นักวิชาการนิด้า ย้ำไทยเสียอธิปไตย 4.6 ตร.กม.แบบเบ็ดเสร็จ เพราะฝีมือนักการเมือง ชี้ เอ็มโอยู 43 คือ ต้นเหตุให้เขมรกล้าประกาศเขตอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทย ในเวทีโลก จนนำมาซึ่งการเปิดฉากสงคราม เซ็ง “กษิต” ใช้เวทียูเอ็นแจง เปลืองประโยชน์
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ถึงข้อพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ว่า กัมพูชาได้ประกาศจุดยืนบนเวทีโลกมาตลอด ว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นของเขา โดยละเมิดข้อตกลงเอ็มโอยู 43 ที่รัฐบาลไทยใช้อ้างมาโดยตลอด ทำให้กลายเป็นเงื่อนไขผูกมัดคอตัวเอง ตั้งแต่ยุคของ นายชวน หลีกภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เหมือนกับว่า นักการเมืองไทยที่ไปทำข้ออตกลงเอ็มโอยูในช่วงสับสน หรือถูกคุณไสยครอบงำ จึงต้องเดินตามเกมของกัมพูชามาโดยตลอด
“นักการเมืองไทยไม่เคยคิดว่าแผ่นดินตรงนี้ไม่ใช่ของไทย เพราะมัวแต่คำนึงถึงผลประโยชน์ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเหตุการณ์ปะทะเขมรกล้าเปิดฉากยิงใส่เรา เพราะเขามั่นใจแล้วว่าไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำดินแดน แต่รัฐบาลไทยก็ได้ทำได้แต่เพียงการตอบโต้ตามสมควร โดยนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ใช้เวทีสหประชาติ ยืนยันให้หนักแน่นว่า อธิปไตยไทยเป็นฝ่ายถูกรุกล้ำ และกองทัพไทยมีสิทธิปกป้องอธิปไตย ตามความสามารถอย่างเต็มกำลัง ดังนั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่า การยอมรับเอ็มโอยู 43 เท่ากับยอมรับ 1 ต่อ 2 แสน จึงเท่ากับว่า เราเสียอธิปไตยไทยไปแล้ว และเป็นต้นเหตุให้เขมรเปิดสงครามกับไทย และกล้าพูดในเวทีโลกว่าพื้นที่ 4.6 ต.ร.กม.เป็นของกัมพูชา