“กรุงเทพโพลล์” สำรวจพบประชาชนกว่าร้อยละ 80 ไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อน นำมาซึ่งการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ขณะเดียวกัน พอใจการปกป้องอธิปไตยของกองทัพ เชื่อรับมือทหารเขมรได้ ชี้เหตุสู้รบมาจากการยั่วยุของฝ่ายเขมร แนะรัฐบาลเปิดโต๊ะเจรจา แต่ไม่มั่นใจศักยภาพของกระทรวงการต่างประเทศ
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หัวข้อ “ประชาชนคิดอย่างไร กรณีทหารไทยปะทะทหารกัมพูชา” พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ลุกลามจนเกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นนั้น ร้อยละ 26.4 มองว่าเกิดจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา รองลงมาร้อยละ 25.6 เกิดจากรัฐบาลไทยขาดเอกภาพในการทำงาน ร้อยละ 21.4 มองว่าเป็นเพราะการเดินเกมที่ผิดพลาดของรัฐบาลไทย และร้อยละ 12.8 มองว่าเกิดจากความเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มพันธมิตรฯ ตามลำดับ
สำหรับความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนส่วนใหญ่พอใจการทำหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องรักษาแผ่นดินไทย โดยพบว่าพอใจร้อยละ 67.5 แต่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งมีถึงร้อยละ 80.2 ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจไม่พอใจร้อยละ 74.9
ส่วนการเตรียมพร้อมในการอพยพและดูแลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ มีกลุ่มผู้ที่ระบุว่าพอใจและไม่พอใจในสัดส่วนใกล้เคียงกัน (พอใจร้อยละ 50.6 ไม่พอใจร้อยละ 49.4)
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของกองทัพไทยในการรับมือกับปัญหาความขัดแย้งที่อาจลุกลามบานปลาย พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 67.4 ระบุว่าเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วนความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการเจรจาของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 75.3 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย
สำหรับสิ่งที่อยากให้รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีะ ทำมากที่สุดในขณะนี้เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า อันดับแรกต้องการให้รัฐบาลเปิดโต๊ะเจรจากับกัมพูชา ร้อยละ 46.6 รองลงมาให้เร่งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสหประชาชาติ (UN) ร้อยละ 25.3 และให้อาเซียนมาเป็นคนกลางแก้ปัญหา ร้อยละ 10.4 ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 6.0 ที่ต้องการให้ใช้กำลังทหารเข้าต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