“เทพเทือก” ยัน “มาร์ค” ไม่ต่อสายคุย “ฮุนเซน” ก่อน กลัวเขมรนำไปอ้างไทยยอมจำนน จะเสียเวลาชี้แจง เผยฟังรายงานจาก รมว.กลาโหมแล้วมั่นใจศักยภาพกองทัพ แจงเหตุ ครม.เห็นชอบให้จัดงานแสดงสินค้าที่กัมพูชา เหตุคนไทยในเขมรขอนำสินค้าไปแสดงเอง ระบุเหตุปะทะทำประชาชนทั้งสองประเทศเสียโอกาส ชี้เป็นสิ่งดีที่ยูเนสโกจะขึ้นไปดูสภาพบนปราสาทพระวิหาร จะได้รู้ว่าขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้หรือไม่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จัดงานแสดงสินค้าที่กัมพูชาว่า ความจริงงานนี้ได้มีการกำหนดไว้อยู่ก่อนแล้ว ในการที่จะแสดงสินค้าไทยที่กรุงพนมเปญ และได้จัดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ชาวกัมพูชาชอบใจให้ความสนใจมาก และมาปีนี้เกิดมีเหตุกระทบกระทั่งกันที่บริเวณชายแดน ผู้ที่จะนำสินค้าไปแสดงที่พนมเปญคงไม่ค่อยสบายใจ แต่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ได้ออกมารับรองความปลอดภัยของผู้ที่จะไปจัดงานแสดงสินค้า โดยสมเด็จฯ ฮุนเซนบอกว่าเรื่องการปะทะที่ชายแดนเป็นเรื่องหนึ่ง และความสัมพันธ์ทางการค้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม คนที่จะนำสินค้าไปแสดงคงไม่สะดวกใจมากนัก แต่บรรดาคนไทยที่ค้าขายในกัมพูชาก็บอกว่า ถึงแม้ไม่มีพ่อค้าจากประเทศไทยไปแสดงสินค้า ก็ขอให้คนไทยที่อยู่ในกัมพูชานำสินค้ามาแสดงก็แล้วกัน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาขออนุญาตคณะรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรายังจะเล่นตามเกมอีกหรือ เพราะทหารและคนของเราก็เสียชีวิต เรายังจะไปค้าขายกับเขาอีกหรือ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการปะทะที่บริเวณชายแดนน่าจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สติ และตระหนักว่าการใช้กำลังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ความสัมพันธ์ที่จะอยู่ร่วมกันและเห็นแล้วว่าเมื่อมีการกระทบกระทั้งกันที่ชายแดนก็เดือดร้อนกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายไทยก็เดือดร้อนและกัมพูชาคงเดือดร้อนไม่น้อยกว่าที่เราได้รับ จะไปพูดว่าเท่านั้นเท่านี้จะเป็นการยั่วยุว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ตนยืนยันได้ว่ากองทัพไทยได้ดูแลอธิปไตยของบ้านเมืองอย่างดี และพร้อมไม่มีใครรุกรานเข้ามาได้แน่นอน แต่มันก็ต้องมีคนบาดเจ็บ ขณะเดียวกันประชาชนสองประเทศก็เคยค้าขายติดต่อกันมา การปะทะกันกระทบกระทั่งกันวันหนึ่งก็ต้องยุติลงได้ ฉะนั้นการค้าของคงรักษาความสัมพันธ์ไว้
ส่วนควรมีการลดระดับลงหรือไม่ เพราะกัมพูชาเป็นเริ่มเหตุก่อนควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าการหยุดค้าขายคงกระทบถึงประชาชน เราต้องเข้าใจประชาชนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุหรือทำให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการสั่งปิดด่านประชาชนก็เดือดร้อน เมื่อถามว่าในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคงได้รายงานแนวโน้มอะไรบ้าง หรือต้องเฝ้าระวังอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องแยกกันว่าการเฝ้าระวังดูแลแนวชายแดนเป็นภาระของกองทัพอยู่แล้ว กองทัพยอมให้ใครล่วงล้ำอธิปไตยมาไม่ได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะโดยวิธีไหน ยิงปืนเข้ามาก็ต้องตอบโต้ไปเป็นธรรมดา
“เรามั่นใจในสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบกที่ได้นำมาเรียนในที่ประชุม ทำให้ที่ประชุมไม่มีความวิตกกังวลในเรื่องนี้เลย แต่การสู้กันบนเวที ทั้งเวทีอาเซียน สหประชาชาติ ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปแสดงให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลก ซึ่งในกรณีนี้มีตั้งแต่บันทึกภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะชี้แจงได้ว่าแท้ที่จริงแล้วประเทศไทยได้กระทำการในฐานะป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่ได้รุกรานอย่างที่กัมพูชากล่าวหา”
ส่วนที่องค์การยูเนสโกจะขอขึ้นไปดูที่เขาพระวิหารอย่างนี้เราจะดูแลอย่างไร เพราะมีการระบุว่าใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นฐานในการยิงลงมาจริงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า มีรายงานอย่างนั้นจริงว่า ทหารกัมพูชาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ของปราสาทและยิงออกมา อย่างนี้ก็เป็นประเด็นที่เป็นปัญหาว่าอย่างนี้จะเอาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อย่างไร ส่วนที่ยูเนสโกจะขอขึ้นไปตรวจก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง
