“ประพันธ์” แฉภาพ ส.ส.ปชป.รับรองวัดแก้วฯ ของเขมร-ปลุกไล่ “มาร์ค” ทางรอดเสียดินแดน

นายประพันธ์ คูณมี โฆษการชุมนุมร่วมพลังปกป้องแผ่นดิน

“ประพันธ์” แฉภาพ ส.ส.ปชป.พร้อมแม่ทัพ 2-ขรก.บัวแก้ว สุดบัดซบ เข้าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ถ่ายรูปหน้าวัดแก้วฯ ร่วมกับทหารเขมรเฉย หนำซ้ำควักเงินใส่ซองบริจาคพระวัดแก้วฯ เท่ากับยอมรับเป็นดินแดนเขมร จวก “มาร์ค-กษิต” ไม่ทันเกม “ฮุนเซน” สมคบมหาอำนาจ เปิดฉากรบไทย หวังนำเรื่องเข้ายูเอ็นประกาศให้โลกรู้ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนรอฮุบล้านไร่ ชี้ทางรอดไทยเสียแดนต้องขจัด “อภิสิทธิ์” พ้นนายกฯ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”

เมื่อเวลา 22.10 น.วันที่ 12 ก.พ. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเริ่มจากการฉายพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ออก ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ประชาชนมีความสุขที่สุด พระพักตร์ของพระองค์บ่งบอกว่าทรงพระเกษมสำราญสบายพระทัยทรงยิ้มแย้มต้อนรับพระราชอาคันตุกะ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ก็ทรงพระสิริโฉมอิ่มเอิบ ขอให้พวกเราเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และที่พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อไม่ให้มีการเสียแผ่นดินในรัชกาลปัจจุบัน

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า นั่นเป็นข่าวดี แต่ต่อไปจะพูดถึงข่าวร้าย ซึ่งเกิดจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายประพันธ์ได้เปิดภาพถ่ายทางขึ้นปราสาทพระวิหารในอดีตประกอบ ซึ่งเป็นภาพที่คนไทยยังสามารถเข้าไปยังบริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารได้ เพราะศาลโลกตัดสินให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นของเขมร และ ครม.รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ทำรั้วล้อมปราสาทเอาไว้ ส่วนบริเวณนอกนั้นเป็นของไทย เมื่อคนไทยขึ้นไปเที่ยว ยังไปถ่ายรูปกับเฮลิคอปเตอร์เขมรที่บินเข้ามาแล้วถูกทหารไทยยิงตก คนกัมพูชาจะขึ้นมาไมได้ ถ้าไทยไม่อนุญาต แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ทำเอ็มโอยู 2543

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เราบอกมาตลอดว่าเอ็มโอยู 2543 จะนำมาซึ่งการสูญเสียดินแดนนอกจากโดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรแล้ว ยังกินพื้นที่ยาวตลอดแนวชายแดนจากหลักเขตที่ 1 ถึง 73 คิดเป็นพื้นที่หลายล้านไร่ รัฐบาลก็ไม่ฟัง นอกจากนี้นายชวน หลีกภัย ยังไปเซ็นเอ็มโอยู 43 โดยไม่ยกเลิกพื้นที่อุทยานบริเวณปราสาทพระวิหาร ขณะที่ศาลปกครองก็ตัดสินแล้วว่า พื้นที่นี้นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ เอาไปรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาไม่ได้ ขณะที่เอ็มโอยู 2543 ทำขึ้นหลังรัฐธรรมนูญ 2540 แต่ไม่ผ่านสภา และถ้ายังเดินหน้าการประชุมเจบีซี ต่อไปก็จะมีแต่การรับรองแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งวันหนึ่งข้างหน้า กัมพูชาจะเอาไปอ้างเป็นกฎหมายปิดปากเหมือนกรณีปราสาทพระวิหาร เราพูดมาตลอด 2 ปี และทุกวันนี้ทุกอย่างมันเป้นจริงแล้ว ทหารกัมพูชาตัดถนนเข้ามา ขนอาวุธเข้ามายิงราษฎรไทย คนไทยถูกยึดที่ดินทำกินพอเราเข้าไปก็ถูกจับขึ้นศาล ปราสาทพระวิหารก็กลายเป็นฐานทัพเอาปืนใหญ่มาตั้งแล้วยิงใส่คนไทย

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า เขมรเอากรณีประทะกันตามแนวชายแดนเข้าไปเจรจาในสหประชาชาติได้ เป็นเพราะความโง่ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่เมื่อเห็นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีนายกฯ ที่เลวและอัปยศเท่านี้อีกแล้ว ตั้งแต่เกิดมาจนเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ไม่เคยทำปิดเลยหรือ อะไรก็เอาสีข้างเข้าถูหมด ไม่เคยเห็นแสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาดของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว แล้วยังเถียงข้างๆ คูๆ โยนความผิดให้พันธมิตรและประชาชนผู้รักชาติ อย่างหน้าด้านๆ

