กระทรวงการต่างประเทศ แถลงโต้กัมพูชาแถลงการณ์ยกเอ็มโอยู 43 พร้อมสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ของเขมร ชี้ศาลโลกไม่ได้ตัดสินเส้นเขตแดน ยันวัดแก้วสิขาคีรีสวาระอยู่ในพื้นที่ไทย จี้ถอนออกพร้อมธงแขมร์ ชี้ละเมิดอธิปไตยแห่งราชอาณาจักร ย้ำไทยมุ่งแก้เขตแดนโดยสันติ แต่รับการแบ่งเขตแดนอยู่ในระหว่างเจรจาในเจบีซี
วันนี้ (31 ม.ค.) เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศต่อกรณีธงชาติกัมพูชาที่ปรากฏอยู่เหนือวัดแก้วสิกขาคีรีศวร โดยระบุว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชามีคำประกาศ ลงวันที่ 28 มกราคม 2554 เกี่ยวกับธงกัมพูชาที่ปรากฏอยู่เหนือ “วัดแก้วสิกขาคีรีศวร” นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอแถลง ดังนี้
1.ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 อนุสัญญาและสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้สัญญาทั้งสองฉบับ ถือเป็นเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการกำหนดเขตแดน ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ยอมรับข้ออ้างของกัมพูชาว่าแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นเอกสารที่จะกำหนดเขตแดน
2.กัมพูชาได้ยอมรับในคำประกาศฉบับดังกล่าวว่า คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อปี 2505 (ค.ศ.1962) มิได้ตัดสินในเรื่องเส้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา
3.ประเทศไทยยืนยันว่า “วัดแก้วสิกขาคีรีศวร” ตั้งอยู่ในอาณาเขตไทย และเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชารื้อถอนวัดแก้วฯ และปลดธงกัมพูชาที่ประดับเหนือวัดแก้วฯ ข้อเรียกร้องนี้เป็นการย้ำถึงการประท้วงหลายครั้งของไทยต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ในวัดแก้วฯ และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย
4.กระทรวงการต่างประเทศยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธี ภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา การกำหนดเส้นเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการ