“อภิสิทธิ์” โชว์เหลี่ยม ไม่ฟันธงกำหนดการยุบสภา รอวัดใจแก้ไข รธน.-ผ่านงบกลางปี ก่อนกำหนดวันยุบสภา เล่นลิ้นหวั่น ส.ส.ตกใจ
วันที่ 9 ก.พ.2554 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา ASEAN – CLSA Forum ตอนหนึ่ง ว่า การที่บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ ที่ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในอาเซียน และเมื่ออาเซียนบรรลุเป้าหมายสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 4 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรรวมกันจะสูงถึง 700 ล้านคน และมี GDP รวมกันถึง 2.69 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมทั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่อาเซียน และความสัมพันธ์กับภายนอกภูมิภาค อาเซียน และอาเซียนยังเชื่อมโยงกับภูมิภาคเอเชียและแปซิพิกด้วย ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่เข็มแข็งในเอเชียและวิฟิก กรอบอาเซียน + 3 กับญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ส่วนอาเซียน + 6 ที่มีอินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้มีตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกาและรัสเซียที่จะร่วมกับอาเซียน บวก 8 หรือการชุมนุมสุดยอดเอเชียตะวันออกปลายปีนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การอำนวยความสะดวกทางการค้า ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะ ASEAN Green Lane ASEAN Single Window และ Self-Certification ที่ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ และปี 2558 ภูมิภาคอาเซียนจะกลายเป็นตลาดเดียว ฐานการผลิตเดียว มีกฏและระเบียบที่เป็นเอกภาพ รวมถึงการติดต่อที่ใกล้ชิดประชาชน ประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือทางการค้าที่เป็นพลวัตและเป็นหนึ่งเดียวกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความพยายามในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและสภาพแวดล้อมที่เอื้อการลงทุน ทำให้ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและให้ผลกำไรสูง และความสำเร็จที่สะท้อนได้จากอุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า เหล็ก น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี ซึ่งฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรม (Industrial base) และศักยภาพของกลุ่มอุตสาหกรรม จะสามารถทำให้ประเทศไทยเติบโตได้อีก .ซึ่งการลงทุนจากต่างประเทศในปี 2553 เพิ่มขึ้น 97 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่เศรษฐกิจของไทยชะลอตัวในช่วงสองปีก่อนหน้านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งต้องมี 3 เป้าหมายคือ 1. เศรษฐกิจฟื้นตัว ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 8 เปอร์เซ็นต์ ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ และอัตราว่างงาน 1เปอร์เซ็นต์ การส่งออกขยายตัว 25 เปอร์เซ็นต์ ปีที่ผ่านมา 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาวาระสุดท้ายในวันที่ 11 ก.พ.ที่จะถึงนี้ และ 3. การเลือกตั้งจะต้องไม่มีความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งทีรัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่ และจะไม่อยู่จนครบวาระ รวมทั้งจะมีการเลือกตั้งภายในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยามสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงทางสังคมมีแผนการปฏิรูปประเทศไทย ที่รัฐบาลจะมีมาตรการดูแลด้านเศรษฐกิจ เพิ่มมาตรการสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุม และสนับสนุนการศึกษา ระบบยุติธรรม ที่มีเป้าหมายสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชน ส่วนเรื่องที่รัฐบาลได้รับร้องเรียนคือ เรื่องที่ไม่ได้รับโอกาสในการกู้ยืมไม่เท่าเทียมกันและเข้าไม่ถึง เพราะระบบสถาบันการเงิน รัฐบาลกำลังสร้างเศรษฐกิจไทยให้มีความเข็มแข็ง เป็นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรัฐบาลยังคาดว่าในปี 2011 จะเป็นอีกปีที่ดีของประเทศไทย จะเติบโตทางเศรษฐกิจ และ การเติบโตด้านการบริโภค และเชื่อมั่นว่า จะเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน และใช้โอกาสนี้อวยพรให้ผู้เข้าร่วมงานประสบความเจริญในปี 2011
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่าที่บอกว่าปีนี้จะมีการเลือกตั้งและขณะนี้กระบวนการมีความคืบหน้าไป เมื่อถามว่าปลายเดือนเมษายนนี้ จะชัดเจนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เรียบร้อยและดูสถานการณ์ เหตุการณ์ในบ้านเมือง และค่อยตัดสินใจ ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จการประสานงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ออกระเบียบ ขั้นตอนตรงนั้นใช้เวลานานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องสอบถามกกต.
เมื่อถามว่า การพิจารณางบกลางปีจะเสร็จได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงในกระบวนการน่าจะเสร็จประมาณเดือนมีนาคม น่าจะกลางเดือนมีนาคมด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร เมื่อถามว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สอดรับกันกับกติกาใหม่ได้ใช้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ครับ จังหวะน่าจะใกล้ๆ กัน เมื่อถามอีกว่า จังหวะการพิจารณาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และงบประมาณกลางปี จะทำให้สามารถตัดสินใจทางการเมืองได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวยิ้มพร้อมกับตอบว่า เดี๋ยว ส.ส.จะตกใจ