แกนนำ 40 ส.ว.ตอกย้ำเอ็มโอยู 43 ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่ออธิปไตยไทย แถมเขมรใช้เครื่องมือนำไปฟ้องสหประชาชาติ จี้ รบ.ใช้มาตรการเชิงรุก พร้อมสั่งปิดด่านชายแดนและแสดงแสนยานุภาพอย่างเต็มที่ และต้องยอมรับว่าได้สูญเสียอธิปไตยเหนือพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ไปแล้ว
วันนี้ (7 ก.พ.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีการปะทะกันระหว่างไทย กัมพูชาว่า นายกรัฐมนตรียืนยันว่าเอ็มโอยู 2543 เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการใช้เป็นเครื่องมือประกันความเคารพในอธิปไตย และใช้สันติวิธีต่อกัน แต่ 4 วันที่ผ่านมาก็ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา จนทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำเรื่องฟ้องสหประชาชาติว่าไทยรุกรานกัมพูชา ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงตรงข้ามกัน
นายประสารกล่าวว่า กัมพูชาไม่เคยใยดีต่อเอ็มโอยูเลย ขณะที่ประเทศไทยพยายามยึดถือเอ็มโอยูอย่างเคร่งครัด ไทยพยายามส่งสัญญาณไมตรีจิต แต่เขมรกับยื่นความเป็นอริให้ตลอดมา เมื่อเป็นเช่นนนี้ตนจึงอยากให้รัฐบาลไทยมีมาตรการเชิงรุก เช่น มาตรการทางการฑูต กระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาลดระดับทางการฑูตลง รวมถึงการเชิญเอกอัคราชฑูตประเทศต่างๆ มารับฟังคำชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังควรใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น ควรปิดพรมแดนเศรษฐกิจและการตัดความช่วยเหลือในการสร้างถนน และความช่วยเหลืออื่นๆ
“ที่ผ่านมาไทยตั้งรับตลอด และยังจะตั้งรับอีกต่อไป ทั้งๆที่ถูกละเมิดด้วยอาวุธหนักและถูกแย้งเอาดินแดน 4.6 ตร.กม.ไปแล้ว ทำไมรัฐบาลไทยไม่เป็นฝ่ายรุกบ้าง เพื่อสร้างอำนาจเหนือกว่าในการเจรจาต่อรอง” นายประสารกล่าว