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้นายอภสิทธิ์ยังกอดเอ็มโอยู 43 อยู่ และพยายามเดินหน้ากลไกเจบีซี ที่นายฮุนเซนกระทืบขยี้ไปนานแล้ว และไปไกลแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ยังไม่รู้เรื่อง แล้วยังโง่เง่า ผลักดันบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) 3 ฉบับให้ผ่านสภาให้ได้ ทั้งที่เราคัดค้านเพราะว่ามันเป็นบันทึกขายชาติ เพราะยอมรับเอ็มโอยู 2543 และแผนที่ 1 ต่อ 200,000

นายประพันธ์กล่าวว่า ในการผลักดันบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับนั้น ได้มีการแต่งตั้งนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมวิสามัญพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งนายเจริญยืนยันว่าจะให้เสร็จในเดือน ก.พ. แล้วเสนอเข้าสู่สภาให้ทันการประชุมภายใน ก.พ.นี้ ขณะที่นายฮุนเซนเอาเรื่องขึ้นไปถึงสหประชาชาติแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ยังจะผลักดันให้เรื่องเจบีซีผ่านสภาให้ได้

นายประพันธ์เปิดเผยอีกว่า นายเจริญได้พาคณะกรรมาธิการฯ เดินทางไปที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร โดยมีนางสาวรัชดา ธนาดิเรก นางผุสดี ตามไท ส.ส.ประชาธิปัตย์ นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.เพื่อไทย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและเขตแดนเดินทางไปด้วย

นายประพันธ์ได้แสดงภาพประกอบการปราศรัย ซึ่งเป็นภาพนางสาวรัชดากับนายธเนศถ่ายรูปคู่กันที่ทางขึ้นปราสาท และหน้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งมีธงเขมรปักอยู่ โดยไม่สนใจว่านี่เป็นดินแดนไทยที่ถูกเขมรยึดไป รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาต่างประเทศ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและเขตแดนไปถ่ายรูปที่วัดแก้วฯ ซึ่งข้างบนมีธงเขมร เหมือนกับไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผ่นดินไทยที่ถูกเขมรยึดครอง

ส่วน พล.ท.ธวัชชัยที่เดินทางไปด้วยก็มีภาพเดินทักทายชหัวเราะกับทหารเขมรที่มายึดแแดนไทย นอกจากนั้นยังมีภาพธงชาติเขมรและธงชาติยูเนสโกปักอยู่บนดินแดนไทย ห่างออกมาจากตัวปราสาทพระวิหารเป็นกิโลเมตร

นอกจากนั้น ภาพของรถที่พาคณะขึ้นไปที่วัดแก้วฯ ก็เป็นรถปิกอัพของกัมพูชา ไปไหนก็มีทหารกัมพูชาคุมอยู่ ส่วนที่วัดแก้วฯ ก็มีพระเขมรอยู่ ทั้งที่เป็นแผ่นดินของเรา และนายอภิสิทธิ์ก็เคยด่ารัฐบาลนายมัครว่า แค่ล้อมรั้วก็ยังยอมไม่ได้ แต่ภาพของคณะที่ไป ปรากฏว่านายเจริญ พล.ท.ธวัชชัย นางสาวรัชดา นางผุสดี รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ไปคุยกับพระที่วัด โดยมีเจ้าหน้าที่กัมพูชามาต้อนรับ แล้วคณะที่ขึ้นไปก็เอาเงินบริจาคให้วัด โดย พล.ท.ธวัชชัยเอาเงินใส่ซองแล้วนางผุสดีเขียนบนซองซึ่งเป็นซองตราครุฑของรัฐสภาไทย ใส่เงินไทยบริจาคให้วัดแก้วฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่บัดซบมาก เพราะถ้าเป็นวัดในแผ่นดินไทยที่ถูกเขมรยึด แล้วจะไปบริจาคเงินให้ทำไม

ส่วนภายในวัดฯ ก็มีภาพของนายฮุนเซน รัฐมนตรีและบุคคลสำคัญของกัมพูชา เพื่อยืนยันว่าเป็นดินแดนของเขา แต่คณะของนายเจริญที่ไปหาได้สำนึกไม่ แม้แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศก็ยังไปถ่ายรูปคู่กัยบทหารกัมพูชาในวัด และมีรูปนายเจริญก้มกราบพระเขมร นางสาวรัชดา นางผุสดี ผู้ว่าฯ พล.ท.ธวัชชัยก็นั่งพนมมือ ก็ไหนว่าเป็นของกัมพูชาเฉพาะที่ล้อมรั้ว นอกนั้นเป็นคนของไทย อย่างนี้มันน่าอัปยศหรือไม่

