กมธ.เจบีซี ประชุมนัดสุดท้าย 24 ก.พ.นี้เตรียมส่งสภาฯ ทันที เชื่อเจบีซีช่วยแก้ข้อพิพาทไทย-เขมรในกรอบทวิภาคี โดยได้ข้อสรุปเสนอดำเนินการตามข้อตกลงเอ็มโอยู 43 แต่ไม่เกี่ยวยอมจำนนแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ต.ร.กม. วอน รบ.เร่งเยียวยา ปชช.ในพื้นที่พิพาท
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานการประชุมกรรมาธิการวิสามัญร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมเจบีซีไทย-กัมพูชา 3 ฉบับ พร้อมด้วย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญฯ ร่วมกันแถลงผลการประชุม
โดย น.ส.รัชดากล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมาธิการเจบีซี ประชุมเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงพิจารณารายละเอียดครั้งในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งกำลังยกร่างข้อสรุปการศึกษาของคณะกรรมาธิการ เพื่อเสนอต่อรัฐสภา โดยคณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอได้ประการ แต่ที่มีความสำคัญ คือ กรรมาธิการเห็นว่าการให้ดำเนินการตามคณะกรรมาธิการเจบีซีเดินหน้าต่อเพราะเป็นกลไกสำคัญ ในการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ยังตีกรอบข้อพิพาทให้มีการเจรจาในระดับทวิภาคี โดยได้ข้อสรุปว่าจะต้องดำเนินการตามข้อตกลงเอ็มโอยู 43 ซึ่งยอมรับการจัดทำเขตแดน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการยอมแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตร.กม.
น.ส.รัชดากล่าวอีกว่า ขอให้สภาเสนอไปยังรัฐบาลเยี่ยวยาราษฎรที่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่พิพาท นอกจากนี้ ในการใช้คำพูดสื่อสารในปัจจุบันที่เกี่ยวกับการสำรวจการจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งไม่ใช่เรื่องการปักปันเขตแล้ว เนื่องจากการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จไปนานแล้ว เท่ากับว่า ปัจจุบันจะต้องมีการพูดคุยในเรื่องการจัดทำหลักเขตแดนเท่านั้น
เมื่อถามว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่าผลการประชุมเข้าข่ายรัฐธรรมนูญ 190 หรือไม่ ก่อนที่จะยื่นให้รัฐสภา นายเจริญกล่าวว่า ทางประธานสภาฯ ได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้กับศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้รับพิจารณา
เมื่อถามต่อว่า คณะกรรมาธิการฯ จำเป็นต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนหรือไม่ ถึงจะยื่นให้กับรัฐสภา นายเจริญกล่าวว่า ทางกรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้ว แต่ยังเหลือพิจารณาในรายละเอียดอีก 2 วัน ซึ่งหากแล้วเสร็จก็ยื่นให้ทางรัฐสภาทันที ส่วนประธานสภาฯ จะพิจารณาอย่างไร คงต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างไร