ผ่าประเด็นร้อน
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ “กรุงเทพโพลล์” เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยในปัจจุบันและอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า” เมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) ปรากฏว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สอบตกในทุกด้าน และที่ต้องหมายเหตุเอาไว้ให้เห็นภาพชัดเจนก็คือ เป็นการสอบตกด้วยคะแนนที่ “ต่ำมาก” จนแทบไม่น่าเชื่อ
เป็นภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ได้เป็นอย่างดี หลังจากบริหารประเทศผ่านมากว่า 2 ปี ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวยังมีการเปรียบเทียบให้เห็นกับปีที่แล้ว ซึ่งคะแนนยังลดลงในทุกด้านเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้ที่ปรากฏออกมาดังกล่าวนั้นเป็นการสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีกด้วย
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องแยกแยะออกมาทีละหัวข้อ ดังนี้ ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยเฉลี่ยรวมทุกด้านเพียงแค่ 3.47 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 โดยปรับลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจก่อนหน้าในช่วงเดือนมิถุนายน 2553 ที่เคยได้คะแนน 3.57 ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์จลาจลเผาเมืองของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
สำหรับการพิจารณาในแต่ละด้านพบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจจำนวน 4.01 คะแนน ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม 3.47 คะแนน ด้านการเมือง 2.94 คะแนน นอกจากนี้เมื่อแยกย่อยออกไปอีก 12 ตัวชี้วัดยังพบว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาคอรัปชั่นเพียงแค่ 1.91 คะแนนเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะเท่ากับการสำรวจครั้งก่อน แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าชาวบ้านไม่เชื่อ “น้ำยา” เลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าก็ออกมาในแบบเดิมคือถึงร้อยละ 44.7 ซึ่งสะท้อนออกมาจำนวนมากที่สุด นอกนั้นก็เชื่อว่าแย่ลง 33.9 เป็นต้น
นั่นคือตัวอย่างผลสำรวจของชาวบ้านทั่วประเทศที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึก ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีรองนายกฯด้านความมั่นคงชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชื่อ กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณ์ จาติกวณิช และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรทิวา นาคาศัย เป็นต้น
เป็นคณะผู้บริหารประเทศที่มีผลงานออกมาน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าเป็นนักเรียนหากผลคะแนนออกมาแบบนี้ ไม่ใช่แค่สอบตกอย่างเดียวเท่านั้น ยังต้องถูก “เชิญให้ออก” ไปด้วยซ้ำ เพราะถือว่าไร้ประสิทธิภาพเข้าขั้น “เด็กมีปัญหา” หรือหากเป็นภาคเอกชนถ้าบริหารกันแบบนี้รับรองว่ามีแต่ “เจ๊ง” สถานเดียวเท่านั้น
ที่สำคัญผลคะแนนที่ออกมาในเรื่องของความเชื่อมั่นในเรื่องแก้ปัญหาคอรัปชั่นที่คะแนนแค่ 1.91 คะแนนเท่านั้น ทำให้เกิดคำถามว่า นี่มันอะไรกัน ทั้งที่นายกฯอภิสิทธิ์ ก็มีการออกกฎเหล็ก 9 ข้อ กับนักการเมืองในรัฐบาล รวมทั้งการประกาศเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าวมาตลอดก็แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเรารู้ว่า “ดีแต่พูด” ไม่เคยทำจริง หรือทำไม่ได้ หรือว่าที่ผ่านมาชาวบ้านได้เห็นการทุจริตคดโกงในรัฐบาลชุดนี้กันอย่างมโหฬาร นายกฯ ก็เพียงแค่ปากว่าตาขยิบเท่านั้น
นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนออกมาในทางตรงกันข้ามกับการโปรโมตของรัฐบาลก็คือ ความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจที่มักย้ำว่าเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่สูง แต่ทำไมรัฐบาลยังสอบตกในเรื่องนี้ หรือว่าเมื่อไปถามชาวบ้านแล้วความรู้สึกล้วนออกมาในทางตรงกันข้ามผลถึงออกมาอย่างที่เห็น
ผลสำรวจของชาวบ้านที่ออกมาในครั้งนี้เชื่อว่าคงสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดา “แม่ยก” และผู้สนับสนุนนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องอื่นมากมาย นอกจากดูแค่ความ “หล่อ” มีสำนวนโวหารคมคาย เป็นนักโต้วาทีที่ไม่เคยเสียเปรียบ มีการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมหนีความจริงอันน่าเจ็บปวดไปไม่พ้น เพราะยิ่งนานไปก็ยิ่งเห็น “ธาตุแท้” เห็นฝีมือที่แสดงออกมาว่ามีมากน้อยแค่ไหน และนี่คือผลที่สะท้อนความจริงผ่านความรู้สึกของชาวบ้านจากกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่นั่นเอง
ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่รอบด้าน เมื่อเรายังมีผู้นำ มีรัฐบาลที่ไร้ฝีมือ มิหนำซ้ำยังตั้งหน้าตั้งทุจริตคอร์รัปชัน โดยไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะคิดว่าด้วยสำนวนโวหารที่เป็นเอกในการทำลายฝ่ายตรงข้าม อาจทำให้ตัวเองเอาตัวรอดไปได้ เพราะถ้าคิดแบบนั้นก็น่าจะคิดผิด เพราะเวลานี้ถือว่ากำลังนับถอยหลังแล้ว!!