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า วันก่อนนายอภิสิทธิ์บอกให้ทหารเอาธงกัมพูชาลง ให้รื้อป้ายรื้อวัดออก และบอกว่า 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย แต่กลับปล่อยให้ลูกน้องไปสมยอม แล้วให้เขาสร้างถนน สร้างทางขึ้นมา ตั้งแต่เป็นนายกฯ มาคุณทำอะไรบ้าง

นายประพันธ์ยังได้แสดงภาพตอนที่คณะของนายเจริญออกมาจากวัด ซึ่งทั้ง พล.ท.ธวัชชขัย และนายเจริญได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่ทั้งคนและสื่อมีแต่เขมรทั้งนั้น ไม่มีไทยแม้แต่คนเดียว และยังมีการถ่ายรูปหน้าวัดร่วมกับทหารเขมร หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข มีทหารเขมรพานั่งรถไปที่นั่นที่นี่ ไม่รู้สึกว่านี่เป็นแผ่นดินไทยที่โดนยึดครอง

นายประพันธ์ระบุว่า ทั้งหมดเป้นภาพถ่ายเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ก่อนมีการทุบป้าย หลังจากที่พวกเราโวยวาย แต่ป้ายไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะเขายึดที่ดินบริเวณวัดไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีป้ายที่มีรูปธงเขมรคู่กับธงฝรั่งเศส เพราะการบูรณะได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส

“ทำไมคุณอี๋อ๋อกับเขมรเหลือเกิน คุณมีผลประโยชน์อะไรกันหรือเปล่า ที่ว่ามีโควตาส่งออกน้ำมันเดือนละ 5 หมื่นลิตร หรือมีเมียน้อยค้าขายกับเขมรจริงหรือเปล่า จึงพินอบพิเทาเขาขนาดนั้น เวลานี้ ไม่ใช่เค่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่ตลอดแนวชายแดน ทหารเขมรเข้ามายึดครองหมดแล้ว เพราะมีแม่ทัพภาค 2 ที่ไม่ประสีประสา”

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เราจะหวังกับรัฐบาลนี้ได้อย่างไร เมื่อนายอภิสิทธิ์ดีแต่พูด แต่ทำอีกอย่าง โกหกตอแหลไปวันๆ ปากว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 แต่ยอมรับการยึดครองแผ่นดิน ยอมรับการตั้งฐานทหารบนวัดแก้วฯ แล้วไล่ทหารไทยลงมา พฤติกรรมของ ส.ส.ประชาธิปัตย์และพวกที่ไปทำอย่างนี้ เท่ากับขายชาติและยกแผ่นดินให้เขมร เมื่อมีการปะทะและเขมรเอาเรื่องไปถึงสหประชาชาติ เขมรจะยกเรื่องเหล่านี้ไปอ้างในที่ประชุม รวมทั้งเรื่อง 7 คนไทยถูกจับขึ้นศาลกัมพูชา โดยที่รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศไปยอมรับว่าเราบุกรุกดินแดนเขา เรื่องเหล่านี้มันจะปิดปากรัฐบาลไทย การประชุมที่เกิดขึ้นนายกษิต ภิรมย์ จะเอาอะไรไปตอบโต้เพื่อปฏิเสธว่าไม่ใช่ดินแดนของเขมรหรือไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เพราะพฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์และพวททำให้ประเทศไทยเสียหาย ถ้ายังปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ ยังนั่งปกครองบ้านเมือง แผ่นดินไทยในยุครัชกาลที่ 9 ต้องสูญเสียให้กัมพาเป็นล้านไร่ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ให้มันอยู่ เราต้องสูญเสียแผ่นดินไทยแน่นอน ถ้านายอภิสิทธิ์ยังอยู่แม้แต่วันเดียว เราต้องเรียกร้องให้พี่น้องทั่วประเทศออกมาแสดงพลังร่วมกัน วันหนึ่งเราต้องเรียกพี่น้องให้ระดมพลออกมาให้มากที่สุดเพื่อไล่นายอภิสิทธิ์ออกไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราเสียแผ่นดินแน่นอน

นายประพันธ์กล่าวถึงกรณีที่นายฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ยื่นเรื่องให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาว่า นายฮุนเซนไม่ได้คิดเอง แต่มีมหาอำนาจชักใยวางแผนให้ ทำไมเขมรจึงกล้าเอาทหารเข้าไปและทำให้เกิดการปะทะ ทั้งที่อีกไม่กี่เดือนก็จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ซึ่งการทำให้เกิดการสู้รบอาจจะกระทบต่อการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่กัมพูชาเดินแผนไปไกลกว่าเรา เพราะได้ไฟเขียวจากมหาอำนาจที่ได้ผลประโยชน์ทางทะเลจากกัมพูชา