เมื่อถามว่า กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย แต่กลับไม่พบความเสียหายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง ตรงนี้จะกลายเป็นว่ากัมพูชาให้ข่าวเท็จกับชาวโลกหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้นดีกว่า แต่เมื่อมีข้อกล่าวหามาเราก็พิสูจน์ด้วยความจริง ชี้แจงด้วยข้อเท็จจริง เพราะมีหลักฐานรูปภาพชัดเจน เราก็ไปแสดงว่าทั้งหมดเรื่องจริงเป็นอย่างไร ชาวโลกจะได้เข้าใจ กัมพูชาก็เป็นปกติ เมื่อเวลาต่อสู้เขาก็พยายามที่จะให้เขาได้เปรียบทั้งในเวทีโลก ข่าวสาร เขาสามารถกำกับทิศทางของข่าวได้ว่าจะให้ไปทางไหนฝ่ายเราเป็นประเทศเสรี ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องที่ดีในความหลากหลายที่จะไปยืนยันกับชาวโลกได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ปัดไม่รับข้อร้องเรียนจากกัมพูชา เมื่อเป็นเช่นนี้ทางกัมพูชาจะดึงเรื่องไปถึงการประชุมที่ประเทศบาห์เรน เราจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า เป็นหลักปกติอยู่แล้ว นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ได้แจ้งที่ประชุม ครม.ได้ทราบว่า ในกรณีที่มีการปะทะกันจุดใดจุดหนึ่งที่ชายแดนมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปถึงสหประชาชาติ เพราะก่อนจะถึงสหประชาชาติก็ยังมีอาเซียน เพราะเราเป็นสมาชิกก็ควรพูดคุยกันก่อน ซึ่งก่อนจะถึงขั้นนั้นประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศ คือ สองประเทศต้องพูดคุยกัน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนที่สองประเทศสามารถคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทีมไปเดินสายชี้แจงทุกเวที รวมทั้งมิตรประเทศที่เราคบค้าสมาคมด้วย
ส่วนที่ทางกระทรวงกลาโหมอยากให้นายกรัฐมนตีทั้งสองประเทศพูดคุยกัน ขณะนี้นายกรัฐมนตรีของไทยได้เริ่มอยากที่จะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้วหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยัง ต้องว่าไปตามขั้นตอนก่อน บางทีในขณะที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อและในสายตาชาวโลก ถ้าฝ่ายเราแม้มีเจตนาดีรีบออกไปพูดคุยเขาก็จะบอกว่ายอมจำนนแล้ว ยิ่งหนักและจะแย่ลงไปอีก ตนพูดอย่างนี้สมเด็จฯ ฮุนเซนก็ได้ยินอยู่แล้ว ก็ต้องรู้ว่าเราไม่มีเจตนาให้เรื่องบานปลายและเราต้องการแก้ปัญหาตามข้อเท็จ จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าหากผู้นำของประเทศใดเริ่มพูดคุยก่อนถือว่าประเทศนั้นยอมจำนนหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ ประเทศไทยไม่เอาเปรียบอย่างนั้น เพียงแต่เราต้องระมัดระวังอย่าให้เสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของบ้านเมืองเรา แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่เวลาคนกล่าวอ้างเราต้องเสียเวลามาแก้ต่าง
ต่อข้อถามว่านอกจากจุดที่ อ.กันทรลักษ์ ฝ่ายความมั่นคงได้มีการรายงานจุดอื่นที่มีความเสี่ยงทั้งสองฝ่ายอาจจะปะทะกันหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีจุดอื่น เราพยายามให้พื้นที่กระทบกระทั่งกันจัดจำนวนที่สุด เมื่อถามว่าที่ อ.น้ำยืน และ กิ่ง อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบด้วยเราจะดูแลเหมือนที่ อ.กันทรลักษ์ด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ดูแลทุกแห่ง ต้องเข้าใจว่าถึงแม้ประชานไม่ได้อยู่ที่ อ.กันทรลักษ์ แต่เมื่อข่าวสงครามใกล้เข้ามาอย่างนี้ก็ต้องตกใจ บางแห่งเราต้องอพยพออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ จนกว่าเหตุการณ์จะคืนสู่ความสงบ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะดูการอพยพผู้คนให้กลับเข้าพื้นที่ในวันนี้พรุ่งนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ก็ดูเป็นรายวัน เมื่อรัฐบาลทั้งสองประเทศได้คุยกันและยืนยันว่าให้จบแค่นี้ เราก็อพยพชาวบ้านกลับ เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สามารถบอกได้ว่าบริเวณชายแดนจะมีการตอบโต้ กันหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า นั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งชาวบ้านยังไม่สบายใจที่จะกลับไปช่วงนี้ เพราะเหตุการณ์ยังใหม่อยู่ และที่มาคงไม่ใช่เพราะมีของแจก เพราะเขาเดือดร้อนและน่าเห็นใจกันจริง เมื่อถามว่าทำไมคนมามากผิดปกติ นายสุเทพกล่าวว่า ประชาชนที่นั่นเยอะ