่เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ.54 เบื้องต้นพบว่า มีคนไร้บ้านในพื้นที่ 3 เมืองใหญ่ คือ จ.กทม. จ.ขอนแก่น และ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 200 คน ซึ่งทั้งประเทศมีคนไร้บ้านประมาณ 6,000 คน ในการนี้จะสร้างบ้านมั่นคง คนไร้บ้าน โดยใช้งบกลางของปี 2554 มอบให้กับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) จำนวน 200 หน่วยๆ 80,000 บาท
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม.มีการพิจารณาเรื่องของปาล์มน้ำมัน ซึ่งได้มอบให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม และคาดว่า จะได้ข้อยุติทั้งหมด ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดความขาดแคลน ให้รวดเร็วและมีความโปร่งใสที่สุด ซึ่งการตรวจสอบจะเดินหน้าต่อไปตามที่ได้มีการดำเนินการมาแล้ว
เมื่อถามว่า ข้อยุติเรื่องน้ำมันปาล์มที่จะได้ในวันนี้จะสามารถลดผลกระทบต่อประชาชนได้แค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบถามรองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เบื้องต้นคิดว่า ในประเด็นหลักจะเป็นการปรับวิธีการการบริหารจัดการการนำเข้า และการแก้ปัญหาความขาดแคลนเบื้องต้น โดยไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน และจะไม่มีการเพิ่มราคาน้ำมันเป็น 47 บาท
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีวงเงินเข้าไปสนับสนุนเพื่อตรึงราคาสินค้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจจะมีการใช้จ่ายบางส่วนแต่ไม่ใช่ตัวเลขเป็นหลักพันล้าน ซึ่งดูตัวเลขและกำหนดตัวเลขกันอยู่ เมื่อถามว่า เหตุผลที่ต้องมีการนำวงเงินเข้าไปสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้นทุนของตัวน้ำมันปาล์มสูงกว่าราคาที่เราไม่ขาย จึงมีปัญหาเรื่องแรงจูงใจ ในเรื่องการผลิตและการจำหน่าย ซึ่งหากปลดล็อกตรงนี้ได้ ที่คาดการณ์ว่า เป็นภาวะชั่วคราว เนื่องจากว่าขณะนี้แนวโน้มผลผลิตของปาล์ม ปัญหาการขาดแคลนธรรมชาติ น่าจะจบลงได้ประมาณเดือน มี.ค.ซึ่งหลังเดือน มี.ค.มาตรการเหล่านี้ที่จะทำทั้งหมดจะเป็นมาตรการชั่วคราว
เมื่อถามว่า หลังเดือน มี.ค.จะไม่เห็นภาพคนไปเข้าคิวซื้อน้ำมันปาล์ม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเป้าหมายแรก ที่จะต้องแก้ไขปัญหาการขาดแคลนให้จบ เมื่อถามว่า ในระดับนโยบายมีการทบทวน ว่า มีความผิดพลาดตรงไหนที่ทำให้สถานการณ์ที่คนเดือดร้อนยาวนานมาเดือนกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่จริงแล้วมีการอนุมัติการนำเข้ามาเป็นลำดับ เรื่องการนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อต 2 จำนวน 1.2 แสนตัน ที่เป็นปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อยู่ที่กลไกของไม่ได้ทำงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการประเมินและความเข้าใจที่ไม่ตรงกันที่พูดกันใน ครม.ซึ่งการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ต้องจบ เมื่อถามว่า รัฐบาลประเมินได้ไม่ครบ และมองสถานการณ์พลาด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่า ในการบริหารจัดการ ถ้าเรานำเข้ามาแล้วมีปัญหา แล้วมีการแก้ไขไป ก็จะไม่รุนแรงเท่านี้ ช่องว่างที่เกิดขึ้นตรงนี้จะต้องเร่งแก้ไข