นายประพันธ์ระบุว่า นายฮุนเซนไม่กลัวจะกระทบกับมรดกโลก เพราะได้วางแผนกับมหาอำนาจในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไว้แล้ว นั่นคือฝรั่งเศส ที่ไฟเขียวให้เปิดฉากรบ เมื่อรบกันก็ทำเรื่องประท้วง ร้องมาที่คณะมนตรีมั่นคงของยูเอ็นทันที ซึ่งเขมรคิดเองไม่ได้ แต่มีลูกพี่ใหญ่ที่คอยคิดให้ และการที่นายฮุนเซนเป็นนายกฯ 30 กว่าปี ก็รู้กลเม็ดเด็ดพรายทางการเมือง เมื่อทำหนังสือไป ประธานคณะมนตรีความมั่นคงก็ให้สัมภาษณ์ทันทีว่ารับข้อเสนอแล้ว และกำหนดวันประชุมในวันที่ 14 ก.พ. หลังจากการประทะกันวันสุดท้ายเพียง 6 วัน ประเทศอย่างกัมพูชาไม่มีทางทำได้

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นความโง่ของนายอภิสิทธิและนายกษิต โดยทางฝ่ายเขมรได้ทำให้นานาชาติเห็นแล้วว่าเรายอมรับเอ็มโอยู.2543 ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 จากการไปยึดครองดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรแล้วประกาศให้ทั้งโลกได้รู้ และทันทีที่มีการปะทะกัน ฝรั่งเศสก็บอกว่ามันมีแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ประเทศไหนจะดูมาถ่ายเอาไปได้ เพื่อที่จะบอกว่าไทยรุกล้ำดินแดนมัน ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับการขอพื้นที่จราจร 2 เลนคืนจากพันธมิตรฯ แต่ฮุนเซนเอาเรื่องเข้ายูเอ็นแล้ว ประธานอาเซียนก็ออกมายอมรับแล้ว กัมพูชาทำสำเร็จแล้วในการให้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ แต่เป็นระดับอาเซียนและระดับโลกแล้ว ถ้าไม่ยอมรับเขาจะเปิดประชุมแล้วเรียกไทยไปชี้แจงหรือ

“เขมรมันไม่สนใจมรดกโลกหรอก เพราะมันขึ้นทะเบียนได้อยู่แล้ว มันไม่สนใจการบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เพราะมันจะเอาเป็นล้านๆ ไร่ แต่นายอภิสิทธ์ยังโง่ เขมรมันแสดงให้ทั้งโลกเห็นแล้วว่า ถ้าเป็นดินแดนไทย จะยังให้เขาตั้งทหารอยู่ทำไม จะให้กรรมาธิการฯ ไทย แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยไปกราบพระทำไม ถ้าเป็นดินแดนคุณ คุณยอมทำไม”

“แล้วมาบอกว่า ถ้าเลิกเอ็มโอยูก็เท่ากับเลิกทวิภาคี คุณมันโง่เง่า โยนปัญหามาให้พันธมิตรฯ ที่มันมีปัญหาอย่างนี้ ก็เพราะความไม่เอาไหนของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์มาโทษประชาชน เพราะคุณเป็นนายกฯ ไม่ใช่เด็กเลี้ยงควาย มาเก่งแต่เถียงคำไม่ตกฟากกับพี่น้อง ทำไมไม่ไปเถียงเขมร นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนอัปยศได้ขนาดนี้”

นายประพันธ์กล่าวในตอนท้ายว่า ทางรออดของประเทศไทยนั้นมีอยู่ 4 แนวทาง คือ 1.ต้องหาทางกำจัดนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งนายกฯ 2.มีรัฐบาลใหม่ มีนายกฯ ที่ไม่ขายชาติ และไม่งี่เง่าแบบนายอภิสิทธิ์ 3.แม่ทัพนายกองที่มีพฤติกรามอย่างนั้นต้องปลด อย่าให้มาทำหน้าที่ เพราะไม่มีทางที่จะรักษาบานเมืองไว้ได้ และ 4.ต้องหาทางยึดแผ่นดินคืนมา ไม่ต้องสนใจการเจรจา ไม่ใช่ปล่อยให้เขายึดครอง แล้วเอาเรื่องเข้าเจรจราในยูเอ็น แต่นายกฯ ยังมัวมาขอถนน 2 เลนคืนจากผู้ชุมนุม ชาติจะย่อยยับหรือไม่

คณะของนายเจริญ คันธวงศ์ เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ 4.6 ตร.กม.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ส.ส.ประชาธิปัตย์ และนายธเนศร์ เครือรัตน์ ส.ส.เพื่อไทย ถ่ายรูปหน้าทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันมีธงกัมพูชาปักอยู่